บดินทรฯวุ่นอีก! “มงคลกิตติ์” ก่อเหตุสงครามน้ำลายกับครูในโรงเรียน หลังปากพล่อยกล่าวหาศักยภาพครูระหว่างพาเด็กลงชื่อขอเรียนต่อ ม.4 ภาคบ่าย ซ้ำ เจอนักเรียนโห่ไล่ ชี้ เป็นตัวการทำโรงเรียนเสียชื่อ “สิงห์ทอง” ยันปีหน้าปรับเกณฑ์การรับนักเรียนแน่ พร้อมเปิดโรงเรียนคู่แฝดแก้ปัญหา วอนทุกฝ่ายหยุดใช้ นร.เป็นเครื่องมือเคลื่อนไหว แหล่งข่าว สพฐ.ยัน “สุวัฒน์” ลาออกแน่ ขณะที่เจ้าตัวพร้อมเจอหน้าผู้ปกครองเสาร์นี้ เพื่อชี้แจงการเรียนการสอนภาคบ่าย
วันนี้ (5 มิ.ย.) ที่โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศในช่วงเช้า ระหว่างการรับลงชื่อนักเรียนชั้น ม.3 ปีการศึกษา 2554 ที่ไม่ได้รับสิทธิเรียนต่อชั้น ม.4 มาแสดงความจำนงขอเข้าเรียน ม.4 ในภาคบ่าย ว่า เกิดความวุ่นวายขึ้นหลังจาก นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เลขาธิการภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันแห่งชาติ (ภตช.) พานักเรียนและผู้ปกครองกว่า 30 คน เข้ามารายงานตัว และให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเกี่ยวกับความไม่มั่นใจในศักยภาพของครูโรงเรียนบดินทรเดชา จนทำให้ นายกวีชาติย์ จันทร์แพง ครูดนตรีสากล กล่าวโต้ตอบทันที ด้วยเสียงดังว่า ขอให้ นายมงคลกิตติ์ อย่าเข้ามายุ่งเกี่ยวกับโรงเรียนอีก โดยระบุว่า นายมงคลกิตติ์ ไม่มีความเกี่ยวข้อง และยังทำให้โรงเรียนเสียชื่อเสียงมาอย่างต่อเนื่อง การปะทะคารมเกิดขึ้นหลายครั้ง ผสมด้วยเสียงโห่ไล่ของครูและนักเรียนที่ทนไม่ได้กับพฤติกรรมของนายมงคลกิตติ์ ทำให้นักเรียนบางคนที่มารอมอบตัว ต้องร้องไห้กับสภาพความตึงเครียดที่เกิดขึ้น จนกระทั่งหลายฝ่ายต้องขอร้องให้ นายมงคลกิตติ์ เดินออกจากโรงเรียนไป
นายกวีชาติย์ กล่าวว่า ตนเป็นครูมา 35 ปี ปัจจุบันเป็นผู้ดูแลวงโยธวาทิต เป็นครูมืออาชีพที่รักลูกศิษย์ทุกคนเท่ากัน เมื่อนักเรียนได้เข้ามาเรียนแล้ว ก็จะสอนอย่างเต็มที่ ส่วน นายมงคลกิตติ์ นั้น เป็นต้นเหตุของความวุ่นวาย อยู่เบื้องหลังนักเรียนที่ออกมาเคลื่อนไหวประท้วง ซึ่งท้ายที่สุดผลเสียจะตกอยู่ที่ตัวเด็ก และเด็กที่เข้ามาอาจจะต้องทนกับสภาพแรงกดดันอีกด้วย
ด้าน น.ส.พาขวัญ บุญพิเชฐ นักเรียน ม.3 ที่มาลงชื่อเข้าเรียน ม.4 ภาคบ่าย กล่าวแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยอมรับว่า การออกมาเคลื่อนไหวของตน ทำให้โรงเรียนเสียชื่อเสียง แต่ยืนยันว่า เป็นการทำไปเพื่อปกป้องสิทธิ์ของตนและของรุ่นน้อง ที่ตนอยู่วงโยธวาทิตสมควรจะได้รับการพิจารณาให้เข้าเรียนต่อ ม.4 ทุกคน เพราะทำกิจกรรมของโรงเรียน แต่ก็จะไปขอโทษครูและนักเรียนรุ่นพี่รุ่นน้องและเพื่อนรุ่นเดียวกัน โดยหวังว่าจะได้รับความเข้าใจ
