ASTVผู้จัดการรายวัน-ทบ.โต้ "ขวัญชัย" แจง “ดาว์พงษ์” ไม่เคยถกลับล้มรัฐบาล หลังแกนนำแดงอุดร ปูดมีคนร่วมถึง 30 คน รวมเสธหนั่นสุมหัวที่เขาใหญ่วางแผนล้มรัฐบาล "ปู" ด้าน “มาร์ค” ซัดพฤติกรรม “ตู่-เต้น” กดดันศาล แค่หวังยึดอำนาจองค์กรตรวจสอบ เพื่อไทยดาหน้าอุ้ม ไม่ได้ลบหลู่ “คำนูณ” ซัด "คณิณ"ลืมเรื่องอภิมหาทุนผูกขาดไปแล้วหรือ
พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวชี้แจงกรณีที่มีหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งได้กล่าวถึงคำสัมภาษณ์ของนายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา และระบุว่า มีกลุ่มคนที่เคยร่วมกันล้มรัฐบาล พรรคไทยรักไทย และพรรคพลังประชาชน ได้ไปประชุมลับที่ โบนันซ่า เขาใหญ่ โดยมีพล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รองผู้บัญชาการทหารบก และ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ร่วมอยู่ด้วยว่า กองทัพบก ขอชี้แจงว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง และการเสนอข่าวใดๆ ที่จะส่งผลกระทบถึงตัวบุคคลที่เป็นข่าวและองค์กร มิได้เป็นผลดีต่อสังคม และประเทศที่กำลังก้าวไปข้างหน้า
ทั้งนี้ การให้ข่าวสารใดๆ ผู้ให้ข่าวจะต้องรับผิดชอบ และสื่อมวลชนควรมีการตรวจสอบอย่างรอบคอบก่อนนำเสนอ ขอให้ทุกท่านได้เชื่อมั่นต่อการทำหน้าที่ของกองทัพบก โดยเฉพาะในปัจจุบัน สถานการณ์ทั่วไปมีความละเอียดอ่อน ซึ่งกองทัพบกขอยืนยันว่ายังคงมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่ดูแลประเทศชาติและประชาชนให้ดีที่สุด
รายงานข่าวแจ้งว่า สาเหตุที่กองทัพบกต้องออกมาตอบโต้ข่าวในครั้งนี้ เนื่องจากนายขวัญชัยได้ออกมาระบุว่า มีคน 20-30 คน มาประชุมร่วมกันที่เขาใหญ่ เพื่อหาทางล้มรัฐบาล โดยมีนักการเมือง คือ พล.ต.สนั่น และพล.อ.ดาว์พงษ์ มาร่วมประชุม ร่วมทั้งยังกล่าวหาว่ามีขบวนการปฏิวัติเงียบโดยใช้ตุลาการด้วย และยังมีการข่มขู่อีกว่า พร้อมที่จะลุย
**นัดไต่สวนคดีแก้รัฐธรรมนูญ 5-6 ก.ค.
ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ได้ออกเอกสารข่าวระบุว่า ในการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ วานนี้ (27 มิ.ย.) ที่ประชุมได้พิจารณากรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัยว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่ โดยมีคำสั่งนัดคู่กรณีฝ่ายผู้ร้อง ประกอบด้วย พลเอกสมเจตน์ บุญถนอม กับพวก ผู้ร้องที่ 1 นายวันธงชัย ชำนาญกิจ ผู้ร้องที่ 2 นายวิรัตน์ กัลป์ยาศิริ ผู้ร้องที่ 3 นายวรินทร์ เทียมจรัส ผู้ร้องที่ 4 และนายบวร ยสินธร และคณะ ผู้ร้องที่ 5 ให้นำพยานบุคคลเข้าไต่สวนในวันที่ 5 ก.ค. ตั้งแต่เวลา 09.30 น. และให้ฝ่ายผู้ถูกร้องที่ประกอบด้วย นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ผู้ถูกร้องที่ 1 คณะรัฐมนตรี ผู้ถูกร้องที่ 2 พรรคเพื่อไทย ผู้ถูกร้องที่ 3 พรรคชาติไทยพัฒนา ผู้ถูกร้องที่ 4 นายสุนัย จุลพงสธร และคณะ ผู้ถูกร้องที่ 5 และนายภราดร ปริศนานันทกุล และคณะ ผู้ถูกร้องที่ 6 นำพยานบุคคลเข้าไต่สวนในศุกร์ที่ 6 ก.ค.ตั้งแต่เวลา 09.30 น. เป็นต้นไป
