xs
xsm
sm
md
lg

"ศรีราชา"เมินตอบโต้พท. กรณีตั้งรมต.กษิต-ณัฐวุฒิ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ ( 28 มิ.ย.) นายศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวถึงกรณีถูกโจมตีจากพรรคเพื่อไทย (พท.) เรื่องการปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นกลาง และเรียกร้องให้คณะผู้ตรวจการแผ่นดินของนายศรีราชา ลาออก หลังออกมายอมรับว่า เคยพิจารณาเรื่องร้องเรียนจริยธรรมการแต่งตั้ง นายกษิต ภิรมย์ อดีตรมว.ต่างประเทศ สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี แต่เกิดความผิดพลาดของระบบฐานข้อมูล จึงให้ข้อมูลกับสื่อมวลคลาดเคลื่อน ว่า ตนคงไม่ขอตอบโต้ และขออยู่เฉยๆก่อน เพราะไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต หรือประพฤติมิชอบ แต่เกิดจากความผิดพลาดของระบบงานด้านคอมพิวเตอร์ อีกทั้งขณะนี้ตนก็ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว และให้รายงานสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินภายใน 15 วัน ซึ่งหลังจากรับทราบรายงานดังกล่าวแล้ว ก็จะแถลงข่าวให้ทราบอีกครั้ง
ด้านนายรักษเกชา แฉ่ฉาย รองเลขาธิการและโฆษกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ขอยืนยันว่าผู้ตรวจการแผ่นดินทำงานด้วยความเป็นกลาง ไม่เลือกปฏิบัติ เพราะการพิจารณาคำร้องเรื่องต่างๆนั้น ทางผู้ตรวจการฯ พิจารณาด้วยความรอบคอบตามหลักฐาน และข้อเท็จจริงที่ปรากฏ อีกทั้งตามขั้นตอนของกระบวนการพิจารณา ผู้ตรวจการฯ ก็เปิดโอกาสให้ผู้ร้อง และผู้ถูกร้องได้ชี้แจงทั้งลายลักษณ์อักษร และวาจา อย่างเท่าเทียม และเสมอภาค
ดังนั้น จึงไม่มีทางที่จะเลือกปฏิบัติ หรือสองมาตรฐานอย่างแน่นอน ส่วนผลการวินิจฉัยออกมาแล้ว จะเป็นที่พอใจของทุกฝ่ายหรือไม่นั้น คงไปห้ามไม่ให้คิด หรือสงสัยไม่ได้ เพราะทุกคนย่อมมีสิทธิที่จะมีความคิดเห็นแตกต่าง โดยเฉพาะหากใครที่ไม่พอใจในคำวินิจฉัย ก็ย่อมมีความสงสัย และเคลือบแคลงใจในการพิจารณาก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ขอยืนยันว่า การทำงานของผู้ตรวจการแผ่นดิน ทำด้วยความเป็นกลาง ไม่เอนเอียงเข้าข้างฝ่ายใดเด็ดขาด

** จี้ผู้ตรวจการพิจารณาตัวเอง

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกรณี สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้สั่งให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้าราชการ กรณีความผิดพลาด เรื่องการตรวจสอบเอกสาร ที่ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ยกคำร้องการแต่งตั้งนายกษิต ภิรมย์ เข้าดำรงตำแหน่งรมว.ต่างประเทศ โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เป็นกรณีเดียวกับตน กรณีดังกล่าวมีความชัดเจนว่า นายพิชา วิจิตรศิลป์ ผู้ร้อง แต่นายศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดิน ซี่งขณะนั้นเป็นเลขาธิการผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้ลงนามในหนังสือยกคำร้อง เมื่อวันที่ 20 ม.ค.53 ตนอยากถามว่านายศรีราชา สมัยเป็นผู้ตรวจในปี 55 กับในฐานะเลขาธิการฯในปี 53 ทำไมจึงพูดกันคนละอย่าง ถือเป็นการพูดเท็จ เพราะกรณีนายกษิต ได้ออกคำวินิจฉัยมาแล้ว
นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า ในหนังสือคำวินิจฉัยยกคำร้องกรณีนายกษิต แม้เป็นบุคคลที่ขึ้นเวทีปราศรัย แต่มองว่าการกระทำดังกล่าว เป็นการแสดงออกทางการเมืองซึ่งมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ได้ตามบทบบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมาตรา 45 หาทำให้ขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรีไม่
ดังนั้น กรณีที่นายอภิสิทธิ์ แต่งตั้งนายกษิต จึงไม่ใช่การขัดต่อบทบัญญัติ หรือประมวลจริยธรรม
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้นายศรีราชา เป็นผู้ลงนามเอง โดยเรื่องนี้เป็นกรณีเดียวที่สำนักงานฯ ได้ดำเนินการ นายศรีราชา จะจำไม่ได้เชียวหรือ ถือเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง แล้วเอาข้อผิดพลาดไปยัดเยียดให้ข้าราชการชั้นผู้น้อย ผู้ที่รู้เรื่องนี้ดี และน่าจะรู้ก่อนใครควรเป็นนายศรีราชา จึงอยากให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้ทบทวน อย่าใช้อำนาจไปรังแกผู้น้อย แล้วควรหันไปเอาความจริงกับนายศรีราชา จะดีกว่า ว่าปกปิดเรื่องนี้ทำไม
การอ้างว่ากรณีนายกษิต กับตนต่างกัน เพราะศาลแพ่งมีคำสั่งว่า การชุมนุมขัดต่อกฎหมาย กรณีนายกษิต ศาลแพ่งก็เคยมีคำสั่งออกมาในลักษณะเดียวกัน ซึ่งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 39 เรื่องสิทธิในกระบวนการยุติธรรม ถือว่าขณะนี้ทั้งตน และนายกษิต ซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหา ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ด้วยกันทั้งคู่
" ยิ่งชัดเจนว่า กระบวนการแต่งตั้งรัฐมนตรีโดยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ และรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ไม่มีอะไรแตกต่างกัน แต่การปฏิบัติของผู้ตรวจการแผ่นดิน แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว มันเลยเกิดปัญหา เพราะองค์กรตรวจสอบไม่ทำหน้าที่ด้วยความบริสุทธิ์ ตรงไปตรงมา แต่บิดเบือนใช้อำนาจมากกว่าที่กฎหมายรองรับไว้ เพื่อเล่นงานฝ่ายตรงข้าม ที่มาของนายศรีราชา ก็เคยเป็นอดีต ส.ส.ร.50 โดยการแต่งตั้งของคณะปฏิวัติและเป็นคนที่เคยเสนอประเด็นว่านายกรัฐมนตรี ไม่ต้องมาจากการเลือกตั้ง สิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงตัวตนของบางคนที่ไปทำลายความจริง ทำลายกฎเกณฑ์ของบ้านเมือง " นายณัฐวุฒิ กล่าว
เมื่อถามว่าจะยื่นถอดถอนนายศรีราชา หรือไม่ ในฐานะที่ปฏิบัติหน้าที่ไม่รอบคอบ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า คงต้องขอเปลี่ยนคำถามเรื่องนี้ ไม่ใช่การปฏิบัติหน้าที่โดยไม่รอบคอบ แต่ถือเป็นการจงใจปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งตนจะไม่ลงชื่อถอดถอน เพราะไม่ควรเป็นภาระให้กับประชาชน ขอให้ผู้ตรวจฯ พิจารณาตัวเองจะดีกว่า
กำลังโหลดความคิดเห็น