รายงานการเมือง
แม้จะปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฏรวันที่ 19 มิถุนายน 2555 แต่ทางการเมือง ก็ถือว่าพักรบการเมืองในสภาฯชั่วคราวมาตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังการเดินหน้าโหวตเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 และการออกกฎหมายปรองดอง ต้องยุติลงชั่วคราวเพื่อรอเคลียร์ข้อขัดข้องที่ติดล็อกอยู่
ขณะที่ความเป็นไปได้ในการเปิดสภาฯสมัยวิสามัญหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า คำร้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ขัดรธน.มาตรา 68 คือวินิจฉัยให้ยกคำร้อง ซึ่งคาดว่าน่าจะไม่เกิน13 กรกฏาคมนี้
ท่าทีล่าสุดจากฝ่ายเพื่อไทย หลายคนไม่เห็นด้วยกับการให้เปิดสภาฯวิสามัญ แม้ต่อให้ศาลรธน.ยกคำร้อง คงเพราะต้องการให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้หายใจหายคอสัก 5-6 อาทิตย์ในช่วงปิดสภาฯ ไปทำอะไรเพื่อเรียกเรตติ้งให้รัฐบาลดีกว่าจะไปเปิดสภาฯให้การเมืองร้อนขึ้นมาอีก
อีกทั้งรัฐบาลจะได้เตรียมรับมือศึกใหญ่ที่รออยู่ทั้งเรื่องการรับมือกับปัญหาน้ำท่วม และการเตรียมตัวกับญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจครม.ทั้งคณะของประชาธิปัตย์หลังเปิดสภาฯ 1 สิงหาคมนี้
อย่างไรก็ตาม แม้การเมืองในสภาฯจะพักยกเพราะสภาฯปิด แต่ความเข้มข้นของการปะทะกันของพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์กลับดุเดือดล้างผลาญ ไม่มีใครยอมใคร
เมื่อเพื่อไทย เริ่มคิดได้ว่าหากปล่อยให้ประชาธิปัตย์ เปิดเวทีถล่มรัฐบาลยิ่งลักษณ์และทักษิณ ชินวัตรนอกสภาฯอย่างต่อเนื่องผ่านการเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ไปเรื่อยๆทุกสัปดาห์อย่างที่ทำมาแล้วในกรุงเทพมหานคร 3 จุด
คือที่ลานคนเมือง -วงเวียนใหญ่- สวนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 หน้าสำนักงานเขตมีนบุรี และมีแผนจะเปิดอีกหลายแห่งทั่วประเทศ
แม้การเปิดเวทีดังกล่าว จะไม่สามารถล้มรัฐบาลได้ ไม่ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆทางการเมือง แต่ก็เป็นการเปิดเวทีซักฟอกยิ่งลักษณ์นอกสภาฯ โดยประชาธิปัตย์ เอาสื่ออย่างสถานีดาวเทียม Blue Sky มาเป็นเครื่องมือการถ่ายทอดสดตั้งแต่เปิดเวทีจนปิดเวทีเพื่อถ่ายทอดเนื้อหาการปราศรัยตลอดงานหลายชั่วโมงตั้งแต่เย็นไปจนถึงมืดค่ำ