สำหรับนักเรียนคนแรกที่เดินทางมาลงชื่อตั้งแต่ช่วงเช้า เป็นนักเรียนชาย ชื่อ นายเขม อังธนเศรษฐ์ ซึ่งยอมรับว่า มีชื่อในกลุ่มเคลื่อนไหวประท้วงด้วย ด้วยความเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งว่าการเคลื่อนไหวที่ผ่านมา เป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ แต่สุดท้ายก็เห็นเป็นผลแล้วว่าทำให้ตนได้เข้าเรียนตามสิทธิ์ที่ตนควรได้รับ
“สิงห์ทอง” ซัด “มงคลกิตติ์” เลิกวุ่นวาย
นายสิงห์ทอง บัวชุม ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า จะต้องมีการปรับแก้เกณฑ์การรับนักเรียนให้มีความเหมาะสม และไม่เกิดปัญหา รวมทั้งพิจารณาแนวทางการเปิดโรงเรียนคู่ขนานหรือคู่แฝด เนื่องจากปฏิเสธไม่ได้ว่าปัญหาที่แก้ไขไม่ได้ คือ ค่านิยมของผู้ปกครองที่ต้องการเรียนในโรงเรียนชื่อดัง ส่วนกรณีของโรงเรียนบดินทรเดชา ตนกำชับให้ทางโรงเรียนดูแลสภาพจิตใจของนักเรียนที่เข้าใหม่นี้เป็นพิเศษ และเห็นว่า ฝ่าย นายมงคลกิตติ์ รวมทั้งฝ่ายการเมืองควรหยุดใช้นักเรียนเคลื่อนไหวในกรณีนี้ได้แล้ว ทั้งนี้ ในช่วงเช้ามีนักเรียนมาลงชื่อขอเข้าเรียน 48 คน ส่วนใหญ่เป็นนักเรียนที่ได้ไปเข้าเรียนที่อื่นแล้ว คาดว่า รวมทั้งหมดจะไม่เกิน 100 คน ทางโรงเรียนคงจะจัดให้เรียนแผนศิลปศาสตร์-คณิตศาสตร์ ทั้งหมด
“สุวัฒน์” ลาออก ผอ.บดินทรฯ แน่
แหล่งข่าวระดับสูงจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เปิดเผยว่า กรณีที่มีข่าวว่า นายสุวัฒน์ วิวัฒนานนท์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ยื่นหนังสือลาออกนั้นเป็นเรื่องจริง โดย นายสุวัฒน์ ได้ทำหนังสือลาออก และให้เจ้าหน้าที่ของโรงเรียนบดินทรฯ นำหนังสือลาออกมายื่นให้ นายสายัณห์ รุ่งป่าสัก ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) กรุงเทพมหานคร เขต 2 และ นายสายัณห์ ได้รายงานเรื่องดังกล่าวมายัง สพฐ.ก่อนที่ นายสุวัฒน์ จะเดินทางไปปฏิบัติราชการที่ต่างประเทศในคืนวันเดียวกัน ขณะนี้ผู้บริหาร สพฐ.กำลังหารือเพื่อหาทางยับยั้งหนังสือลาออกนี้ได้อย่างไร เพราะหากเจ้าตัวยังยืนยันตามความประสงค์เดิมสุดท้ายก็จะไม่สามารถยับยั้งได้
