xs
xsm
sm
md
lg

เฉลย “เจ็ดซ้าย” ของกวีซีไรต์

เผยแพร่:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ

ก่อนบทกวีชื่อ “เจ็ดซ้าย” ของเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ กวีซีไรต์จะเผยแพร่ ผมเพิ่งพบปะเสวนากับพี่เนาซึ่งให้เกียรติแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนที่บ้าน และนั่งสนทนากันเล็กๆ ในหมู่เพื่อนฝูงอีก 4-5 คน

ในความคิดของผมคนเดียว เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ เป็นกวีซีไรต์หนึ่งในไม่กี่คนที่ได้รับรางวัลนี้แล้วยังรักษาระยะและมาตรฐานเอาไว้ อีกคนก็คงเป็นไพวรินทร์ ขาวงาม คนอื่นก็อาจจะมีอยู่บ้าง มีงานออกมาประปราย แต่ไม่สามารถยืนระยะได้ขนาดสองคนนี้

หลังจากนั้นไม่กี่วันผมก็ได้อ่านบทกวี “เจ็ดซ้าย” ของพี่เนาที่ว่า

@ หนึ่งคือซ้ายดัดจริตไร้เดียงสา
อหังการเป็นใหญ่ก็ซ้ายได้
สองคือซ้ายซ่าระเบิดเถิดเทิงไป
ได้บาทใหญ่อย่างไม่ได้เคยเป็น

@ สามคือซ้ายมาสายเพิ่งได้รู้
การต่อสู้เพื่อคนผู้ทุกข์เข็ญ
สี่คือซ้ายตกขอบชอบคั้นเค้น
ชูประเด็นทฤษฎีบทชี้นำ

@ ห้าคือซ้ายกลไกแบบไขลาน
เป็นหุ่นยนต์บริการวันยังค่ำ
หกคือซ้ายเจ้าเล่ห์สาริยำ
ทำเพื่อทำประโยชน์ได้แต่ฝ่ายตัว

@ เจ็ดคือซ้ายสามานย์ก่อการร้าย
จนเป็นซ้ายทรราชอุบาทว์ชั่ว
ทั้งเจ็ดซ้ายเจ็ดอสัตย์กัดกันนัว
ล้วนน่ากลัวเพราะเป็นซ้ายที่ไม่จริง

@ ผู้รู้ว่าหนุ่มสาวทันสมัย
ไม่เป็นซ้ายก็ไร้ใจเป็นที่ยิ่ง
แต่แก่แล้วยังเป็นซ้ายไม่ประวิง
ก็เป็นสิ่งไร้สมอง...พึงตรองดู!

อ่านแล้วก็ขำดีในความช่างคิดอันปราดเปรื่องของพี่เนา เพราะในระยะเวลาที่ความแตกต่างทางความคิดของคนไทยขยายกว้างไกลออกไปอย่างทุกวันนี้ ผมมักจะได้ยินได้ฟังได้เห็นคนฟากฝั่งทักษิณพยายามชี้นิ้วมายังฝ่ายตรงข้ามตลอดเวลาว่า เป็นพวกล้าหลังพวกขวาจัด และเรียกตัวเองว่า เป็นฝ่ายซ้ายและฝ่ายก้าวหน้า

แต่ผมกลับไม่เข้าใจเลยว่า พวกเขาจะเอาบริบทของฝ่ายซ้ายฝ่ายขวาในยุคสงครามเย็นมาแบ่งขั้วความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดในสังคมทุกวันนี้ได้อย่างไร

ซ้ำร้ายกว่านั้น ผมได้ยินพวกเขาเรียกตัวเองว่า ฝ่ายประชาธิปไตย ผมพยายามนั่งคิดนอนคิดว่า คนที่สู้เพื่อทักษิณจะเป็นฝ่ายประชาธิปไตยไปได้อย่างไร หาคำตอบไม่ได้เลยว่า มีอะไรบ้างที่ทักษิณควรได้รับการเชิดชูในฐานะนักประชาธิปไตยเมื่ออยู่ในอำนาจ เห็นอยู่เพียงอย่างเดียวว่าเขามาจากการเลือกตั้งเท่านั้นเอง

อย่างไรก็ตาม ความที่คิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายประชาธิปไตยทำให้ทุกวันนี้คนเสื้อแดงเข้าใจว่า พวกเขาเป็นเจ้าของปรีดี พนมยงค์ เป็นเจ้าของ 2475 เป็นเจ้าของ 14 ตุลา เป็นเจ้าของพฤษภาทมิฬ เป็นเจ้าของจิตร ภูมิศักดิ์ และเช กูวาร่า เรื่องเช กูวาร่า ผมได้ยินเพื่อนผมบางคนที่เป็นคนเสื้อแดงคิดอย่างนั้นจริงๆ พยายามทำตัวให้เหมือนเชที่เป็นนักปฏิวัติที่ร่อนเร่ไปหลายประเทศ หลังการล้อมปราบที่ราชประสงค์ก็เลยหนีไปกัมพูชาเพื่อเติมแต่งประวัติศาสตร์ชีวิตให้ตัวเองโดยที่ไม่มีใครเขาไปตามจับกุม

ในโซเชียลออนไลน์บางคนบอกว่าตัวเองเป็นฝ่ายประชาธิปไตย แต่ไปเอารูปคิมอิลซองมาเป็นโปรไฟล์ (ฮา)