**หวังยึดอำนาจองค์กรตรวจสอบ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความพยายามที่จะกดดันศาลยุติธรรมของแกนนำ นปช. ทั้งนายจตุพร พรหมพันธ์ และนายณัฐวุติ ใสเกื้อ ที่พยายามจะเอาข้อมูลตุลาการมาเปิดเผยบนเวทีว่า ตนไม่แปลกใจ เพราะคนเหล่านี้ต้องการที่จะไปแทรกแซงและยึดอำนาจตุลาการ โดยมีปลายทางของการเคลื่อนไหวทั้งหมด คือ พยายามเขียนรัฐธรรมนูญ เพื่อก้าวก่ายและควบคุมฝ่ายตุลาการได้ เพราะไม่ต้องการให้มีการตรวจสอบการใช้อำนาจ จึงต้องการทำให้ศาล ตุลาการ และองค์กรอิสระกลายเป็นคู่ขัดแย้งและใส่ความว่าเป็นปัญหาการทำงานเพื่อเป้าหมายที่ต้องการ ซึ่งเป็นเรื่องอันตรายมาก กรณีของนายจตุพรไม่มีอะไรซับซ้อน เพราะมีคดีติดตัว และได้รับประกันตัว แต่ก็ยังมีการขึ้นเวทีปราศัยโจมตีต่างๆ ที่สังคมมองเห็นได้ชัดเจน ก็ควรให้ศาลพิจารณาว่าผิดเงื่อนไขหรือไม่
**เพื่อไทย อุ้ม"ตู่"ไม่ได้ลบหลู่ศาล
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย กล่าวว่า กรณีนายจตุพร ออกมากดดันศาลเรื่องการถอนประกัน เป็นการถามหาเหตุผลว่า เพราะอะไร ไม่ได้ไปลบหลู่ศาล ถ้าลบหลู่ศาลก็ผิดกฎหมาย
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของนายจตุพรที่ทวงถามเหตุผลต่อศาลรัฐธรรมนูญนั้นถือเป็นสิทธิส่วนบุคคลในกรอบของกฎหมาย ตนในฐานะที่เรียกฎหมายมา ก็ไม่เข้าใจว่าการที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญไปยื่นต่อศาลอาญา เพราะดูอย่างไรก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เนื่องจากเป็นอำนาจการพิจารณาของศาลอาญา หรืออัยการเจ้าของคดี ที่เห็นพฤติกรมที่จะทำให้คดีเสียหาย การที่นายจตุพรวิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีเก่าเลย และไม่มีความผิดเพิ่มเติมด้วย
**สสร. 40 ชี้ศาลก่อวิกฤติรอบใหม่
ที่รัฐสภา กลุ่มสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 40 (ส.ส.ร.40) ประมาณ 20 คน นำโดย นายคณิน บุญสุวรรณ พล.ต.อ.สวัสดิ์ อมรวิวัฒน์ นายบุญเลิศ คชายุทธเดช นายวุฒิพงศ์ ฉายแสง ได้หารือร่วมกันถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 วรรคแรก พร้อมกับมีคำสั่งให้รัฐสภาชะลอการลงมติในวาระสามของร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย และได้ออกจดหมายเปิดผนึก
นายคณินกล่าวว่า ที่ผ่านมาส.ส.พรรคไทยรักไทยเคยยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ กรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ขณะนั้น เรียกร้องขอนายกฯ พระราชทานตามมาตรา 7 ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 25 พ.ค.2549 ยังปฏิเสธไม่รับคำร้อง โดยให้ไปยื่นผ่านอัยการสูงสุดก่อน การอ้างว่ารัฐธรรมนูญปี 40 ถูกยกเลิกไป ศาลรัฐธรรมนูญชุดใหม่ ไม่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของชุดเดิม ถือว่าไม่ถูกต้อง ไม่อย่างนั้น เราก็จะไม่มีบรรทัดฐานอะไรเลย ขณะที่เจตนารมณ์ดั้งเดิมของรัฐธรรมนูญ 40 คือ การบัญญัติการกระทำผิดตามมาตรา 63 ว่าการกระทำอันเป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข คือ การใช้กำลังทหารเข้ายึดอำนาจเท่านั้น ดังนั้น การกระทำของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว ถือเป็นการล้มล้างบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญเสียเอง ถึงขั้นบัญญัติรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่โดยพลการ ไม่ว่าผลการตัดสินจะเป็นอย่างไรย่อมก่อให้เกิดความเสียหายทั้งขึ้นทั้งล่อง เท่ากับว่าศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจสูงสุดแต่เพียงผู้เดียว
