xs
xsm
sm
md
lg

"ลูกเทือก"โวยDSIรับใบสั่งการเมือง ไล่บี้คดีรุกป่าสงวนเขาแพง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เมื่อเวลา 13.00 น. วานนี้ (8 ก.ค.) ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ หลักสี่ กทม. นายแทน เทือกสุบรรณ บุตรชายนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฏรธานี พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายทวีศักดิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย เปิดแถลงข่าว กรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกหมายเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา ในฐานะผู้ต้องหาในวันที่ 9 ก.ค. เวลา 09.30 น. ในคดีครอบครองที่ดินของรัฐโดยมิชอบ มีการก่อสร้าง แผ้วถางบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน ว่า วันนี้ (9 ก.ค) ตนจะเดินทางไปดีเอสไอ ตามหมายเรียก พร้อมจะทำบันทึกชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร โดยก่อนหน้านี้ เคยทำหนังสือชี้แจงสอบถามดีเอสไอแล้วว่า ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้เรียบร้อยก่อนที่จะมีการแถลงข่าว แต่ดีเอสไอ ก็ไม่ตอบรับข้อเสนอของตน เพราะต้องเสนอข้อมูลในสิ่งที่ดีเอสไอ.ได้ดำเนินการ
นายแทน กล่าวถึง เรื่องที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาบุกรุกป่าว่า โดยข้อเท็จจริงตนได้ซื้อที่ดินไว้ทั้งหมด 5 แปลง บนเกาะสมุย เป็นเอกสารสิทธิที่เป็น น.ส.3 ก.โดยเป็นที่ดินที่ซื้อมาเมื่อ 10 ปีที่แล้ว พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นสวนมะพร้าว สวนยาง ไม่ได้มีการแผ่วถาง ตัดต้นไม้ แค่เพียงกรีดยาง เก็บมะพร้าว เป็นระยะเวลา 3 ปี
หลังจากนั้นเมื่อปี 2547 ก็ขอทำเรื่องให้ออกเป็นโฉนดที่ดิน ซึ่งเป็นโฉนดที่ได้มาอย่างถูกต้อง โดยเจ้าหน้าที่ได้ออกโฉนดที่ดินให้ตามระเบียบ และกฎหมายที่ดินครบถ้วนทุกประการ อีกทั้งที่ดินทั้ง 5 แปลง ผู้ครอบครองเดิมก็ได้ครอบครองทำประโยชน์ เป็นสวนยาง สวนมะพร้าว ก่อนที่จะมีประมวลกฎหมายที่ดิน โดยมีเอกสาร ส.ค.1 แสดงสิทธิครอบครองตามกฎหมาย ซึ่งคนในเกาะสมุย ก็ได้รับเอกสารสิทธิในลักษณะเช่นเดียวกันนี้
" การที่ดีเอสไอ กล่าวหาเรื่องบุกรุกป่า ผมคิดว่าถ้าดีเอสไอไม่อคติ หรือทำตามใบสั่ง และดูจากแผนที่ ก็จะสามารถเห็นได้ชัดว่ามีพื้นที่ป่าไม้อยู่ตรงจุดใดบ้าง ซึ่งผมได้ไปขอแผนที่จากกรมที่ดิน เพื่อที่จะดูว่าพื้นที่ป่าสงวนอยู่จุดใดบ้าง ซึ่งผลปรากฏว่าหากดูตามแผนที่ ที่ดินของผมอยู่ห่างจากป่าสงวนประมาณ 3 กิโลเมตร หรือประมาณ เกือบครึ่งเกาะ เนื่องจากที่ดินของผม อยู่บริเวณแนวถนนรอบเกาะ ที่ห่างจากถนนประมาณ 1 กิโลเมตร การที่ดีเอสไอเจาะจงมาเล่นงานผมเพียงผู้เดียว ส่งผลให้ในเกาะสมุย แทบไม่มีการซื้อขายที่ดินเลย ส่งผลให้เกิดเป็นปัญหา เศรษฐกิจต้องชะงัก ไม่สามารถที่จะไปทำประโยชน์ได้ อยากถามว่า ที่เล่นงานผมมา 3-4 ปี ทำเพื่ออะไร ไม่ทราบว่าดีเอสไอ ทั้งกรมฯ ดูแผนที่เป็นหรือไม่ เพราะถ้าดูแผนที่ทุกอย่างก็จะจบเลย" นายแทน กล่าว
