หลังจากที่ มติครม.วันที่ 26 มิ.ย. 55 ไม่อนุมัตให้ NASA ใช้สนามบินอู่ตะเภาเป็นฐานปฏิบัติการสำรวจเมฆ ทำให้ NASA ประกาศยกเลิกโครงการ SEAC4RS ในเวลาต่อมา เนื่องจากไม่ได้รับการอนุมัตจากรัฐบาลไทยในกรอบเวลาที่กำหนด จนทำให้เกิดความสงสัยถึงเหตุผลว่าทำไมรัฐบาลจึงตัดสินใจไม่อนุมัตให้ NASA เข้ามาดำเนินการ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้มีทิศทางที่จะเดินหน้าในเรื่องนี้มาโดยตลอด แม้ว่าจะมีเสียงท้วงติงจากหลายฝ่าย รวมทั้งพรรคประชาธิปัตย์ ว่ายังขาดความชัดเจนในตัวโครงการ และเป็นห่วงเกี่ยวกับมิติด้านความมั่นคง และต่างประเทศ อีกทั้งยังมีแง่มุมทางกฎหมายว่าอาจเข้าข่ายรัฐธรรมนูญมาตรา 190 (2) ที่ต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาด้วย
เพจสายตรงภาคสนาม ขอนำเสนอหลักฐานอีกชิ้นหนึ่ง ซึ่งอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ ครม. ไม่กล้าอนุมัตให้ NASA เข้ามาใช้สนามบินอู่ตะเภา เนื่องจากมีเอกสารท้วงติงจาก พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ที่แสดงความเป็นห่วงเรื่องความมั่นคง และมิตรประเทศ รวมถึงความโปร่งใสของโครงการ
โดย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ทำหนังสือด่วนที่สุดที่ กห ๐๓๐๐/๑๓๙๖ ลงวันที่ 25 มิ.ย.55 เรื่อง การขออนุญาตให้องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งสหรัฐอเมริกา (NASA) เข้ามาดำเนินโครงการ SEAC4RS ในประเทศไทย เรียน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี อ้างถึง หนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๕๐๖/ว(ล) ๑๖๔๔๖ ลงวันที่ ๒๒ มิ.ย. ๒๕๕๕
ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้มีหนังสือกขอให้ กองบัญชาการกองทัพไทย พิจารณาเสนอควาเมห็นการขออนุญาตใช้สนามบินอู่ตะเภาเป็นฐานการวิจัยขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งสหรัฐอเมริกา (NASA) ในการดำเนินโครงการศึกษาการก่อตัวของเมฆที่มีผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asia Composition, Cloud,Climate Coupling Regional Study : SEAC4RS) ในประเทศไทย รายละเอียดตามอ้างถึง
"กองบัญชาการกองทัพไทย พิจารณาแล้วเห็นว่า ในหลักการเป็นโครงการที่มีประโยชน์ต่อส่วนรวม แต่การดำเนินการควรศึกษารายละเอียดของโครงการ SEAC4RS และกฎระเบียบ ข้อบังคับต่าง ๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดขอบเขตและมาตรการควบคุมที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงผลกระทบด้านเทคโนโลยี สังคมจิตวิทยา ความมั่นคง และมิตรประเทศ รวมทั้งกำกับดูแล การปฏิบัติให้เกิดความโปร่งใส สามารถชี้แจงทำความเข้าใจต่อประชาชนและนานาประเทศได้"