**คำนูณซัดลืม“อภิมหาทุนผูกขาด”
นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา แสดงความคิดเห็นในเฟซบุ๊ก ระบุว่า อุตส่าห์เคยเป็นคนเขียนหนังสือ “รัฐธรรมนูญตายแล้ว” ที่บรรจงบรรยายความเลวร้ายของระบอบทักษิณในนาม “ทศลักษณ์ทักษิโณมิกส์” ตั้งแต่ปี 2547 ก่อนเกิดพันธมิตรฯ เสียอีก วันนี้คุณพี่คณิน ลืมหมดแล้วหรือไร ถึงได้แปลความการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 68 ที่ลอกสารัตถะมาจากรัฐธรรมนูญ 2540 มาตรา 63 ว่าคือการรัฐประหารของทหารเท่านั้น พ้นจากนี้ใครจะปู้ยี่ปู้ยำทำแกงมาตุฆาตอัตวินิบาตกรรมยังไงก็ได้ไม่อยู่ในบังคับมาตรานี้ ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจยับยั้ง หากยับยั้งถือเป็นการล้มล้างการปกครองฯ ไฉนลืมไปว่ารัฐธรรมนูญ 2540 ที่คุณพี่ร่างมาและเสมือนตายไปแล้วในเวลาเพียง 7 ปีที่บังคับใช้มาน่ะ คนฆ่าไม่ใช่ทหารนะ คุณพี่บอกเองโดยนัยไม่ใช่หรือว่าฆาตกรคืออภิมหาทุนผูกขาด โดยตรรกะแล้ว เมื่อรัฐธรรมนูญ 2550 ตระหนักถึงปัญหานี้มีหรือเขาจะจำกัดเจตนารมณ์มาตรการพิทักษ์รัฐธรรมนูญไว้แค่จากมือทหารเท่านั้น เขาย่อมมีเจตนาพิทักษ์จากทุกมือมาร ไม่ว่าทหาร หรือนายทุนผูกขาดเจ้าของพรรค!
พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวชี้แจงกรณีที่มีหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งได้กล่าวถึงคำสัมภาษณ์ของนายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา และระบุว่า มีกลุ่มคนที่เคยร่วมกันล้มรัฐบาล พรรคไทยรักไทย และพรรคพลังประชาชน ได้ไปประชุมลับที่ โบนันซ่า เขาใหญ่ โดยมีพล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รองผู้บัญชาการทหารบก และ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ร่วมอยู่ด้วยว่า กองทัพบก ขอชี้แจงว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง และการเสนอข่าวใดๆ ที่จะส่งผลกระทบถึงตัวบุคคลที่เป็นข่าวและองค์กร มิได้เป็นผลดีต่อสังคม และประเทศที่กำลังก้าวไปข้างหน้า
ทั้งนี้ การให้ข่าวสารใดๆ ผู้ให้ข่าวจะต้องรับผิดชอบ และสื่อมวลชนควรมีการตรวจสอบอย่างรอบคอบก่อนนำเสนอ ขอให้ทุกท่านได้เชื่อมั่นต่อการทำหน้าที่ของกองทัพบก โดยเฉพาะในปัจจุบัน สถานการณ์ทั่วไปมีความละเอียดอ่อน ซึ่งกองทัพบกขอยืนยันว่ายังคงมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่ดูแลประเทศชาติและประชาชนให้ดีที่สุด
รายงานข่าวแจ้งว่า สาเหตุที่กองทัพบกต้องออกมาตอบโต้ข่าวในครั้งนี้ เนื่องจากนายขวัญชัยได้ออกมาระบุว่า มีคน 20-30 คน มาประชุมร่วมกันที่เขาใหญ่ เพื่อหาทางล้มรัฐบาล โดยมีนักการเมือง คือ พล.ต.สนั่น และพล.อ.ดาว์พงษ์ มาร่วมประชุม ร่วมทั้งยังกล่าวหาว่ามีขบวนการปฏิวัติเงียบโดยใช้ตุลาการด้วย และยังมีการข่มขู่อีกว่า พร้อมที่จะลุย