ส่วนสาเหตุที่ นายสุวัฒน์ ตัดสินใจลาออกนั้น คาดว่า เกี่ยวกับมาตรการรับนักเรียนรอบบ่าย ที่ สพฐ.เพิ่งแถลงข่าวไปในช่วงบ่ายของวันที่ 1 มิถุนายน ที่ผ่านมา เพราะมาตรการดังกล่าวเป็นผลมาจากกลุ่มผู้ประท้วงเดินทางไปพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ และทันทีที่กลุ่มผู้ประท้วง นำโดย นายมงคลกิตติ์ ทราบข่าวว่า สพฐ.จะมีมาตรการรับรอบบ่ายเป็นกรณีพิเศษ อาจมีการแสดงออกที่เกินหน้าเกินตาจนเข้าข่ายของการเยาะเย้ยโรงเรียน
“สุชาติ” มึน “สุวัฒน์” ยังไม่น่าลาออก
ด้านนายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว และให้สัมภาษณ์ว่า นายสุวัฒน์ ไม่น่าจะลาออก เพราะ นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) ได้ชี้แจงถึงการมีมาตรการรับรอบบ่ายต่อนายสุวัฒน์ แล้ว ซึ่ง นายสุวัฒน์ ก็เข้าใจการแก้ไขปัญหาเพราะไม่เป็นการผิดหลักเกณฑ์ ซึ่งตนมองว่า เป็นเรื่องดี หากเปิดรอบค่ำได้ด้วยก็ยิ่งดี เพราะถือว่าเป็นการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า และครูเองหากสอนเพิ่มขึ้นด้วย ขณะที่ทางโรงเรียนก็รับงบประมาณสนับสนุนเพิ่มขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่ นายมงคลกิตติ์ จะพานักเรียนจำนวน 250 คน ไปสมัครเรียนรอบบ่ายนั้น นายสุชาติ กล่าวว่า ตนไม่ขอออกความเห็นเรื่องนี้ เพราะกลุ่มนี้ก็ออกมาเคลื่อนไหวเรื่องต่างๆ หลายครั้งแล้ว
“ชินภัทร” หารือหลักสูตร นร.บดินทรฯรอบบ่าย
ในวันเดียวกัน เมื่อเวลา 13.30 น.ที่โรงเรียนบดินทรเดชา นายชินภัทร กล่าวภายหลังเดินทางไปประชุมหารือกับรองผู้อำนวยการโรงเรียนบดินทรเดชา และผู้แทน สพม.กทม.เขต 2 ว่า ได้สอบถามการดำเนินการรับนักเรียนเข้าเรียนรอบบ่ายได้รับทราบว่า มีนักเรียน ม.3 เดิมขอใช้สิทธิ์เรียนต่อ ม.4 ขณะนี้จำนวน 50 คน และในจำนวนนี้ทราบว่ามีที่เรียนแล้วแต่กำลังรอการยืนยันว่าจะเรียนหรือไม่
ทั้งนี้ สำหรับส่วนการเตรียมความพร้อมด้านวิชาการทางโรงเรียนได้จัดทำหลักสูตรพร้อมแล้วจะเป็นการเรียนทั่วไป จะมีเนื้อหาหลักสูตรเหมาะสมกับนักเรียนกลุ่มนี้ที่ผลการเรียนไม่สูงนัก โดยจะเป็นวิชาพื้นฐานประมาณ 41 หน่วย วิชาเลือก 36 หน่วย รวมเป็น 77 หน่วย นอกจากนี้ การสอนจะจัดสาระเพิ่มเติมให้ด้วย เช่น การจัดเรียนภาษาอังกฤษพื้นที่ฐานเรียนกับครูต่างชาติเช่นเดียวกับนักเรียนปกติ ซึ่ง สพฐ.พร้อมจะให้การสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อจัดหาครูต่างชาติมาสอน ส่วนการจัดเวลาเรียนจะเรียนนั้นวันจันทร์ จะให้เรียนจะเป็นกิจกรรมจิตสาธารณะ 3 ชั่วโมง ตั้งแต่ 14.40 เป็นต้นไป ส่วนการเรียนภาควิชาการเรียน วันอังคาร-ศุกร์ เวลา 12.40-16.50 น.และเรียนวันเสาร์เวลา 08.00-16.50 น.โดยโรงเรียนจะจัดห้องเรียนประจำที่ศูนย์เกษตรให้เด็กกลุ่มนี้ได้เรียน ทั้งนี้ ครูที่มาสอนเด็กที่เรียนรอบบ่ายจะมีการจ่ายค่าสอนนอกเวลาให้ด้วย