**ปชป. ท้า รมต./โอ๊ค ดีเบต “นาซ่า”
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในขณะนี้มีกระบวนการสร้างความสับสนกรณีนาซ่าขอใช้สนามบินอู่ตะเภาเพื่อสำรวจก้อนเมฆ แต่รัฐบาลไม่กล้าอนุมัตเนื่องจากถูกท้วงติงหลายด้านโดยเฉพาะเรื่องความมั่นคง โดยมีอีแอบพยายามสร้างความสับสน โยนบาปว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นผุ้เริ่มต้นโครงการนี้ ทั้งที่ตนนำเอกสารมาอธิบายหลายครั้งแล้วว่า รัฐบาลชุดนี้เป็นชุดที่พิจารณาเรื่องนี้ แต่ไม่กล้าเดินหน้าเพราะขาดความพร้อม ไม่มีคำตอบในสิ่งที่สังคมตั้งข้อสงสัย และไร้ประสิทธิภาพในการบริหาร โดยเฉพาะกรณีที่นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ที่โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค อ้างเวปไซด์ NASA ระบุว่าการนำเครื่องบิน ER-2 มาบินในประเทสไทยและใช้สนามบินภูเก็ตกับสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้โดยสิ่นเชิง เนื่องจากมีเอกสารยืนยันว่าการติดต่อครั้งสุดท้ายระหว่างสถานทูตสหรัฐกับกระทรวงการต่างประเทศในช่วงรัฐบาลอภิสิทธิ์นั้นเกิดขึ้นก่อนวันเลือกตั้ง 2 วัน คือวันที่ 1 ก.ค.54 โดยมีการถามความเห็นไปยังสถานทูตสหรัฐ 4 ข้อ
คือ ขอผลสำรวจโครงการอื่นที่เคยปฏิบัติในทวีปอเมริกาใต้ ขอทราบรายละเอียดข้อมูลในภูมิภาคอื่น รายชื่ออุปกรณ์ที่จะใช้ และขอทราบกระบวนการที่สหรัฐสอบถามประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็น 4 คำถามที่เกิดในรัฐบาลอภิสิทธิ์ ก่อนการเลือกตั้งสองวัน ดังนั้นการกล่าวอ้างว่ามีการใช้สนามบินในสุราษฎร์ธานีและภูเก็ต จึงเป็นไปไม่ได้ว่าในวันที่ 1 ก.ค.ยังอยู่ในระหว่างการถามความเห็นแล้วผ่านไปเพียงแค่ 2 อาทิตย์ คือในวันที่ 17 ก.ค. 54 จะมีการนำเครื่องบิน ER-2 มาบินในประเทศไทย ซึ่งเรื่องนี้นายพานทองแท้อ้าง เวปไซด์ NASA ตนก็คิดว่าถ้ามีการกำหนดไว้ใน NASA จริง ก็ต้องไปถาม NASA ว่ากำหนดไว้ได้อย่างไร เพราะรัฐบาลอภิสิทธิ์ไม่เคยมีการอนุมัตให้มีใครนำเครื่องบินสอดแนมมาบินในประเทศไทยแน่นอน จึงขอให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องหยุดสร้างความเข้าใจผิดให้กับประชาชน
“ถ้าอยากโต้เถียงว่าใครทำให้ชาติเสียหาย โครงการต้องพับเพราะอะไร ผมยินดีรับคำท้าดีเบตกับทุกคน เปิดลานพระแม่ธรณีพูดต่อหน้าพระแม่ธรณี ไม่ต้องถึงคุณอภิสิทธิ์ แค่ ตนกับคุณถาวร เสนเนียม ก็พอแล้ว ฝั่งโน้นมาได้หมดครับ ไล่ตั้งแต่นายกมาถึงรัฐมนตรีและ โอ๊คด้วย จะพานทองแท้หรือพานทองเทียม ก็ขอให้ลุกจากคอมพิวเตอร์ เลิกเป็นอีแอบโพสต์ข้างเดียวบนเฟซบุ๊ค แต่ต้องกล้าที่จะแสดงปัญญาต่อหน้าคนอื่น อย่าหลบตัวเองอยู่อยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ผมเชิญทุกวันเวลา เพราะพร้อมให้ความจริง ถ้าไม่กล้่ามาก็เลิกทำอีแอบสร้างความสับสนให้ประชาชนได้แล้ว” นายชวนนท์ กล่าว
** “ถาวร”อัด “เด็จพี่”ปากพล่อย
นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายพร้อมพงษ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุพาดพิงว่า ตนใช้ข้อมูลมั่ว ข้อมูลเท็จ ในกรณีที่แถลงว่า นาซามาใช้อู่ตะเภากระทบต่อความมั่นคงของไทยว่า คนเป็นถึงโฆษกพรรคการเมืองใหญ่ แต่ทำหน้าที่สักแต่พูด ปากพล่อยๆ ไม่ทำการบ้าน ไม่ดูเอกสารหลักฐานของฝ่ายความมั่นคง ก็ขอแนะนำให้ไปดูเอกสารลงวันที่ 25 มิ.ย.ที่ลงนามโดย ผบ.สส. หรือเอกสารท้วงติงของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) 6 ข้อในการประชุมภายในถึงผลกระทบต่อไทยด้านความมั่นคง ซึ่งเป็นเอกสารที่ได้นำเข้าในการประชุมครม.