**นัดไต่สวนคดีแก้รัฐธรรมนูญ 5-6 ก.ค.
ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ได้ออกเอกสารข่าวระบุว่า ในการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ วานนี้ (27 มิ.ย.) ที่ประชุมได้พิจารณากรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัยว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่ โดยมีคำสั่งนัดคู่กรณีฝ่ายผู้ร้อง ประกอบด้วย พลเอกสมเจตน์ บุญถนอม กับพวก ผู้ร้องที่ 1 นายวันธงชัย ชำนาญกิจ ผู้ร้องที่ 2 นายวิรัตน์ กัลป์ยาศิริ ผู้ร้องที่ 3 นายวรินทร์ เทียมจรัส ผู้ร้องที่ 4 และนายบวร ยสินธร และคณะ ผู้ร้องที่ 5 ให้นำพยานบุคคลเข้าไต่สวนในวันที่ 5 ก.ค. ตั้งแต่เวลา 09.30 น. และให้ฝ่ายผู้ถูกร้องที่ประกอบด้วย นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ผู้ถูกร้องที่ 1 คณะรัฐมนตรี ผู้ถูกร้องที่ 2 พรรคเพื่อไทย ผู้ถูกร้องที่ 3 พรรคชาติไทยพัฒนา ผู้ถูกร้องที่ 4 นายสุนัย จุลพงสธร และคณะ ผู้ถูกร้องที่ 5 และนายภราดร ปริศนานันทกุล และคณะ ผู้ถูกร้องที่ 6 นำพยานบุคคลเข้าไต่สวนในศุกร์ที่ 6 ก.ค.ตั้งแต่เวลา 09.30 น. เป็นต้นไป
**หวังยึดอำนาจองค์กรตรวจสอบ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความพยายามที่จะกดดันศาลยุติธรรมของแกนนำ นปช. ทั้งนายจตุพร พรหมพันธ์ และนายณัฐวุติ ใสเกื้อ ที่พยายามจะเอาข้อมูลตุลาการมาเปิดเผยบนเวทีว่า ตนไม่แปลกใจ เพราะคนเหล่านี้ต้องการที่จะไปแทรกแซงและยึดอำนาจตุลาการ โดยมีปลายทางของการเคลื่อนไหวทั้งหมด คือ พยายามเขียนรัฐธรรมนูญ เพื่อก้าวก่ายและควบคุมฝ่ายตุลาการได้ เพราะไม่ต้องการให้มีการตรวจสอบการใช้อำนาจ จึงต้องการทำให้ศาล ตุลาการ และองค์กรอิสระกลายเป็นคู่ขัดแย้งและใส่ความว่าเป็นปัญหาการทำงานเพื่อเป้าหมายที่ต้องการ ซึ่งเป็นเรื่องอันตรายมาก กรณีของนายจตุพรไม่มีอะไรซับซ้อน เพราะมีคดีติดตัว และได้รับประกันตัว แต่ก็ยังมีการขึ้นเวทีปราศัยโจมตีต่างๆ ที่สังคมมองเห็นได้ชัดเจน ก็ควรให้ศาลพิจารณาว่าผิดเงื่อนไขหรือไม่
**เพื่อไทย อุ้ม"ตู่"ไม่ได้ลบหลู่ศาล
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย กล่าวว่า กรณีนายจตุพร ออกมากดดันศาลเรื่องการถอนประกัน เป็นการถามหาเหตุผลว่า เพราะอะไร ไม่ได้ไปลบหลู่ศาล ถ้าลบหลู่ศาลก็ผิดกฎหมาย
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของนายจตุพรที่ทวงถามเหตุผลต่อศาลรัฐธรรมนูญนั้นถือเป็นสิทธิส่วนบุคคลในกรอบของกฎหมาย ตนในฐานะที่เรียกฎหมายมา ก็ไม่เข้าใจว่าการที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญไปยื่นต่อศาลอาญา เพราะดูอย่างไรก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เนื่องจากเป็นอำนาจการพิจารณาของศาลอาญา หรืออัยการเจ้าของคดี ที่เห็นพฤติกรมที่จะทำให้คดีเสียหาย การที่นายจตุพรวิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีเก่าเลย และไม่มีความผิดเพิ่มเติมด้วย