ผอ.บดินทรฯ เตรียมชี้แจงผู้ปกครอง
นายชินภัทร กล่าวว่า เพื่อให้เกิดความกลมกลืนและสามัคคี ในวันที่ 9 มิถุนายนนี้ นายสุวัฒน์จะกลับมาจากต่างประเทศ และจะเชิญประชุมผู้ปกครองกลุ่มนี้ เวลา 11.00 น.ฉะนั้น ข่าวที่บอกว่า ผอ.โรงเรียนบดินทรฯ ลาออก จึงไม่จริง นอกจากนี้ ผมได้รับแจ้งจากรอง ผอ.โรงเรียนบดินทรฯ ที่ดูแลด้านวินัย ว่า จะพูดคุยกับนักเรียนทั้งโรงเรียนในกิจกรรมหน้าเสาธง เพื่อให้เกิดความสมัครสมานสามัคคีต่อไป และมาถึงตรงนี้แล้วโรงเรียนแห่งนี้พร้อมจะเดินหน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ทางโรงเรียนได้มีจดหมายแจ้งให้นักเรียนและผู้ปกครองที่มาลงชื่อในวันนี้ มาประชุมชี้แจงรายละเอียดการเรียนพร้อมกันในวันเสาร์ที่ 9 มิถุนายน เวลา 11.00 น. โดย นายสุวัฒน์ วิวัฒนานนท์ ผู้อำนวยการโรงเรียน ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติราชการอยู่ต่างประเทศในขณะนี้ จะกลับมาพบหารือชี้แจงกับผู้ปกครองด้วยตนเอง โดยยังไม่ได้เริ่มการเรียนการสอนในภาคบ่ายทันทีแต่อย่างใด ทั้งนี้ ทางโรงเรียนจะต้องรวบรวมจำนวนนักเรียนในวันนี้เพื่อการจัดห้องเรียนต่อไป โดยการเรียนภาคบ่ายจะมีในช่วงเวลา 12.00-17.00 น.ของทุกวันและเพิ่มการเรียนวันเสาร์อีก 1 วัน
วันนี้ (5 มิ.ย.) ที่โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศในช่วงเช้า ระหว่างการรับลงชื่อนักเรียนชั้น ม.3 ปีการศึกษา 2554 ที่ไม่ได้รับสิทธิเรียนต่อชั้น ม.4 มาแสดงความจำนงขอเข้าเรียน ม.4 ในภาคบ่าย ว่า เกิดความวุ่นวายขึ้นหลังจาก นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เลขาธิการภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันแห่งชาติ (ภตช.) พานักเรียนและผู้ปกครองกว่า 30 คน เข้ามารายงานตัว และให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเกี่ยวกับความไม่มั่นใจในศักยภาพของครูโรงเรียนบดินทรเดชา จนทำให้ นายกวีชาติย์ จันทร์แพง ครูดนตรีสากล กล่าวโต้ตอบทันที ด้วยเสียงดังว่า ขอให้ นายมงคลกิตติ์ อย่าเข้ามายุ่งเกี่ยวกับโรงเรียนอีก โดยระบุว่า นายมงคลกิตติ์ ไม่มีความเกี่ยวข้อง และยังทำให้โรงเรียนเสียชื่อเสียงมาอย่างต่อเนื่อง การปะทะคารมเกิดขึ้นหลายครั้ง ผสมด้วยเสียงโห่ไล่ของครูและนักเรียนที่ทนไม่ได้กับพฤติกรรมของนายมงคลกิตติ์ ทำให้นักเรียนบางคนที่มารอมอบตัว ต้องร้องไห้กับสภาพความตึงเครียดที่เกิดขึ้น จนกระทั่งหลายฝ่ายต้องขอร้องให้ นายมงคลกิตติ์ เดินออกจากโรงเรียนไป
