00 ทำไปทำมาจะกลายเป็นเรื่องบานปลายภายในรัฐบาลและในพรรคเพื่อไทยเสียแล้วกับการที่ สุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.ศึกษาธิการ วิเคราะห์ว่ารัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำท่าจะอยู่ไม่ถึงสิ้นปี เพราะกำลังเจอมรสุมลูกใหญ่หลายลูก และคำพูดเหมือนกับ “ปลง” ว่าจะต้องเกษียณการเมืองในปีนี้ เพราะได้สร้างแรงกระเพื่อมออกมาให้เห็นทันที
00 อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่า ในความเป็นจริงแล้ว ศักยภาพส่วนตัวของ สุชาติ ทั้งในพรรคและนอกพรรค แทบไม่มีเอาเสียเลย เหมือนกับว่า “หัวเดียวกระเทียมลีบ” ซึ่งถ้าประเมินจากคำพูดที่ออกมาก็ต้องเข้าใจว่า ปรับครม.ที่กำลังจะมีขึ้น จะต้องหลุดจากเก้าอี้ค่อนข้างแน่ ส่วนคนที่จะเข้ามาแทนจะเป็นใครนั้น นาทีนี้ยังไม่อาจฟันธง แต่ประเด็นก็คือ มันจะกลายเป็นชนวนของการวิ่งเต้น แย่งกัน “โชว์นาย” ให้เข้าตาเพื่อหวังติดโผ รมต.กับเขาบ้าง เหมือนกับอาการของ ประชา ประสพดี รีบฉวยจังหวะงับคนไม่มีทางสู้แบบเต็มเขี้ยวนั่นแหละ
00 แน่นอนว่าการปรับครม.จะต้องเกิดขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า และเที่ยวนี้ส่อแววปรับใหญ่แบบยกชุด เพราะเป็น “ใบสั่ง” จากนายใหญ่ ทักษิณ ชินวัตร ดีไม่ดีรายชื่อเขียนแขวนข้างฝาเอาไว้แล้ว ที่ว่าต้องรื้อกันยกชุด เพราะ หนึ่งรัฐบาลผ่านมาครบ 1 ปีแล้ว สมควรแก่เวลาที่จะต้องจัดกระบวนใหม่ ส่วนหนึ่งก็เพื่อรองรับ “ทุนเก่า” จากกลุ่ม 111 ที่ได้จังหวะต้องเข้ามาพอดี สองเพื่อเข้ามาเสริมทัพรับมือวิกฤติเศรษฐกิจ-การเมืองที่กำลังก่อตัวมืดครึ้ม ทั้งภายนอกภายในกระหน่ำเข้ามา เพราะหากประเมินจากผลงานที่ผ่านมาเชื่อว่า “ปูเอาไม่อยู่” แน่นอน
00 พิจารณาจากรูปการณ์ การปรับครม.น่าออกมาแบบสองส่วน คือ โควตาของ นายกฯ ที่คราวนี้ขอต่อรอง “สร้างบาง” เองบ้างในระดับ รมต.เศรษฐกิจ อย่าง กิตติรัตน์ ณ ระนอง น่าจะยังอยู่ต่อค่อนข้างแน่ เฉลิม อยู่บำรุง ก็ยังเข้าตา ยงยุทธ วิชัยดิษฐ แม้จะห่วย เฉื่อยชาแค่ไหน แต่ด้วยลูกพินอบพิเทา ซื่อสัตย์ไว้ใจได้ ก็ต้องมีเก้าอี้รองก้นเหมือนกัน
00 ที่เหลือก็ถือว่า เป็นโควตาแบ่งสายกันไปในหมู่ครอบครัว ระหว่าง “เจ๊” กับ “นายหญิง” แต่ที่น่าจับตาก็คือเก้าอี้ รมว.กลาโหม จะเปลี่ยนมือจาก พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ไปเป็นคนอื่นหรือไม่ อีกเก้าอี้หนึ่งที่น่าจับตาก็คือ รมว.คมนาคม ว่า จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ จะรักษาเอาไว้ได้หรือไม่ เนื่องจากเป็นที่หมายตาของ พวก “ขาใหญ่” จ้องตาเป็นมัน เพราะหากรอดสันดอน รัฐบาลอยู่พ้นข้ามปีไปได้ จะมีอภิมหาโปรเจ็กต์รออยู่เพียบ แค่โครงการรถไฟฟ้าทั้งความเร็วสูง ความเร็วต่ำ ขยายสนามบินสุวรรณภูมิ เงินทั้งน้านน !!
00 อย่างไรก็ดี จะผ่านวิกฤตก่อนสิ้นปี ตามที่ สุชาติ ธาดาธำรงเวช ประเมินเอาไว้อย่างไร โดยเฉพาะวิกฤติศาลรธน. เพราะต้องลุ้นว่าการแก้ไข รธน. จะเข้าข่ายล้มล้างการปกครองหรือไม่ และเมื่อศาลรับคำร้องแล้ว มันก็ถือว่าห้าสิบห้าสิบแล้ว เมื่อฟังจากประธานศาลรธน. วสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ที่ว่าหากบริสุทธิ์ใจไม่ได้ทำอย่างที่กล่าวหา ก็ต้องมาชี้แจง เหมือนกับมาลงสัตยาบันเป็นสัญญาลูกผู้ชาย ว่าไม่แตะต้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ยังดีที่ไม่บอกว่า อย่าแตะหมวดศาลด้วย เอาเป็นว่ารอลุ้นแล้วกัน ภายในเดือนสิงหาคมนี้ ก็รู้ผล แต่อยากกระซิบบอกล่วงหน้าว่าให้ “ทำใจ” เอาไว้ก่อน และที่สำคัญให้เตรียมรับมือไว้ให้ดี เพราะโอกาสป่วนมีสูงยิ่ง !!
