xs
xsm
sm
md
lg

“แทน” พร้อมแจง DSI ยันซื้อที่เขาแพงถูกต้อง ไล่ดูแผนที่ ถ้าไม่อคติก็รู้ป่าอยู่ไหน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ลูกสเทพ” ยันพร้อมไปดีเอสไอตามหมายเรียกคดีรุกป่าสงวนเขาแพง โวยเคยจี้ให้สอบก่อนแถลงแล้วแต่ไม่สนอง แจงซื้อที่ดินสมุยมีแต่สวนไม่ได้ถางป่า ยันได้โฉนดถูกต้อง ชี้ถ้าไม่อคติดูแผนที่ก็รู้ป่าอยู่ตรงไหน สับเจาะจงเล่นแต่ตนทำเศรษฐกิจในเกาะชะงัก เชื่อเป็นประเด็นการเมืองแน่ ลั่นไม่ท้อแท้ พร้อมเปิดคลิป “เฉลิม” ปราศรัยนำทางก่อนโดนหมาย สวนกลับ “ไม่ใช่ไอ้ปื๊ด” แนะข้าราชการอย่าทำตามใบสั่ง

วันนี้ (8 ก.ค.) ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ หลักสี่ กทม. เมื่อเวลา 13.00 น. นายแทน เทือกสุบรรณ บุตรชายนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย ายทวีศักดิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย แถลงข่าวกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกหมายเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาในฐานะผู้ต้องหาในวันที่ 9 ก.ค. เวลา 09.30 น. ในคดีครอบครองที่ดินของรัฐโดยมิชอบ มีการก่อสร้างแผ้วถางบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนว่า ในวันพรุ่งนี้ (9 ก.ค) ตนจะเดินทางไปดีเอสไอตามหมายเรียก พร้อมจะทำบันทึกชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร โดยก่อนหน้านี้เคยทำหนังสือชี้แจงสอบถามดีเอสไอแล้วว่าให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้เรียบร้อยก่อนที่จะมีการแถลงข่าว แต่ดีเอสไอก็ไม่ตอบรับข้อเสนอของตนเพราะต้องเสนอข้อมูลในสิ่งที่ดีเอสไอได้ดำเนินการ

นายแทนกล่าวต่อว่า สำหรับข้อกล่าวหาบุกรุกป่า โดยข้อเท็จจริงตนได้ซื้อที่ดินไว้ทั้งหมด 5 แปลง บนเกาะสมุย เป็นเอกสารสิทธิที่เป็น น.ส.3 ก.โดยเป็นที่ดินที่ซื้อมาเมื่อ 10 ปีที่แล้ว พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นสวนมะพร้าว สวนยาง ไม่ได้มีการแผ้วถาง ตัดต้นไม้ แค่เพียงกรีดยาง ตัดมะพร้าว เป็นระยะเวลา 3 ปี ซึ่งหลังจากนั้นเมื่อปี 2547 ก็ขอทำเรื่องให้ออกเป็นโฉนดที่ดิน ซึ่งเป็นโฉนดที่ได้มาอย่างถูกต้อง โดยเจ้าหน้าที่ได้ออกโฉนดที่ดินให้ตามระเบียบและกฎหมายที่ดินครบถ้วนทุกประการ อีกทั้งที่ดินทั้ง 5 แปลง ผู้ครอบครองเดิมก็ได้ครอบครองทำประโยชน์เป็นสวนยาง สวนมะพร้าวก่อนที่จะมีประมวลกฎหมายที่ดิน โดยมีเอกสาร ส.ค.1 แสดงสิทธิครอบครองตามกฎหมาย ซึ่งคนในเกาะสมุยก็ได้รับเอกสารสิทธิในลักษณะเช่นเดียวกัน