ซึ่งการอภิปรายของประชาธิปัตย์ก็รู้อยู่แล้วว่าพรรคนี้เชี่ยวชาญอยู่แล้วเรื่องการปราศรัยการเมืองอัดฝ่ายตรงข้ามโดยเฉพาะทักษิณ ชินวัตรและพรรคเพื่อไทยรวมถึงแก็งค์หางแดง ซึ่งการเปิดเวทีปราศรัยในกรุงเทพมหานคร 3 ครั้งที่ผ่านมา เนื้อหาการปราศรัยดุดัน เข้มข้น ยิ่งกว่าการอภิปรายในสภาฯเสียอีก เพราะไม่มีใครมาประท้วงให้ติดขัดหรือถูกสั่งให้ถอนคำพูดเหมือนตอนอภิปรายในสภาฯ
โดยเฉพาะการเรียงหน้าออกมาอัดครม.ยิ่งลักษณ์และรัฐบาลเพื่อไทยของแกนนำพรรคทั้งชวน หลีกภัย -บัญญัติ บรรทัดฐาน-จุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์-ชำนิ ศักดิ์เศรษฐ -สุเทพ เทือกสุบรรณ ในเรื่องการกฎหมายนิรโทษกรรม
ฝ่ายเพื่อไทยจึงเริ่มคิดได้แล้วว่า หากตอนนี้ไม่คิดแผนตั้งการ์ดสู้และสวนกลับแบบทันทีทันใด ในอนาคตหากปล่อยไว้ จะไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาลเพื่อไทยแน่นอน
มันจึงเป็นที่มาของการสั่งการแบบเร่งด่วน จากทีมงานฝ่ายการเมืองของเพื่อไทย ทั้งกลุ่ม 111 ไทยรักไทย-คณะทำงานฝายยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย-กลุ่มแกนนำนปช. รวมถึงพวกรัฐมนตรีในครม.ยิ่งลักษณ์
ให้พรรคต้อง “ย้อนศร”ประชาธิปัตย์โดยเร่งด่วน จะปล่อยให้ประชาธิปัตย์ลากยิ่งลักษณ์-ทักษิณ ขึ้นเวทีปราศรัยชำแหละจนน่วมไม่ได้ แม้กลุ่มที่ไปฟังการปราศรัยหรือดูการถ่ายทอดจากทีวีของค่ายประชาธิปัตย์ จะเป็นกลุ่มเดิมๆ ที่เลือกประชาธิปัตย์ ไม่เลือกเพื่อไทยอยู่แล้ว แต่ก็ไม่เป็นผลดีหากไม่ทำอะไรสักอย่างเพื่อตอบโต้-ชี้แจงสิ่งที่ประชาธิปัตย์ปราศรัยโจมตีรัฐบาลหลายชั่วโมง เพราะจะยิ่งทำให้ความนิยมของรัฐบาลยิ่งลักษณ์มีปัญหาได้ หากปล่อยให้ประชาธิปัตย์ปราศรัยใหญ่แบบนี้ไปเรื่อยๆ
นอกจากรัฐบาลจะเสียคะแนนแล้ว หากประชาธิปัตย์เดินสายแบบนี้ทั่วประเทศ ก็จะเป็นการสร้างกลุ่มแนวร่วมของตัวเองขึ้นมาเรื่อยๆ หากปล่อยให้ปชป.ได้ใจ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ภายหน้า มันจะยุ่งต่อรัฐบาลได้
เพราะวันนี้หลายคนเริ่มเห็นแล้วว่า ประชาธิปัตย์กำลังคิดย้อนศรเพื่อไทย ด้วยการให้มีสื่อของตัวเองอย่างบลู สกายและกำลังคิดจัดตั้งกลุ่มประชาชนของตัวเองแบบที่เพื่อไทยมีคนเสื้อแดงเป็นผนังทองแดง กำแพงเหล็กปกป้องรัฐบาลยิ่งลักษณ์เวลานี้ อีกทั้งยังใช้เวทีดังกล่าวพูดได้ทุกเรื่องสื่อสารตรงกับกลุ่มเป้าหมายของปชป.