นายกวีชาติย์ กล่าวว่า ตนเป็นครูมา 35 ปี ปัจจุบันเป็นผู้ดูแลวงโยธวาทิต เป็นครูมืออาชีพที่รักลูกศิษย์ทุกคนเท่ากัน เมื่อนักเรียนได้เข้ามาเรียนแล้ว ก็จะสอนอย่างเต็มที่ ส่วน นายมงคลกิตติ์ นั้น เป็นต้นเหตุของความวุ่นวาย อยู่เบื้องหลังนักเรียนที่ออกมาเคลื่อนไหวประท้วง ซึ่งท้ายที่สุดผลเสียจะตกอยู่ที่ตัวเด็ก และเด็กที่เข้ามาอาจจะต้องทนกับสภาพแรงกดดันอีกด้วย
ด้าน น.ส.พาขวัญ บุญพิเชฐ นักเรียน ม.3 ที่มาลงชื่อเข้าเรียน ม.4 ภาคบ่าย กล่าวแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยอมรับว่า การออกมาเคลื่อนไหวของตน ทำให้โรงเรียนเสียชื่อเสียง แต่ยืนยันว่า เป็นการทำไปเพื่อปกป้องสิทธิ์ของตนและของรุ่นน้อง ที่ตนอยู่วงโยธวาทิตสมควรจะได้รับการพิจารณาให้เข้าเรียนต่อ ม.4 ทุกคน เพราะทำกิจกรรมของโรงเรียน แต่ก็จะไปขอโทษครูและนักเรียนรุ่นพี่รุ่นน้องและเพื่อนรุ่นเดียวกัน โดยหวังว่าจะได้รับความเข้าใจ
สำหรับนักเรียนคนแรกที่เดินทางมาลงชื่อตั้งแต่ช่วงเช้า เป็นนักเรียนชาย ชื่อ นายเขม อังธนเศรษฐ์ ซึ่งยอมรับว่า มีชื่อในกลุ่มเคลื่อนไหวประท้วงด้วย ด้วยความเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งว่าการเคลื่อนไหวที่ผ่านมา เป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ แต่สุดท้ายก็เห็นเป็นผลแล้วว่าทำให้ตนได้เข้าเรียนตามสิทธิ์ที่ตนควรได้รับ
“สิงห์ทอง” ซัด “มงคลกิตติ์” เลิกวุ่นวาย
นายสิงห์ทอง บัวชุม ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า จะต้องมีการปรับแก้เกณฑ์การรับนักเรียนให้มีความเหมาะสม และไม่เกิดปัญหา รวมทั้งพิจารณาแนวทางการเปิดโรงเรียนคู่ขนานหรือคู่แฝด เนื่องจากปฏิเสธไม่ได้ว่าปัญหาที่แก้ไขไม่ได้ คือ ค่านิยมของผู้ปกครองที่ต้องการเรียนในโรงเรียนชื่อดัง ส่วนกรณีของโรงเรียนบดินทรเดชา ตนกำชับให้ทางโรงเรียนดูแลสภาพจิตใจของนักเรียนที่เข้าใหม่นี้เป็นพิเศษ และเห็นว่า ฝ่าย นายมงคลกิตติ์ รวมทั้งฝ่ายการเมืองควรหยุดใช้นักเรียนเคลื่อนไหวในกรณีนี้ได้แล้ว ทั้งนี้ ในช่วงเช้ามีนักเรียนมาลงชื่อขอเข้าเรียน 48 คน ส่วนใหญ่เป็นนักเรียนที่ได้ไปเข้าเรียนที่อื่นแล้ว คาดว่า รวมทั้งหมดจะไม่เกิน 100 คน ทางโรงเรียนคงจะจัดให้เรียนแผนศิลปศาสตร์-คณิตศาสตร์ ทั้งหมด