00 อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่า ในความเป็นจริงแล้ว ศักยภาพส่วนตัวของ สุชาติ ทั้งในพรรคและนอกพรรค แทบไม่มีเอาเสียเลย เหมือนกับว่า “หัวเดียวกระเทียมลีบ” ซึ่งถ้าประเมินจากคำพูดที่ออกมาก็ต้องเข้าใจว่า ปรับครม.ที่กำลังจะมีขึ้น จะต้องหลุดจากเก้าอี้ค่อนข้างแน่ ส่วนคนที่จะเข้ามาแทนจะเป็นใครนั้น นาทีนี้ยังไม่อาจฟันธง แต่ประเด็นก็คือ มันจะกลายเป็นชนวนของการวิ่งเต้น แย่งกัน “โชว์นาย” ให้เข้าตาเพื่อหวังติดโผ รมต.กับเขาบ้าง เหมือนกับอาการของ ประชา ประสพดี รีบฉวยจังหวะงับคนไม่มีทางสู้แบบเต็มเขี้ยวนั่นแหละ
00 แน่นอนว่าการปรับครม.จะต้องเกิดขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า และเที่ยวนี้ส่อแววปรับใหญ่แบบยกชุด เพราะเป็น “ใบสั่ง” จากนายใหญ่ ทักษิณ ชินวัตร ดีไม่ดีรายชื่อเขียนแขวนข้างฝาเอาไว้แล้ว ที่ว่าต้องรื้อกันยกชุด เพราะ หนึ่งรัฐบาลผ่านมาครบ 1 ปีแล้ว สมควรแก่เวลาที่จะต้องจัดกระบวนใหม่ ส่วนหนึ่งก็เพื่อรองรับ “ทุนเก่า” จากกลุ่ม 111 ที่ได้จังหวะต้องเข้ามาพอดี สองเพื่อเข้ามาเสริมทัพรับมือวิกฤติเศรษฐกิจ-การเมืองที่กำลังก่อตัวมืดครึ้ม ทั้งภายนอกภายในกระหน่ำเข้ามา เพราะหากประเมินจากผลงานที่ผ่านมาเชื่อว่า “ปูเอาไม่อยู่” แน่นอน
00 พิจารณาจากรูปการณ์ การปรับครม.น่าออกมาแบบสองส่วน คือ โควตาของ นายกฯ ที่คราวนี้ขอต่อรอง “สร้างบาง” เองบ้างในระดับ รมต.เศรษฐกิจ อย่าง กิตติรัตน์ ณ ระนอง น่าจะยังอยู่ต่อค่อนข้างแน่ เฉลิม อยู่บำรุง ก็ยังเข้าตา ยงยุทธ วิชัยดิษฐ แม้จะห่วย เฉื่อยชาแค่ไหน แต่ด้วยลูกพินอบพิเทา ซื่อสัตย์ไว้ใจได้ ก็ต้องมีเก้าอี้รองก้นเหมือนกัน
00 ที่เหลือก็ถือว่า เป็นโควตาแบ่งสายกันไปในหมู่ครอบครัว ระหว่าง “เจ๊” กับ “นายหญิง” แต่ที่น่าจับตาก็คือเก้าอี้ รมว.กลาโหม จะเปลี่ยนมือจาก พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ไปเป็นคนอื่นหรือไม่ อีกเก้าอี้หนึ่งที่น่าจับตาก็คือ รมว.คมนาคม ว่า จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ จะรักษาเอาไว้ได้หรือไม่ เนื่องจากเป็นที่หมายตาของ พวก “ขาใหญ่” จ้องตาเป็นมัน เพราะหากรอดสันดอน รัฐบาลอยู่พ้นข้ามปีไปได้ จะมีอภิมหาโปรเจ็กต์รออยู่เพียบ แค่โครงการรถไฟฟ้าทั้งความเร็วสูง ความเร็วต่ำ ขยายสนามบินสุวรรณภูมิ เงินทั้งน้านน !!
00 อย่างไรก็ดี จะผ่านวิกฤตก่อนสิ้นปี ตามที่ สุชาติ ธาดาธำรงเวช ประเมินเอาไว้อย่างไร โดยเฉพาะวิกฤติศาลรธน. เพราะต้องลุ้นว่าการแก้ไข รธน. จะเข้าข่ายล้มล้างการปกครองหรือไม่ และเมื่อศาลรับคำร้องแล้ว มันก็ถือว่าห้าสิบห้าสิบแล้ว เมื่อฟังจากประธานศาลรธน. วสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ที่ว่าหากบริสุทธิ์ใจไม่ได้ทำอย่างที่กล่าวหา ก็ต้องมาชี้แจง เหมือนกับมาลงสัตยาบันเป็นสัญญาลูกผู้ชาย ว่าไม่แตะต้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ยังดีที่ไม่บอกว่า อย่าแตะหมวดศาลด้วย เอาเป็นว่ารอลุ้นแล้วกัน ภายในเดือนสิงหาคมนี้ ก็รู้ผล แต่อยากกระซิบบอกล่วงหน้าว่าให้ “ทำใจ” เอาไว้ก่อน และที่สำคัญให้เตรียมรับมือไว้ให้ดี เพราะโอกาสป่วนมีสูงยิ่ง !!
