โฆษก ปชป.ซัด “หมวดเจี๊ยบ” จิตใจต่ำทราม เหยียบย่ำเหยื่อคาร์บอมบ์ เชื่อนายกฯ ใจดำ กลับลำลงตรวจพื้นที่เพราะทนกระแสกดดันไม่ไหว แค่ชิงภาพข่าวหน้า 1 เตือนคนในรัฐบาลหยุดปากพล่อย ไม่รู้จริงปัญหาชายแดนใต้ ยิ่งพูดซ้ำเติมความรุนแรง
วันนี้ (3 เม.ย.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเสียใจต่อความคิดของ ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ที่ออกมาระบุว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน จัดฉากเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์คาร์บอมบ์ที่หาดใหญ่และยะลา เพื่อความเท่ในการชิงพื้นที่สื่อมวลชน โดยกล่าวหาว่ามีวางแผนประชาสัมพันธ์อย่างเป็นขั้นเป็นตอน และเป็นการละเมิดสิทธิผู้ป่วย โดยเห็นว่าเป็นความคิดที่ต่ำเกินกว่ามนุษย์จะคิดได้ และไม่น่าเชื่อว่าจะออกจากปากของผู้หญิง ซึ่งน่าจะมีความละเอียดอ่อนทางความรู้สึกเกี่ยวกับความสูญเสียของเพื่อนร่วมชาติ แต่ในสมองของ ร.ท.หญิง สุณิสา กลับมีแต่เรื่องผลประโยชน์ทางการเมืองโดยไม่ซึมซับถึงความปวดร้าวทุกข์ทรมานของพี่น้องชาวใต้แม้แต่น้อย นับว่าอำมหิตผิดมนุษย์จริงๆ และในชีวิตของตนไม่เคยพบผู้หญิงที่มีความคิด และจิตใจต่ำทรามเช่นนี้มาก่อน
“ผมถาม ร.ท.สุณิสา ว่าถ้าการเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บคือการละเมิดสิทธิผู้ป่วย แต่ในวันที่นายจตุพรสั่งให้นายพายัพนำคนเสื้อแดงไปบุกโรงพยาบาลจุฬาฯ จนเขาต้องปิดโรงพยาบาล ผู้ป่วยต้องย้ายไปโรงพยาบาลอื่นอย่างทุลักทุเล บางรายป่วยหนักเสียชีวิตระหว่างการเคลื่อนย้าย ร.ท.สุณิสา กลับเรียกพฤติกรรมเหล่านั้นว่าการเรียกร้องเพื่อประชาธิปไตย ผมคิดว่า ร.ท.สุณิสา น่าจะมีปัญหาทั้งทางสมองและจิตใจ ที่สำคัญการที่พูดถึงขนาดว่าคุณอภิสิทธิ์จับมือกับผู้ป่วยเพราะคิดว่าเท่และทำเพื่อชิงพื้นที่ข่าวนั้นเป็นความคิดที่ต่ำทรามอย่างยิ่ง การจับมือเพื่อให้กำลังใจชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ ไม่มีมนุษย์ที่ไหนมีเวลาคิดชั่วได้ขนาดนั้นหรอกครับ ถ้าเกิดว่าจิตใจไม่อำมหิตจนผิดปกติ พี่น้องชาวใต้กำลังต้องการกำลังใจแต่พวกท่านกลับนำความทุกข์ของพวกเขามาเล่นการเมือง” นายชวนนท์กล่าว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวด้วยว่า หากนายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงประชาชนอย่างจริงใจ สามารถที่จะเดินทางลงพื้นที่ได้ทันที แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กลับอ้างว่าไม่ต้องการให้เป็นภาระของเจ้าหน้าที่ แต่จะบัญชาการอยู่ที่กรุงเทพฯ แทน ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริงก็คงไม่มีกระแสต่อว่านายกรัฐมนตรีว่าใจดำ แต่ที่ถูกตำหนิเป็นเพราะนายกฯ ไม่ได้ห่วงใยประชาชนอย่างแท้จริง เพราะเมื่อไม่ลงพื้นที่แล้วแทนที่จะนั่งหัวโต๊ะประชุมหน่วยงานความมั่นคงเพื่อบัญชาการแก้ปัญหา เหมือนที่พูดกลับ ว.5 ไปอยู่กับครอบครัวและโยนความรับผิดชอบให้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรีแทน ซึ่งการอยู่กับครอบครัวไม่มีใครว่าถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ แต่ในภาวะที่ชีวิตของชาวใต้แขวนอยู่บนเส้นด้าย ความรุนแรงเริ่มขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ นายกฯ ยังไม่เสียสละแม้แต่เวลาส่วนตัวเพื่อที่จะมาดูแลส่วนรวม อย่างนี้ต่างหากที่เรียกว่าใจดำ และการที่นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่หาดใหญ่ก็ชัดเจนว่าเป็นเพราะทนกระแสกดดันไม่ได้ ประกอบกับทนไม่ได้ที่เห็นสื่อมวลชนให้พื้นที่ข่าวกับนายอภิสิทธิ์ที่ลงไปเยี่ยมชาวบ้าน