“สุวัฒน์” ลาออก ผอ.บดินทรฯ แน่
แหล่งข่าวระดับสูงจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เปิดเผยว่า กรณีที่มีข่าวว่า นายสุวัฒน์ วิวัฒนานนท์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ยื่นหนังสือลาออกนั้นเป็นเรื่องจริง โดย นายสุวัฒน์ ได้ทำหนังสือลาออก และให้เจ้าหน้าที่ของโรงเรียนบดินทรฯ นำหนังสือลาออกมายื่นให้ นายสายัณห์ รุ่งป่าสัก ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) กรุงเทพมหานคร เขต 2 และ นายสายัณห์ ได้รายงานเรื่องดังกล่าวมายัง สพฐ.ก่อนที่ นายสุวัฒน์ จะเดินทางไปปฏิบัติราชการที่ต่างประเทศในคืนวันเดียวกัน ขณะนี้ผู้บริหาร สพฐ.กำลังหารือเพื่อหาทางยับยั้งหนังสือลาออกนี้ได้อย่างไร เพราะหากเจ้าตัวยังยืนยันตามความประสงค์เดิมสุดท้ายก็จะไม่สามารถยับยั้งได้
ส่วนสาเหตุที่ นายสุวัฒน์ ตัดสินใจลาออกนั้น คาดว่า เกี่ยวกับมาตรการรับนักเรียนรอบบ่าย ที่ สพฐ.เพิ่งแถลงข่าวไปในช่วงบ่ายของวันที่ 1 มิถุนายน ที่ผ่านมา เพราะมาตรการดังกล่าวเป็นผลมาจากกลุ่มผู้ประท้วงเดินทางไปพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ และทันทีที่กลุ่มผู้ประท้วง นำโดย นายมงคลกิตติ์ ทราบข่าวว่า สพฐ.จะมีมาตรการรับรอบบ่ายเป็นกรณีพิเศษ อาจมีการแสดงออกที่เกินหน้าเกินตาจนเข้าข่ายของการเยาะเย้ยโรงเรียน
“สุชาติ” มึน “สุวัฒน์” ยังไม่น่าลาออก
ด้านนายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว และให้สัมภาษณ์ว่า นายสุวัฒน์ ไม่น่าจะลาออก เพราะ นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) ได้ชี้แจงถึงการมีมาตรการรับรอบบ่ายต่อนายสุวัฒน์ แล้ว ซึ่ง นายสุวัฒน์ ก็เข้าใจการแก้ไขปัญหาเพราะไม่เป็นการผิดหลักเกณฑ์ ซึ่งตนมองว่า เป็นเรื่องดี หากเปิดรอบค่ำได้ด้วยก็ยิ่งดี เพราะถือว่าเป็นการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า และครูเองหากสอนเพิ่มขึ้นด้วย ขณะที่ทางโรงเรียนก็รับงบประมาณสนับสนุนเพิ่มขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่ นายมงคลกิตติ์ จะพานักเรียนจำนวน 250 คน ไปสมัครเรียนรอบบ่ายนั้น นายสุชาติ กล่าวว่า ตนไม่ขอออกความเห็นเรื่องนี้ เพราะกลุ่มนี้ก็ออกมาเคลื่อนไหวเรื่องต่างๆ หลายครั้งแล้ว
“ชินภัทร” หารือหลักสูตร นร.บดินทรฯรอบบ่าย
