วานนี้ (8 ก.ค.) นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนหลังปรากฏข่าวว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับการตรวจลงตราเข้าสหรัฐฯ (วีซ่า) ว่า ตามที่มีผู้กล่าวหาว่า ตนเป็นผู้ผลักดันให้มีการแลกเปลี่ยน การได้รับวีซ่าเข้าสหรัฐฯ ของพ.ต.ท.ทักษิณ กับการอนุญาตให้องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (นาซา) ใช้พื้นที่สนามบินอู่ตะเภา สำหรับโครงการการศึกษาการก่อตัวของเมฆที่มีผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในช่วงที่เดินทางเยือนสหรัฐฯ เพื่อเข้าร่วมการประชุมหารือยุทธศาสตร์กับฝ่ายสหรัฐฯ ระหว่างวันที่ 11-17 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น
นายสุรพงษ์ ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว และยืนยันว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม โดยที่ข้อกล่าวหาดังกล่าวได้สร้างความไม่สบายใจกับตน จึงได้ตัดสินใจโทรศัพท์สอบถามข้อเท็จจริงจากพ.ต.ท.ทักษิณ หลังจากที่ปรากฏข่าวข้างต้น และได้รับทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ยื่นขอรับการตรวจลงตราเข้าสหรัฐฯ ต่อทางการสหรัฐฯ เมื่อเดือนเม.ย. 55 และได้รับการตรวจลงตราแล้ว เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 55 โดยสามารถใช้เข้าออกสหรัฐฯ ได้เป็นระยะเวลา 10 ปี
"ผมอยากให้สังคมได้ทราบความจริง และให้เข้าใจว่า ที่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลพยายามจะกล่าวหาต่างๆนานา และใส่ร้ายมาตลอดนั้น ขอให้ยุติเสียที เลิกทำร้ายประเทศไทยได้แล้ว เพราะการเล่นการเมืองที่ไม่สร้างสรรค์จากฝ่ายค้านและพวก ได้สร้างความเสียหายกับประเทศมาตลอด พวกที่กล่าวหาผม ควรสำนึกบาป และแสดงความรับผิดชอบบ้าง เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ได้วีซ่าก่อนผมไปสหรัฐฯ ด้วยซ้ำ" นายสุรพงษ์ กล่าว
นายสุรพงษ์ กล่าวด้วยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ตอบรับคำเชิญของนางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯที่จะไปกล่าวสุนทรพจน์กับนักธุรกิจสหรัฐฯ จากสภาธุรกิจสหรัฐฯ-อาเซียน และหอการค้าสหรัฐฯ ในวันที่ 13 ก.ค.นี้ ที่เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา ซึ่งนางคลินตัน ได้นำคณะนักธุรกิจสหรัฐฯ ชุดใหญ่ เดินทางมาหารือเกี่ยวกับการลงทุนในภูมิภาคนี้
นายสุงพงษ์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี มีกำหนดจะเดินทางออกจากประเทศไทยโดยเครื่องบินพิเศษของกองทัพอากาศ ในเวลา 15.00 น. และเมื่อเดินทางถึงเสียมราฐแล้ว จะหารือทวิภาคีกับสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ก่อนที่จะไปกล่าวปาฐกถากับนักธุรกิจชั้นนำของสหรัฐฯ โดยจะใช้โอกาสนี้สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และเชิญชวนให้มาลงทุนในไทย และอาจพูดถึงเรื่องกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ซึ่งถูกจัดตั้งขึ้นภายใต้นโยบายของรัฐบาลชุดนี้ด้วย
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ในเบื้องต้นไม่ทราบว่ามีผู้นำจากอาเซียนประเทศอื่นได้รับเชิญให้มาเข้าร่วมประชุมครั้งนี้อีกหรือไม่ แต่เท่าที่ทราบเข้าใจว่ามีน.ส.ยิ่งลักษณ์ และสมเด็จฮุน เซน ที่ได้รับเชิญให้มาร่วมในงานดังกล่าว