“การที่ดีเอสไอกล่าวหาเรื่องบุกรุกป่า ผมคิดว่าถ้าดีเอสไอไม่อคติ หรือทำตามใบสั่ง และดูจากแผนที่ก็จะสามารถเห็นได้ชัดว่ามีพื้นที่ป่าไม้อยู่ตรงจุดใดบ้าง ซึ่งผมได้ไปขอแผนที่จากกรมที่ดินเพื่อที่จะดูว่าพื้นที่ป่าสงวนอยู่จุดใดบ้าง ซึ่งผลปรากฏว่าหากดูตามแผนที่ ที่ดินของผมอยู่ห่างจากป่าสงวนประมาณ 3 กิโลเมตร หรือประมาณเกือบครึ่งเกาะ เนื่องจากที่ดินของผมอยู่บริเวณแนวถนนรอบเกาะ ที่ห่างจากถนนประมาณ 1 กิโลเมตร การที่ดีเอสไอเจาะจงมาเล่นงานผมเพียงผู้เดียว ส่งผลให้ในเกาะสมุยแทบไม่มีการซื้อขายที่ดินเลย ส่งผลให้เกิดเป็นปัญหา เศรษฐกิจต้องชะงัก ไม่สามารถที่จะไปทำประโยชน์ได้ อยากถามว่าที่เล่นงานผมมา 3-4 ปี ทำเพื่ออะไร ไม่ทราบว่าดีเอสไอทั้งกรมฯ ดูแผนที่เป็นหรือไม่ เพราะถ้าดูแผนที่ทุกอย่างก็จะจบเลย” นายแทนกล่าว

นายแทนกล่าวว่า ตนมั่นใจว่าประเด็นนี้เป็นประเด็นทางการเมืองแน่นอน เพราะที่ดินของตนนั้นไม่ได้อยู่ในป่า ฉะนั้นลักษณะเช่นนี้เป็นการนำประเด็นที่ดินเขาแพงมาจัดการตนเพราะต้องการเชื่อมโยงไปหาพ่อคือนายสุเทพ ที่เป็นคู่แข่งทางการเมือง กับฝ่ายตรงข้ามเพื่อต้องการทำให้เสียสมาธิ ท้อแท้กับการเล่นการเมือง แต่ยืนยันว่าเหตุผลดังกล่าวไม่มีทางท้อแท้แน่นอน เพราะต่อให้ทำมากกว่านี้พ่อของตนก็จะไม่หยุด และจะไม่ยอมแพ้กับเรื่องเหล่านี้อย่างแน่นอนซึ่งจากการการตรวจสอบของกรมที่ดิน ก็สรุปผลแล้วว่าพื้นที่นี้ไม่ผิด ที่ดินนี้เอกสารสิทธิ์ถูกต้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงข่าว นายแทน ได้เปิดคลิปวิดีโอ ที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ปราศรัยเมื่อวันที่ 28 มิ.ย. พาดพิงเกี่ยวกับที่ดินเขาแพง โดยนายแทน ระบุว่า การกระทำเช่นนี้เป็นความตั้งใจที่กระทำกับตนและเป็นการล้ำเส้นสำหรับคนที่เป็นนักการเมือง เพราะหลังจากนั้น 4 วัน ตนก็ถูกดีเอสไอออกหมายเรียกจากพยานมาเป็นผู้ต้องหาทันที

“ผมอยากจะฝากบอกว่า ร.ต.อ. เฉลิม ว่าผมไม่ใช่ไอ้ปื๊ด ผมมีตัวตน ไม่ต้องอ้างชื่อคนอื่นมารับผิดแทน ผมมีเอกสารสิทธิถูกต้อง จึงขอยืนยันว่าเป็นที่ดินผืนนี้เป็นของตนแน่นอนไปตรวจสอบได้เลย” นายแทนกล่าว

นายแทนกล่าวอีกว่า การที่มาตัดสินว่าตนบุกรุกป่า ทั้งๆ ที่พื้นที่ดินของตนไม่ได้อยู่ในป่า อย่าตัดสินเพียงข่าวเท่านั้น ถึงเวลาแล้วที่ต้องควรเอาความจริงมาดูกัน ฉะนั้นขอฝ่ายตรงข้ามหยุดมุ่งเป้าที่จะมาจัดการตน เนื่องจากเรามีหน้าที่ของเราไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกัน หากจะเล่นการเมืองก็ขอให้อยู่ในขอบเขตและคุณธรรม ทั้งนี้ ฝากไปยังข้าราชการว่าควรที่เป็นที่พึ่งของประชาชน ไม่ใช่ทำตามใบสั่งใคร การที่ทำอะไรฝืนความถูกต้องฝืนกฎหมาย หากอนาคตเปลี่ยนนายแล้วจะเกิดอะไรขึ้น โดยแนวทางการต่อสู้คดีหลังจากนี้ก็ต้องไปชี้แจงข้อเท็จจริงตามหมายเรียกของดีเอสไอ ซึ่งหากที่สุดแล้วต้องขึ้นศาลก็พร้อมต่อสู้ไม่กลัว ยินดีที่จะไปสู้ในชั้นศาล




กำลังโหลดความคิดเห็น