ด้วย จึงอยากแนะนำให้พรรคเพื่อไทยพิจารณาว่า หากมีโฆษกทำหน้าที่แทนพรรค แต่ไม่ตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริง ก็จะยิ่งทำให้พรรคตกต่ำมากยิ่งขึ้น ทั้งที่สองหน่วยงานด้านความมั่นคงดังกล่าว อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาโดยตรงของนายกรัฐมนตรีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งเป็นประธานบอร์ดฝ่ายความมั่นคงโดยตำแหน่ง
“เรื่องนี้โฆษกพรรคที่เป็น ส.ส.ธรรมดาแถลงข่าวรายวัน น่าจะไม่เข้าถึงชั้นความลับเหล่านี้ เมื่อมีคนเปิดเผยแทนที่จะตรวจสอบ หรือคนที่ควรจะออกมาตอบคำถามหรือชี้แจงควรจะเป็นนายกฯ มากกว่า เพราะหากเป็นอย่างที่โฆษกพรรคเพื่อไทยพูดว่า ข้อมูลมั่ว ข้อมูลเท็จ ก็ขอให้นายกฯ ออกมาปฏิเสธด้วยตัวเอง ไม่ใช่ให้คนที่เข้าไม่ถึงชั้นความลับออกมาบิดเบือน และขอให้ทำการบ้านในการทำหน้าที่ก่อนที่จะพาดพิงแก้ข่าว แก้เกี้ยว หวังให้ข่าวเพื่อเอามันไปวันๆ” นายถาวรกล่าว
**ปึ้ง”ถกจีนเคลียร์ปม “นาซ่า”
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในการเยือนประเทศจีนอย่างเป็นทางการ ในระหว่างวันที่ 1-5 ก.ค.นี้ เพื่อกระชับความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ไทย – จีน และติดตามผลการเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมานั้น ตนจะพูดถึงความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างไทยและจีน และจะเข้าพบกับ นายหยาง เจี๋ย ฉือ รมว.ต่างประเทศของจีน ในวันที่ 4 ก.ค.ที่จะถึงนี้ โดยหนึ่งในข้อหารือรมว.ต่างประเทศของจีน คือ การพูดคุยเกี่ยวกับกรณีนาซ่า ขอใช้พื้นที่สนามบินอู่ตะเภา เพื่อสำรวจสภาวะภูมิอากาศ ส่วนที่มีข้อห่วงใยว่า ทางการจีนกังวลในเรื่องดังกล่าวนั้น เรื่องนี้คงไม่มีและเชื่อว่าจีนใจกว้างและแยกแยะได้ว่า เป็นเรื่องของวิชาการหรือความมั่นคง โดยทางกระทรวงการต่างประเทศและนาซ่า เคยแจ้งให้ฝ่ายจีนได้รับทราบไปแล้ว
เพจสายตรงภาคสนาม ขอนำเสนอหลักฐานอีกชิ้นหนึ่ง ซึ่งอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ ครม. ไม่กล้าอนุมัตให้ NASA เข้ามาใช้สนามบินอู่ตะเภา เนื่องจากมีเอกสารท้วงติงจาก พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ที่แสดงความเป็นห่วงเรื่องความมั่นคง และมิตรประเทศ รวมถึงความโปร่งใสของโครงการ
โดย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ทำหนังสือด่วนที่สุดที่ กห ๐๓๐๐/๑๓๙๖ ลงวันที่ 25 มิ.ย.55 เรื่อง การขออนุญาตให้องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งสหรัฐอเมริกา (NASA) เข้ามาดำเนินโครงการ SEAC4RS ในประเทศไทย เรียน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี อ้างถึง หนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๕๐๖/ว(ล) ๑๖๔๔๖ ลงวันที่ ๒๒ มิ.ย. ๒๕๕๕
ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้มีหนังสือกขอให้ กองบัญชาการกองทัพไทย พิจารณาเสนอควาเมห็นการขออนุญาตใช้สนามบินอู่ตะเภาเป็นฐานการวิจัยขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งสหรัฐอเมริกา (NASA) ในการดำเนินโครงการศึกษาการก่อตัวของเมฆที่มีผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asia Composition, Cloud,Climate Coupling Regional Study : SEAC4RS) ในประเทศไทย รายละเอียดตามอ้างถึง