**สสร. 40 ชี้ศาลก่อวิกฤติรอบใหม่
ที่รัฐสภา กลุ่มสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 40 (ส.ส.ร.40) ประมาณ 20 คน นำโดย นายคณิน บุญสุวรรณ พล.ต.อ.สวัสดิ์ อมรวิวัฒน์ นายบุญเลิศ คชายุทธเดช นายวุฒิพงศ์ ฉายแสง ได้หารือร่วมกันถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 วรรคแรก พร้อมกับมีคำสั่งให้รัฐสภาชะลอการลงมติในวาระสามของร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย และได้ออกจดหมายเปิดผนึก
นายคณินกล่าวว่า ที่ผ่านมาส.ส.พรรคไทยรักไทยเคยยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ กรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ขณะนั้น เรียกร้องขอนายกฯ พระราชทานตามมาตรา 7 ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 25 พ.ค.2549 ยังปฏิเสธไม่รับคำร้อง โดยให้ไปยื่นผ่านอัยการสูงสุดก่อน การอ้างว่ารัฐธรรมนูญปี 40 ถูกยกเลิกไป ศาลรัฐธรรมนูญชุดใหม่ ไม่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของชุดเดิม ถือว่าไม่ถูกต้อง ไม่อย่างนั้น เราก็จะไม่มีบรรทัดฐานอะไรเลย ขณะที่เจตนารมณ์ดั้งเดิมของรัฐธรรมนูญ 40 คือ การบัญญัติการกระทำผิดตามมาตรา 63 ว่าการกระทำอันเป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข คือ การใช้กำลังทหารเข้ายึดอำนาจเท่านั้น ดังนั้น การกระทำของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว ถือเป็นการล้มล้างบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญเสียเอง ถึงขั้นบัญญัติรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่โดยพลการ ไม่ว่าผลการตัดสินจะเป็นอย่างไรย่อมก่อให้เกิดความเสียหายทั้งขึ้นทั้งล่อง เท่ากับว่าศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจสูงสุดแต่เพียงผู้เดียว
**คำนูณซัดลืม“อภิมหาทุนผูกขาด”
นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา แสดงความคิดเห็นในเฟซบุ๊ก ระบุว่า อุตส่าห์เคยเป็นคนเขียนหนังสือ “รัฐธรรมนูญตายแล้ว” ที่บรรจงบรรยายความเลวร้ายของระบอบทักษิณในนาม “ทศลักษณ์ทักษิโณมิกส์” ตั้งแต่ปี 2547 ก่อนเกิดพันธมิตรฯ เสียอีก วันนี้คุณพี่คณิน ลืมหมดแล้วหรือไร ถึงได้แปลความการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 68 ที่ลอกสารัตถะมาจากรัฐธรรมนูญ 2540 มาตรา 63 ว่าคือการรัฐประหารของทหารเท่านั้น พ้นจากนี้ใครจะปู้ยี่ปู้ยำทำแกงมาตุฆาตอัตวินิบาตกรรมยังไงก็ได้ไม่อยู่ในบังคับมาตรานี้ ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจยับยั้ง หากยับยั้งถือเป็นการล้มล้างการปกครองฯ ไฉนลืมไปว่ารัฐธรรมนูญ 2540 ที่คุณพี่ร่างมาและเสมือนตายไปแล้วในเวลาเพียง 7 ปีที่บังคับใช้มาน่ะ คนฆ่าไม่ใช่ทหารนะ คุณพี่บอกเองโดยนัยไม่ใช่หรือว่าฆาตกรคืออภิมหาทุนผูกขาด โดยตรรกะแล้ว เมื่อรัฐธรรมนูญ 2550 ตระหนักถึงปัญหานี้มีหรือเขาจะจำกัดเจตนารมณ์มาตรการพิทักษ์รัฐธรรมนูญไว้แค่จากมือทหารเท่านั้น เขาย่อมมีเจตนาพิทักษ์จากทุกมือมาร ไม่ว่าทหาร หรือนายทุนผูกขาดเจ้าของพรรค!