ASTVผู้จัดการรายวัน-สรรหาผู้ว่าฯรฟม.ฯคนใหม่ ส่อระอุอีกรอบ ผู้สมัครฯเตรียมร้อง”จารุพงศ์”ตรวจสอบคุณสมบัติ”ยงสิทธิ์”ผิดเงื่อนไข ขณะที่คนใกล้ชิด”ยงสิทธิ์”ยันเป็นผู้บริหารเบอร์ 2 ไทยคม จ่อฟ้องกลับแน่เหตุทำให้เสียหาย
จากกรณีที่มีกระแสข่าวว่า การสรรหาผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) อาจมีปัญหา และจะมีผู้สมัครสรรหาฯ ยื่นหนังสือต่อนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติ นายยงสิทธิ์ โรจน์ศรีวิชัยกุล อดีตรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานตลาดและการขาย บริษัท ชินแซทเทลไลท์ จำกัด(มหาชน) หรือ บริษัท ไทยคม จำกัด(มหาชน) ในเวลาต่อมา ซึ่งได้รับคะแนนอันดับ 1 และคณะกรรมการ (บอร์ด) ที่มีน.ส.รัชนี ตรีพิพัฒน์กุล เป็นประธานได้มีมติเห็นชอบผลการสรรหาแล้ว เนื่องจากอาจจะไม่เคยดำรงตำแหน่งรองผู้บริหารสูงสุดในองค์กร ซึ่งไม่เป็นไปตามตามประกาศสรรหาของ รฟม. ข้อ 3.2.1
โดยรายงานข่าวแจ้งว่า จากการตรวจสอบแบบแสดงรายการของมูลประจำปีของ บ.ชินแซทเทิลไลท์และ บ.ไทยคมที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และคำนิยามได้ระบุถึงโครงสร้างผู้บริหารสูงสุดว่า คือ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ต่อมาคือ กรรมการผู้อำนวยการ ส่วนนายยงสิทธิ์วางเป็นผู้บริหารลำดับ 4 ซึ่งการยื่นให้มีการตรวจสอบเพื่อให้เกิดความชัดเจนและเป็นการพิทักษ์สิทธิ์ของผู้สมัครทุกราย
แหล่งข่าวจากบ.ไทยคมซึ่งใกล้ชิดกับนายยงสิทธิ์ กล่าวยืนยันว่า ตามสายงานนายยงสิทธิ์ เป็นผู้บริหารลำดับ 2 หรือรองผู้บริหารสูงสุดของบริษัท โดยรายงานตรงต่อประธานเจ้าหน้าบริหาร ดังนั้นกรณีที่ระบุว่านายยงสิทธิ์ไม่เป็นผู้บริหารลำดับ 2 ของบริษัทจึงไม่ถูกต้อง โดยเห็นว่าหากเรียงลำดับชื่อของผู้บริหารการสรรหาผู้ว่าฯรฟม.ก่อนหน้านี้ที่นายรณชิต แย้มสะอาดและนายชัยสิทธิ์ คุรุรัตน์ ก็มีปัญหาเช่นกัน เนื่องจากนายชัยสิทธิ์ที่ได้รับคะแนนอันดับ 1 เป็นรองผู้ว่าฯ ที่มีลำดับรองกว่านายรณชิต
อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าว สร้างความเสียหายให้กับนายยงสิทธิ์ว่าโกหกซึ่งอาจจะมีการพิจารณาฟ้องกลับได้
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า นายยงสิทธิ์ตัดสินใจสมัครผู้ว่าฯรฟม.เนื่องจากเห็นว่าตนเองมีความพร้อมในการบริหารองค์กรที่ขาดผู้นำมา 2 ปี โดยจะนำประสบการณ์ในการบริหารไทยคม 20 ปีและความรู้ด้านการตลาดมาบริหาร รฟม.ให้สามารถขับเคลื่อนองค์กรและผลักดันนโยบายรถไฟฟ้า 10 สาย โดยได้แสดงวิสัยทัศน์ต่อคณะกรรมการสรรหาฯ ที่มีนายถวัลย์รัฐ อ่อนศิระ อดีตอธิบดีกรมเจ้าท่าเป็นประธานว่า จะใช้เทคนิคด้านการตลาดสร้างกำไรให้กับรฟม.และทำให้เกิดความสามัคคีในองค์กร เนื่องจากเป็นคนนอกไม่มีพรรคพวกจึงมีความเป็นกลางมากกว่า