ก็ดูอย่าง การที่สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ก็ใช้เวทีปราศรัยเมื่อ 15 มิ.ย. ที่ผ่านมาซึ่งปราศรัยกันที่มีนบุรี ออกมาปั่นข่าวเรื่อง ทักษิณ ติดต่อให้ประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาล ถึงขั้นบอกว่า ให้เลือกกระทรวงได้เลย ขอแลกกับไม่ต่อต้านกฎหมายปรองดองและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เท็จจริงอย่างไรไม่รู้ แต่ระดับอดีตผู้จัดการรัฐบาล ที่เคยสร้างตำนานงูเห่าให้ทักษิณกับเนวิน ชิดชอบ เป็นศัตรูกัน รวมถึงร่วมมือกับบิ๊กกองทัพยุคพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดาเป็นผบ.ทบ.จนมีการ ไปตั้งรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในค่ายทหาร
เมื่อสุเทพ ปูดข่าวแบบนี้ บนเวทีปราศรัยประชาธิปัตย์ ก็ทำเอา เพื่อไทยและแกนนำเสื้อแดง ต้องรีบออกมาปฏิเสธกันพัลวัน
เพราะการปั่นข่าวแบบนี้ เพื่อไทยกับทักษิณ มีแต่เสียกับเสีย ไหนพรรคร่วมรัฐบาลจะระแวง ไหนพวกเสื้อแดงทั่วประเทศจะแคลงใจยอมรับไม่ได้หากเพื่อไทยจะไปทำญาติดีกับประชาธิปัตย์ แต่สุเทพตีกินสร้างคะแนนไปแล้วว่า ขนาดทักษิณยื่นผลประโยชน์ให้ประชาธิปัตย์แต่ก็ไม่รับ
ดีที่พอมีข่าวนี้เปิดออกมา เพื่อไทยก็มีนัดหมายเปิดเวทีปราศรัยที่สวนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 หน้าสำนักงานเขตมีนบุรีซึ่งประชาธิปัตย์เพิ่งมาเปิดเวที ณ จุดเดียวกันไปล่วงหน้าหนึ่งวัน
ก็เลยใช้เวทีปราศรัยดังกล่าว รีบแจงข่าวนี้กับผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดงทั่วประเทศผ่าน การปราศรัยของจตุพร พรหมพันธ์ ที่ว่าเพื่อไทยและคนเสื้อแดง เป็นศัตรูกับประชาธิปัตย์ตลอดไปทุกชาติ จะไม่มีการตั้งรัฐบาลร่วมกัน สุเทพมันบ้าไปแล้ว อย่าว่าร่วมรัฐบาลเลย กินข้าวร่วมโต๊ะยังยากเลย
และเมื่อทั้งประชาธิปัตย์และเพื่อไทยต่างเสร็จสิ้นการปราศรัยที่สวนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 หน้าสำนักงานเขตมีนบุรีไปแล้วเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งสองพรรคต่างก็มีโปรแกรมจะดวลกันอีกหลายยก
เบื้องต้นประชาธิปัตย์บอกว่าจะเริ่มเดินสายออกต่างจังหวัดในช่วงปิดสภาฯ นี้โดยเน้นในจังหวัดที่ปชป.ชนะเลือกตั้งยกจังหวัดก่อนเพื่อความสะดวกหลายอย่างในการตั้งเวทีปราศรัย
ส่วนฝ่ายเพื่อไทยก็จะย้อนศรประชาธิปัตย์ด้วยการตั้งเวทีปราศรัยตามรอยเท้าที่ปชป.ทิ้งเอาไว้ในช่วงปิดสภาฯ เช่นการเตรียมไปเปิดเวที ณ วงเวียนใหญ่ในเร็วๆนี้ หลังปชป.เพิ่งจัดปราศรัยไปเมื่อ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา
แต่นัดหมายใหญ่ของเสื้อแดงและเพื่อไทยก็คือ วันอาทิตย์ที่ 24 มิ.ย.นี้ ซึ่งฝายเสื้อแดงจะเปิดเวทีปราศรัยกันที่บริเวณถนนราชดำเนิน อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ที่เป็นวันครบรอบการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิ.ย. 2475 โดยอ้างว่าเป็นการแสดงพลังคนเสื้อแดงเพื่อปกป้องกระบวนการจ้องล้มรัฐบาล
ปชป.แรงนอกสภาฯ เพื่อไทยก็โต้กลับ ใช้วิธีการเดียวกัน ปชป.ถ่ายทอดผ่านบลู สกายตลอดงานปราศรัย เพื่อไทยก็ใช้เอเซียอัพเดททำแบบเดียวกัน
ปิดสภาฯรอบนี้ การเมืองเลยไม่ได้คลายความร้อนแรงอย่างที่หลายคนคิดแต่อย่างใด เพราะทั้งพท.-ปชป.ต่างพร้อมจะชนกันทุกที่ทุกเวที