ในวันเดียวกัน เมื่อเวลา 13.30 น.ที่โรงเรียนบดินทรเดชา นายชินภัทร กล่าวภายหลังเดินทางไปประชุมหารือกับรองผู้อำนวยการโรงเรียนบดินทรเดชา และผู้แทน สพม.กทม.เขต 2 ว่า ได้สอบถามการดำเนินการรับนักเรียนเข้าเรียนรอบบ่ายได้รับทราบว่า มีนักเรียน ม.3 เดิมขอใช้สิทธิ์เรียนต่อ ม.4 ขณะนี้จำนวน 50 คน และในจำนวนนี้ทราบว่ามีที่เรียนแล้วแต่กำลังรอการยืนยันว่าจะเรียนหรือไม่
ทั้งนี้ สำหรับส่วนการเตรียมความพร้อมด้านวิชาการทางโรงเรียนได้จัดทำหลักสูตรพร้อมแล้วจะเป็นการเรียนทั่วไป จะมีเนื้อหาหลักสูตรเหมาะสมกับนักเรียนกลุ่มนี้ที่ผลการเรียนไม่สูงนัก โดยจะเป็นวิชาพื้นฐานประมาณ 41 หน่วย วิชาเลือก 36 หน่วย รวมเป็น 77 หน่วย นอกจากนี้ การสอนจะจัดสาระเพิ่มเติมให้ด้วย เช่น การจัดเรียนภาษาอังกฤษพื้นที่ฐานเรียนกับครูต่างชาติเช่นเดียวกับนักเรียนปกติ ซึ่ง สพฐ.พร้อมจะให้การสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อจัดหาครูต่างชาติมาสอน ส่วนการจัดเวลาเรียนจะเรียนนั้นวันจันทร์ จะให้เรียนจะเป็นกิจกรรมจิตสาธารณะ 3 ชั่วโมง ตั้งแต่ 14.40 เป็นต้นไป ส่วนการเรียนภาควิชาการเรียน วันอังคาร-ศุกร์ เวลา 12.40-16.50 น.และเรียนวันเสาร์เวลา 08.00-16.50 น.โดยโรงเรียนจะจัดห้องเรียนประจำที่ศูนย์เกษตรให้เด็กกลุ่มนี้ได้เรียน ทั้งนี้ ครูที่มาสอนเด็กที่เรียนรอบบ่ายจะมีการจ่ายค่าสอนนอกเวลาให้ด้วย
ผอ.บดินทรฯ เตรียมชี้แจงผู้ปกครอง
นายชินภัทร กล่าวว่า เพื่อให้เกิดความกลมกลืนและสามัคคี ในวันที่ 9 มิถุนายนนี้ นายสุวัฒน์จะกลับมาจากต่างประเทศ และจะเชิญประชุมผู้ปกครองกลุ่มนี้ เวลา 11.00 น.ฉะนั้น ข่าวที่บอกว่า ผอ.โรงเรียนบดินทรฯ ลาออก จึงไม่จริง นอกจากนี้ ผมได้รับแจ้งจากรอง ผอ.โรงเรียนบดินทรฯ ที่ดูแลด้านวินัย ว่า จะพูดคุยกับนักเรียนทั้งโรงเรียนในกิจกรรมหน้าเสาธง เพื่อให้เกิดความสมัครสมานสามัคคีต่อไป และมาถึงตรงนี้แล้วโรงเรียนแห่งนี้พร้อมจะเดินหน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ทางโรงเรียนได้มีจดหมายแจ้งให้นักเรียนและผู้ปกครองที่มาลงชื่อในวันนี้ มาประชุมชี้แจงรายละเอียดการเรียนพร้อมกันในวันเสาร์ที่ 9 มิถุนายน เวลา 11.00 น. โดย นายสุวัฒน์ วิวัฒนานนท์ ผู้อำนวยการโรงเรียน ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติราชการอยู่ต่างประเทศในขณะนี้ จะกลับมาพบหารือชี้แจงกับผู้ปกครองด้วยตนเอง โดยยังไม่ได้เริ่มการเรียนการสอนในภาคบ่ายทันทีแต่อย่างใด ทั้งนี้ ทางโรงเรียนจะต้องรวบรวมจำนวนนักเรียนในวันนี้เพื่อการจัดห้องเรียนต่อไป โดยการเรียนภาคบ่ายจะมีในช่วงเวลา 12.00-17.00 น.ของทุกวันและเพิ่มการเรียนวันเสาร์อีก 1 วัน