จากกรณีที่มีกระแสข่าวว่า การสรรหาผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) อาจมีปัญหา และจะมีผู้สมัครสรรหาฯ ยื่นหนังสือต่อนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติ นายยงสิทธิ์ โรจน์ศรีวิชัยกุล อดีตรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานตลาดและการขาย บริษัท ชินแซทเทลไลท์ จำกัด(มหาชน) หรือ บริษัท ไทยคม จำกัด(มหาชน) ในเวลาต่อมา ซึ่งได้รับคะแนนอันดับ 1 และคณะกรรมการ (บอร์ด) ที่มีน.ส.รัชนี ตรีพิพัฒน์กุล เป็นประธานได้มีมติเห็นชอบผลการสรรหาแล้ว เนื่องจากอาจจะไม่เคยดำรงตำแหน่งรองผู้บริหารสูงสุดในองค์กร ซึ่งไม่เป็นไปตามตามประกาศสรรหาของ รฟม. ข้อ 3.2.1
โดยรายงานข่าวแจ้งว่า จากการตรวจสอบแบบแสดงรายการของมูลประจำปีของ บ.ชินแซทเทิลไลท์และ บ.ไทยคมที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และคำนิยามได้ระบุถึงโครงสร้างผู้บริหารสูงสุดว่า คือ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ต่อมาคือ กรรมการผู้อำนวยการ ส่วนนายยงสิทธิ์วางเป็นผู้บริหารลำดับ 4 ซึ่งการยื่นให้มีการตรวจสอบเพื่อให้เกิดความชัดเจนและเป็นการพิทักษ์สิทธิ์ของผู้สมัครทุกราย
แหล่งข่าวจากบ.ไทยคมซึ่งใกล้ชิดกับนายยงสิทธิ์ กล่าวยืนยันว่า ตามสายงานนายยงสิทธิ์ เป็นผู้บริหารลำดับ 2 หรือรองผู้บริหารสูงสุดของบริษัท โดยรายงานตรงต่อประธานเจ้าหน้าบริหาร ดังนั้นกรณีที่ระบุว่านายยงสิทธิ์ไม่เป็นผู้บริหารลำดับ 2 ของบริษัทจึงไม่ถูกต้อง โดยเห็นว่าหากเรียงลำดับชื่อของผู้บริหารการสรรหาผู้ว่าฯรฟม.ก่อนหน้านี้ที่นายรณชิต แย้มสะอาดและนายชัยสิทธิ์ คุรุรัตน์ ก็มีปัญหาเช่นกัน เนื่องจากนายชัยสิทธิ์ที่ได้รับคะแนนอันดับ 1 เป็นรองผู้ว่าฯ ที่มีลำดับรองกว่านายรณชิต
อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าว สร้างความเสียหายให้กับนายยงสิทธิ์ว่าโกหกซึ่งอาจจะมีการพิจารณาฟ้องกลับได้
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า นายยงสิทธิ์ตัดสินใจสมัครผู้ว่าฯรฟม.เนื่องจากเห็นว่าตนเองมีความพร้อมในการบริหารองค์กรที่ขาดผู้นำมา 2 ปี โดยจะนำประสบการณ์ในการบริหารไทยคม 20 ปีและความรู้ด้านการตลาดมาบริหาร รฟม.ให้สามารถขับเคลื่อนองค์กรและผลักดันนโยบายรถไฟฟ้า 10 สาย โดยได้แสดงวิสัยทัศน์ต่อคณะกรรมการสรรหาฯ ที่มีนายถวัลย์รัฐ อ่อนศิระ อดีตอธิบดีกรมเจ้าท่าเป็นประธานว่า จะใช้เทคนิคด้านการตลาดสร้างกำไรให้กับรฟม.และทำให้เกิดความสามัคคีในองค์กร เนื่องจากเป็นคนนอกไม่มีพรรคพวกจึงมีความเป็นกลางมากกว่า