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายกษิต ภิรมย์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ อดีต รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ว่า การที่สหรัฐอเมริกาให้วีซ่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความไม่เหมาะสมว่า เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์ออกมากล่าวหาว่ารัฐบาลให้นาซาใช้สนามบินอู่ตะเภา เพื่อแลกวีซ่าให้ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นไม่เป็นเรื่องจริง และการที่นายกษิต ตำหนิ สหรัฐอเมริกาให้เลิกเป็นผู้นำอำนาจ ก็ถือว่าไม่เหมาะสม การปล่อยให้นายกษิต กล่าวหาสหรัฐอเมริกา อาจจะเป็นการชักศึกเข้าบ้าน
ดังนั้นนายกษิต และพรรคประชาธิปัตย์ ควรอยู่เฉย ๆ และให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดำเนินงานไปจะดีกว่า
ส่วนการปรับคณะรัฐมนตรี ก่อน 1 สิงหาคม ที่มีการนำเสนอว่า บ้านเลขที่ 111 กดดันให้มีการปรับ ครม. นั้น นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง เรื่องดังกล่าวถือเป็นสีสันทางการเมือง เพราะการปรับ ครม. เป็นอำนาจนายกรัฐมนตรี ซึ่งช้าหรือเร็ว ก็อยู่ที่นายกรัฐมนตรี และการปรับจะเป็นไปเพื่อการบริหารงานที่ดีขึ้น เป็นประโยชน์ต่อประชาชน และไม่มีต่างตอบแทนบ้านเลขที่ 111 ตามที่สื่อนำเสนอ
นอกจากนี้ นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหารัฐบาลว่ารัฐบาลแพงทั้งแผ่นดิน ว่า จากการติดตามราคาสินค้าขณะนี้ ไม่เป็นไปตามที่พรรคประชาะปัตย์กล่าวหา เพราะวันนี้ราคาเป็นไปตามกลไกตลาดตามฤดูกาล ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์ ควรเอาป้ายแพงทั้งแผ่นดินออกได้แล้ว และในช่วงกลางเดือนกรกฎาคมนี้ คณะกรรมการที่พรรคเพื่อไทตตั้งขึ้นมาติดตามปัญหาของแพง จะนำเสนอข้อมูลให้กระทรวงพาณิชและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นำไปดำเนินการอีกครั้ง
นายสุรพงษ์ ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว และยืนยันว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม โดยที่ข้อกล่าวหาดังกล่าวได้สร้างความไม่สบายใจกับตน จึงได้ตัดสินใจโทรศัพท์สอบถามข้อเท็จจริงจากพ.ต.ท.ทักษิณ หลังจากที่ปรากฏข่าวข้างต้น และได้รับทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ยื่นขอรับการตรวจลงตราเข้าสหรัฐฯ ต่อทางการสหรัฐฯ เมื่อเดือนเม.ย. 55 และได้รับการตรวจลงตราแล้ว เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 55 โดยสามารถใช้เข้าออกสหรัฐฯ ได้เป็นระยะเวลา 10 ปี
"ผมอยากให้สังคมได้ทราบความจริง และให้เข้าใจว่า ที่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลพยายามจะกล่าวหาต่างๆนานา และใส่ร้ายมาตลอดนั้น ขอให้ยุติเสียที เลิกทำร้ายประเทศไทยได้แล้ว เพราะการเล่นการเมืองที่ไม่สร้างสรรค์จากฝ่ายค้านและพวก ได้สร้างความเสียหายกับประเทศมาตลอด พวกที่กล่าวหาผม ควรสำนึกบาป และแสดงความรับผิดชอบบ้าง เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ได้วีซ่าก่อนผมไปสหรัฐฯ ด้วยซ้ำ" นายสุรพงษ์ กล่าว