"กองบัญชาการกองทัพไทย พิจารณาแล้วเห็นว่า ในหลักการเป็นโครงการที่มีประโยชน์ต่อส่วนรวม แต่การดำเนินการควรศึกษารายละเอียดของโครงการ SEAC4RS และกฎระเบียบ ข้อบังคับต่าง ๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดขอบเขตและมาตรการควบคุมที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงผลกระทบด้านเทคโนโลยี สังคมจิตวิทยา ความมั่นคง และมิตรประเทศ รวมทั้งกำกับดูแล การปฏิบัติให้เกิดความโปร่งใส สามารถชี้แจงทำความเข้าใจต่อประชาชนและนานาประเทศได้"
**ปชป. ท้า รมต./โอ๊ค ดีเบต “นาซ่า”
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในขณะนี้มีกระบวนการสร้างความสับสนกรณีนาซ่าขอใช้สนามบินอู่ตะเภาเพื่อสำรวจก้อนเมฆ แต่รัฐบาลไม่กล้าอนุมัตเนื่องจากถูกท้วงติงหลายด้านโดยเฉพาะเรื่องความมั่นคง โดยมีอีแอบพยายามสร้างความสับสน โยนบาปว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นผุ้เริ่มต้นโครงการนี้ ทั้งที่ตนนำเอกสารมาอธิบายหลายครั้งแล้วว่า รัฐบาลชุดนี้เป็นชุดที่พิจารณาเรื่องนี้ แต่ไม่กล้าเดินหน้าเพราะขาดความพร้อม ไม่มีคำตอบในสิ่งที่สังคมตั้งข้อสงสัย และไร้ประสิทธิภาพในการบริหาร โดยเฉพาะกรณีที่นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ที่โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค อ้างเวปไซด์ NASA ระบุว่าการนำเครื่องบิน ER-2 มาบินในประเทสไทยและใช้สนามบินภูเก็ตกับสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้โดยสิ่นเชิง เนื่องจากมีเอกสารยืนยันว่าการติดต่อครั้งสุดท้ายระหว่างสถานทูตสหรัฐกับกระทรวงการต่างประเทศในช่วงรัฐบาลอภิสิทธิ์นั้นเกิดขึ้นก่อนวันเลือกตั้ง 2 วัน คือวันที่ 1 ก.ค.54 โดยมีการถามความเห็นไปยังสถานทูตสหรัฐ 4 ข้อ
คือ ขอผลสำรวจโครงการอื่นที่เคยปฏิบัติในทวีปอเมริกาใต้ ขอทราบรายละเอียดข้อมูลในภูมิภาคอื่น รายชื่ออุปกรณ์ที่จะใช้ และขอทราบกระบวนการที่สหรัฐสอบถามประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็น 4 คำถามที่เกิดในรัฐบาลอภิสิทธิ์ ก่อนการเลือกตั้งสองวัน ดังนั้นการกล่าวอ้างว่ามีการใช้สนามบินในสุราษฎร์ธานีและภูเก็ต จึงเป็นไปไม่ได้ว่าในวันที่ 1 ก.ค.ยังอยู่ในระหว่างการถามความเห็นแล้วผ่านไปเพียงแค่ 2 อาทิตย์ คือในวันที่ 17 ก.ค. 54 จะมีการนำเครื่องบิน ER-2 มาบินในประเทศไทย ซึ่งเรื่องนี้นายพานทองแท้อ้าง เวปไซด์ NASA ตนก็คิดว่าถ้ามีการกำหนดไว้ใน NASA จริง ก็ต้องไปถาม NASA ว่ากำหนดไว้ได้อย่างไร เพราะรัฐบาลอภิสิทธิ์ไม่เคยมีการอนุมัตให้มีใครนำเครื่องบินสอดแนมมาบินในประเทศไทยแน่นอน จึงขอให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องหยุดสร้างความเข้าใจผิดให้กับประชาชน