“นายกฯ อุตส่าห์ลงไป แต่ก็ไปแบบเสียไม่ได้ ท่านอยู่ที่หาดใหญ่ 15 นาที ท่านได้รับฟังปัญหาความทุกข์ร้อนของประชาชนหรือไม่ คำตอบคือไม่ แต่ที่ท่านต้องการคือ ภาพข่าวหน้า 1 ว่าท่านลงไปเยี่ยมผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ นี่ต่างหากที่เรียกว่าสร้างภาพจัดฉากเอาความทุกข์ของประชาชนมาหาประโยชน์ทางการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ไม่ถนัดเรื่องพวกนี้หรอกครับ เพราะไม่มีความจัดเจนเท่ากับบางพรรคที่เลือดเย็นถึงขั้นเอาศพและความสูญเสียของชาติมาปลุกปั่นจนเกิดความแตกแยก อาศัยความขัดแย้งก้าวข้ามศพขึ้นสู่อำนาจและกำลังจะทอดทิ้งให้ศพเหล่านั้นตายไปอย่างไร้ความหมาย ไม่ได้รับแม้กระทั่งความยุติธรรมในการค้นหาความจริง” นายชวนนท์กล่าว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลควรทำตอนนี้คือ ตั้งสติคิดถึงความทุกข์ของประชาชนเป็นตัวตั้งและเร่งแก้ปัญหา หยุดปากพล่อยตำหนิคนอื่นอย่างไร้เหตุผล กำหนดนโยบายในการแก้ปัญหาให้เกิดความชัดเจน สร้างความเป็นเอกภาพให้เกิดขึ้น อย่าท่องแต่คำว่าบูรณาการมันไม่เกิดประโยขน์
“ที่สำคัญคือ คนในรัฐบาลต้องระมัดระวังในการสื่อสารต่อสาธารณะ เพราะกรณีคาร์บอมบ์ที่หาดใหญ่ และยะลา ที่มีผู้เสียชีวิตถึง 14 ราย บาดเจ็บจำนวนมากนั้น พล.อ.ยุทธศักดิ์ก็ออกมายอมรับว่าเป็นการก่อเหตุของกลุ่มบีอาร์เอ็นหัวรุนแรงที่ไม่พอใจกับการเจรจาจากที่รัฐบาลมีนโยบาย สะท้อนว่าความสูญเสียที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะความไม่ระมัดระวังในคำพูด ไม่เข้าใจถึงความละเอียดอ่อนของสถานการณ์ ไม่เข้าถึงปัญหาที่มีความสลับซับซ้อน หลากหลายมิติ แต่คิดง่ายๆ และพยายามจะตัดปัญหาด้วยวิธีคิดไม่แตกต่างจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในสมัยที่เป็นนายกรัฐมนตรีเคยใช้ขีวิตพี่น้องชาวใต้มาเป็นหนูทดลองนโยบาย โจรกระจอก จนไฟใต้ลุกโชนดับไม่ได้มาจนถึงทุกวันนี้ และ พ.ต.ท.ทักษิณควรจะออกมาพูดความจริงก้บคนไทยด้วยว่า มีการเดินทางไปมาเลเซียพบกับใครและกำหนดนโยบายให้พรรคเพื่อไทยทำและ น.ส.ยิ่งลักษณ์แสดง จนมีการเปิดเจรจาโฉ่งฉ่าง ตามมาด้วยเสียงระเบิดตูมตามสังเวยวิธีคิดที่หวังใช้ความมั่นคงมาสร้างผลงานทางการเมือง โดยไม่คำนึงถึงความเสี่ยงของประชาชนหรือไม่ และจะรับผิดชอบต่อความผิดพลาดทางนโยบายจนทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตอย่างไร”
นายชวนนท์ยังระบุอีกว่า หากนายกรัฐมนตรีมีจริงใจกับประชาชนก็ควรทำตามที่ ร.ท.สุณิสาแนะนำ คือเดินทางลงพื้นที่ใต้อย่างต่อเนื่องเก็บข้อมูลใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส เพื่อผลักดันการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ไม่ใช่แค่ไปยืนเท่ๆ เพื่อถ่ายรูปเฉพาะวันที่เป็นประเด็นข่าวเพราะนอกจากจะแสดงถึงความใจดำแล้ว มันยังไม่ใช่เรื่องเท่อีกด้วย ทั้งนี้ ในสมัยรัฐบาลที่แล้ว นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย ในขณะนั้นได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องนี้เป็นการเฉพาะและต้องรายงานต่อนายอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรี ทุกสัปดาห์ เกิดเหตุรุนแรง นายอภิสิทธิ์ก็จะเข้าไปศึกษาปัญหาร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคงทำงานกันอย่างใกล้ชิด ถ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ลงพื้นที่เอง ก็ควรมอบหมายให้มีรัฐมนตรีดูแลงานด้านนี้โดยเฉพาะเหมือนที่รัฐบาลประชาธิปัตย์เคยทำ ซึ่งจะทำให้รัฐบาลชุดนี้มีความเข้าใจต่อปัญหาความไม่สงบในภาคใต้มากขึ้น