นายสุรพงษ์ กล่าวด้วยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ตอบรับคำเชิญของนางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯที่จะไปกล่าวสุนทรพจน์กับนักธุรกิจสหรัฐฯ จากสภาธุรกิจสหรัฐฯ-อาเซียน และหอการค้าสหรัฐฯ ในวันที่ 13 ก.ค.นี้ ที่เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา ซึ่งนางคลินตัน ได้นำคณะนักธุรกิจสหรัฐฯ ชุดใหญ่ เดินทางมาหารือเกี่ยวกับการลงทุนในภูมิภาคนี้
นายสุงพงษ์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี มีกำหนดจะเดินทางออกจากประเทศไทยโดยเครื่องบินพิเศษของกองทัพอากาศ ในเวลา 15.00 น. และเมื่อเดินทางถึงเสียมราฐแล้ว จะหารือทวิภาคีกับสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ก่อนที่จะไปกล่าวปาฐกถากับนักธุรกิจชั้นนำของสหรัฐฯ โดยจะใช้โอกาสนี้สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และเชิญชวนให้มาลงทุนในไทย และอาจพูดถึงเรื่องกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ซึ่งถูกจัดตั้งขึ้นภายใต้นโยบายของรัฐบาลชุดนี้ด้วย
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ในเบื้องต้นไม่ทราบว่ามีผู้นำจากอาเซียนประเทศอื่นได้รับเชิญให้มาเข้าร่วมประชุมครั้งนี้อีกหรือไม่ แต่เท่าที่ทราบเข้าใจว่ามีน.ส.ยิ่งลักษณ์ และสมเด็จฮุน เซน ที่ได้รับเชิญให้มาร่วมในงานดังกล่าว
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายกษิต ภิรมย์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ อดีต รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ว่า การที่สหรัฐอเมริกาให้วีซ่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความไม่เหมาะสมว่า เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์ออกมากล่าวหาว่ารัฐบาลให้นาซาใช้สนามบินอู่ตะเภา เพื่อแลกวีซ่าให้ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นไม่เป็นเรื่องจริง และการที่นายกษิต ตำหนิ สหรัฐอเมริกาให้เลิกเป็นผู้นำอำนาจ ก็ถือว่าไม่เหมาะสม การปล่อยให้นายกษิต กล่าวหาสหรัฐอเมริกา อาจจะเป็นการชักศึกเข้าบ้าน
ดังนั้นนายกษิต และพรรคประชาธิปัตย์ ควรอยู่เฉย ๆ และให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดำเนินงานไปจะดีกว่า
ส่วนการปรับคณะรัฐมนตรี ก่อน 1 สิงหาคม ที่มีการนำเสนอว่า บ้านเลขที่ 111 กดดันให้มีการปรับ ครม. นั้น นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง เรื่องดังกล่าวถือเป็นสีสันทางการเมือง เพราะการปรับ ครม. เป็นอำนาจนายกรัฐมนตรี ซึ่งช้าหรือเร็ว ก็อยู่ที่นายกรัฐมนตรี และการปรับจะเป็นไปเพื่อการบริหารงานที่ดีขึ้น เป็นประโยชน์ต่อประชาชน และไม่มีต่างตอบแทนบ้านเลขที่ 111 ตามที่สื่อนำเสนอ
นอกจากนี้ นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหารัฐบาลว่ารัฐบาลแพงทั้งแผ่นดิน ว่า จากการติดตามราคาสินค้าขณะนี้ ไม่เป็นไปตามที่พรรคประชาะปัตย์กล่าวหา เพราะวันนี้ราคาเป็นไปตามกลไกตลาดตามฤดูกาล ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์ ควรเอาป้ายแพงทั้งแผ่นดินออกได้แล้ว และในช่วงกลางเดือนกรกฎาคมนี้ คณะกรรมการที่พรรคเพื่อไทตตั้งขึ้นมาติดตามปัญหาของแพง จะนำเสนอข้อมูลให้กระทรวงพาณิชและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นำไปดำเนินการอีกครั้ง