นายแทน กล่าวว่า ตนมั่นใจว่าประเด็นนี้เป็นประเด็นทางการเมืองแน่นอน เพราะที่ดินของตนนั้น ไม่ได้อยู่ในป่า ฉะนั้นลักษณะเช่นนี้เป็นการนำประเด็นที่ดินเขาแพงมาจัดการตน เพราะต้องการเชื่อมโยงไปหาพ่อ คือนายสุเทพ ที่เป็นคู่แข่งทางการเมือง กับฝ่ายตรงข้ามเพื่อต้องการทำให้เสียสมาธิ ท้อแท้กับการเล่นการเมือง แต่ยืนยันว่า เหตุผลดังกล่าวไม่มีทางท้อแท้แน่นอน เพราะต่อให้ทำมากกว่านี้ พ่อของตนก็จะไม่หยุด และจะไม่ยอมแพ้กับเรื่องเหล่านี้อย่างแน่นอน ซึ่งจากการการตรวจสอบของกรมที่ดิน ก็สรุปผลแล้วว่า พื้นที่นี้ไม่ผิด ที่ดินนี้มีเอกสารสิทธิ์ ถูกต้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงข่าว นายแทน ได้เปิดคลิปวีดิโอ ที่ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ปราศรัย เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. พาดพิงเกี่ยวกับที่ดินเขาแพง โดยนายแทน ระบุว่า การกระทำเช่นนี้ เป็นความตั้งใจที่กระทำกับตน และเป็นการล้ำเส้นสำหรับคนที่เป็นนักการเมือง เพราะหลังจากนั้น 4 วัน ตนก็ถูกดีเอสไอ ออกหมายเรียกจากพยาน มาเป็นผู้ต้องหาทันที
" ผมอยากจะฝากบอกว่า ร.ต.อ.เฉลิมว่า ผมไม่ใช่"ไอ้ปื๊ด" ผมมีตัวตน ไม่ต้องอ้างชื่อคนอื่นมารับผิดแทน ผมมีเอกสารสิทธิถูกต้อง จึงขอยืนยันว่า ที่ดินผืนนี้เป็นของผมแน่นอนไปตรวจสอบได้เลย"
นายแทน กล่าวอีกว่า การที่มาตัดสินว่าตนบุกรุกป่า ทั้งๆที่พื้นที่ดินของตนไม่ได้อยู่ในป่า อย่าตัดสินเพียงข่าวเท่านั้น ถึงเวลาแล้วที่ต้องควรเอาความจริงมาดูกัน ฉะนั้นขอฝ่ายตรงข้ามหยุดมุ่งเป้าที่จะมาจัดการตน เนื่องจาก เรามีหน้าที่ของเราไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกัน หากจะเล่นการเมือง ก็ขอให้อยู่ในขอบเขต และคุณธรรม
ทั้งนี้ ขอฝากไปยังข้าราชการว่า ควรที่เป็นที่พึ่งของประชาชน ไม่ใช่ทำตามใบสั่งใคร การที่ทำอะไรฝืนความถูกต้อง ฝืนกฎหมาย หากอนาคตเปลี่ยนนายแล้วจะเกิดอะไรขึ้น โดยแนวทางการต่อสู้คดีหลังจากนี้ ก็ต้องไปชี้แจงข้อเท็จจริงตามหมายเรียกของดีเอสไอ ซึ่งหากที่สุดแล้วต้องขึ้นศาล ก็พร้อมต่อสู้ ไม่กลัว ยินดีที่จะไปสู้ในชั้นศาล

** ยันคดีเขาแพง ไม่เกี่ยวการเมือง

ด้านร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า คดีนี้มีการร้องเรียนมาตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี จึงไม่เกี่ยวกับการเมือง และ ดีเอสไอ ก็ทำงานอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน เพราะการที่ดีเอสไอ เรียกผู้ต้องหานั้น ถ้าไม่กระทำความผิดจริง จะเรียกตัวไม่ได้ แต่ถ้านายแทน คิดว่าเป็นการกลั่นแกล้ง ก็ให้ร้องดีเอสไอไปเลย ซึ่งตนให้นโยบายหน่วยงานโดยตลอดว่า อย่ากลัว และอย่าแกล้ง
ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวด้วยว่า รายละเอียดของคดีนี้ ตนไม่ทราบ เพราะคดีไม่ได้ทำในสมัยตน ส่วนที่มีการออกหมายเรียกใกล้วันแต่งงานของนายแทนนั้น ให้ไปถามนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดี ดีเอสไอ เอง
กำลังโหลดความคิดเห็น