“ถ้าอยากโต้เถียงว่าใครทำให้ชาติเสียหาย โครงการต้องพับเพราะอะไร ผมยินดีรับคำท้าดีเบตกับทุกคน เปิดลานพระแม่ธรณีพูดต่อหน้าพระแม่ธรณี ไม่ต้องถึงคุณอภิสิทธิ์ แค่ ตนกับคุณถาวร เสนเนียม ก็พอแล้ว ฝั่งโน้นมาได้หมดครับ ไล่ตั้งแต่นายกมาถึงรัฐมนตรีและ โอ๊คด้วย จะพานทองแท้หรือพานทองเทียม ก็ขอให้ลุกจากคอมพิวเตอร์ เลิกเป็นอีแอบโพสต์ข้างเดียวบนเฟซบุ๊ค แต่ต้องกล้าที่จะแสดงปัญญาต่อหน้าคนอื่น อย่าหลบตัวเองอยู่อยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ผมเชิญทุกวันเวลา เพราะพร้อมให้ความจริง ถ้าไม่กล้่ามาก็เลิกทำอีแอบสร้างความสับสนให้ประชาชนได้แล้ว” นายชวนนท์ กล่าว
** “ถาวร”อัด “เด็จพี่”ปากพล่อย
นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายพร้อมพงษ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุพาดพิงว่า ตนใช้ข้อมูลมั่ว ข้อมูลเท็จ ในกรณีที่แถลงว่า นาซามาใช้อู่ตะเภากระทบต่อความมั่นคงของไทยว่า คนเป็นถึงโฆษกพรรคการเมืองใหญ่ แต่ทำหน้าที่สักแต่พูด ปากพล่อยๆ ไม่ทำการบ้าน ไม่ดูเอกสารหลักฐานของฝ่ายความมั่นคง ก็ขอแนะนำให้ไปดูเอกสารลงวันที่ 25 มิ.ย.ที่ลงนามโดย ผบ.สส. หรือเอกสารท้วงติงของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) 6 ข้อในการประชุมภายในถึงผลกระทบต่อไทยด้านความมั่นคง ซึ่งเป็นเอกสารที่ได้นำเข้าในการประชุมครม.ด้วย จึงอยากแนะนำให้พรรคเพื่อไทยพิจารณาว่า หากมีโฆษกทำหน้าที่แทนพรรค แต่ไม่ตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริง ก็จะยิ่งทำให้พรรคตกต่ำมากยิ่งขึ้น ทั้งที่สองหน่วยงานด้านความมั่นคงดังกล่าว อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาโดยตรงของนายกรัฐมนตรีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งเป็นประธานบอร์ดฝ่ายความมั่นคงโดยตำแหน่ง
“เรื่องนี้โฆษกพรรคที่เป็น ส.ส.ธรรมดาแถลงข่าวรายวัน น่าจะไม่เข้าถึงชั้นความลับเหล่านี้ เมื่อมีคนเปิดเผยแทนที่จะตรวจสอบ หรือคนที่ควรจะออกมาตอบคำถามหรือชี้แจงควรจะเป็นนายกฯ มากกว่า เพราะหากเป็นอย่างที่โฆษกพรรคเพื่อไทยพูดว่า ข้อมูลมั่ว ข้อมูลเท็จ ก็ขอให้นายกฯ ออกมาปฏิเสธด้วยตัวเอง ไม่ใช่ให้คนที่เข้าไม่ถึงชั้นความลับออกมาบิดเบือน และขอให้ทำการบ้านในการทำหน้าที่ก่อนที่จะพาดพิงแก้ข่าว แก้เกี้ยว หวังให้ข่าวเพื่อเอามันไปวันๆ” นายถาวรกล่าว
**ปึ้ง”ถกจีนเคลียร์ปม “นาซ่า”
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในการเยือนประเทศจีนอย่างเป็นทางการ ในระหว่างวันที่ 1-5 ก.ค.นี้ เพื่อกระชับความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ไทย – จีน และติดตามผลการเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมานั้น ตนจะพูดถึงความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างไทยและจีน และจะเข้าพบกับ นายหยาง เจี๋ย ฉือ รมว.ต่างประเทศของจีน ในวันที่ 4 ก.ค.ที่จะถึงนี้ โดยหนึ่งในข้อหารือรมว.ต่างประเทศของจีน คือ การพูดคุยเกี่ยวกับกรณีนาซ่า ขอใช้พื้นที่สนามบินอู่ตะเภา เพื่อสำรวจสภาวะภูมิอากาศ ส่วนที่มีข้อห่วงใยว่า ทางการจีนกังวลในเรื่องดังกล่าวนั้น เรื่องนี้คงไม่มีและเชื่อว่าจีนใจกว้างและแยกแยะได้ว่า เป็นเรื่องของวิชาการหรือความมั่นคง โดยทางกระทรวงการต่างประเทศและนาซ่า เคยแจ้งให้ฝ่ายจีนได้รับทราบไปแล้ว