ที่ไม่น่าเชื่อเมื่อบทกวีชิ้นนี้ของพี่เนาปรากฏขึ้นก็คือ ฝ่ายเสื้อแดงไม่พอใจบทกวีชิ้นนี้มาก บางคนเขียนบทกวีมาก่นด่าพี่เนาว่าเป็นพวกรับใช้ชนชั้นศักดินามาเนิ่นนาน เมื่อไม่กี่วันก่อนที่พี่เนาและจีรนันท์ พิตรปรีชา ไปขึ้นเวทีที่ในหลวงเสด็จฯ ที่อยุธยาพวกนี้ก็เอาทั้งสองคนไปแดกดันกันสนุกสนาน

ที่ตลกกว่านั้นก็คือ ศาสตราจารย์คนนั้น เกษียร เตชะพีระ เข้าใจว่า เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ เขียนบทกวีชิ้นนี้ขึ้นมาโดยที่ไม่เข้าใจว่าฝ่ายซ้ายคืออะไร

ศาสตราจารย์ลงทุนไปเอาสตีเว่น ลุคส์ ศาสตราจารย์ทฤษฎีสังคมและการเมืองชาวอังกฤษ ผู้แต่ง “การิทัตผจญภัย : นิยายปรัชญาการเมือง” มาอธิบายเรื่องฝ่ายซ้าย แล้วอธิบายว่า แก่นใจกลางของฝ่ายซ้ายคือ ความเร่าร้อนต่อการแสวงหาความเสมอภาค

ผมคิดว่า พี่เนาอ่านแล้วคงหัวเราะก๊าก แล้วอุทานว่า ปัดโถท่านศาสตราจารย์

ใครก็ตามที่อ่านบทกวีชิ้นนี้ของพี่เนาแล้ว คงคิดเหมือนผมว่า ถ้าพี่เนาไม่เข้าใจว่า ฝ่ายซ้ายคืออะไรก็คงจะเขียนบทกวีชิ้นนี้ขึ้นมาไม่ได้ และผมเข้าใจเอาว่า พี่เนาคงรำคาญที่พวกนั้นเที่ยวยกนิ้วชี้มาทางฝ่ายตรงข้ามว่า เป็นพวกฝ่ายขวาล้าหลัง แล้วจริงๆ พวกเขาเล่าเป็นฝ่ายซ้ายที่แท้จริงหรือ

ผมพยายามนึกถึงตัวละครที่เป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้พี่เนาร่ายบทกวี “เจ็ดซ้าย” ออกมา

“หนึ่งคือซ้ายดัดจริตไร้เดียงสา อหังการเป็นใหญ่ก็ซ้ายได้” ผมนึกถึงใครรู้ไหมครับ ผมนึกถึงคำผกา ซ้ายเปิดนม ทราย เจริญปุระ ประมาณนี้

“สองคือซ้ายซ่าระเบิดเถิดเทิงไป ได้บาทใหญ่อย่างไม่ได้เคยเป็น “ผมนึกถึงเจ๋ง ดอกจิก พายัพ ปั้นเกตุ อริสมันต์”

“สามคือซ้ายมาสายเพิ่งได้รู้ การต่อสู้เพื่อคนผู้ทุกข์เข็ญ” ผมนึกถึงนักเขียนรุ่นใหม่หลายๆ คน ปราบดา หยุ่นก็น่าจะอยู่ในประเภทนี้

“สี่คือซ้ายตกขอบชอบคั้นเค้น ชูประเด็นทฤษฎีบทชี้นำ “ผมนึกถึงสองผัวเมีย นักปฏิวัติหมอเหวงกับธิดาแดง

“ห้าคือซ้ายกลไกแบบไขลาน เป็นหุ่นยนต์บริการวันยังค่ำ” ผมนึกถึงนักวิชาการกลุ่มนิติราษฎร์ สมศักดิ์ เจียมฯ และศาสตราจารย์คนนั้น

“หกคือซ้ายเจ้าเล่ห์สาริยำ ทำเพื่อทำประโยชน์ได้แต่ฝ่ายตัว” ผมนึกถึง ตู่ เต้น วิสา

ซ้ายทั้งหกข้างบนนั้นต้องใส่ ฯลฯ เพราะยังมีอีกหลายคน

“เจ็ดคือซ้ายสามานย์ก่อการร้าย จนเป็นซ้ายทรราชอุบาทว์ชั่ว” อันนี้มีคนเดียวครับ หัวหน้าผู้ก่อการร้ายใหญ่ที่บัญชาการอยู่นอกประเทศ

สำหรับบทส่งท้ายที่ว่า “ผู้รู้ว่าหนุ่มสาวทันสมัย ไม่เป็นซ้ายก็ไร้ใจเป็นที่ยิ่ง แต่แก่แล้วยังเป็นซ้ายไม่ประวิง ก็เป็นสิ่งไร้สมอง...พึงตรองดู!” ผมเคยได้ยินเสกสรรค์ ประเสริฐกุล พูดทำนองนี้ และเคยได้ยินในหนังฮอลลีวูดสักเรื่อง ดังนั้นความคิดนี้น่าจะเป็นสากลอยู่ คนหนุ่มสาวมักตื่นเต้นกับเรื่องแบบนี้แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ดีแต่ก็ขาดวุฒิภาวะในการแยกแยะประเด็นปัญหา แต่ถ้าแก่แล้วยังแยกแยะไม่ได้ก็แสดงว่า ไม่มีวุฒิภาวะและไร้สมอง

ส่วนตัวผมเป็นซ้ายแต่กำเนิด ไม่เคยมีปัญหากับใครนอกจากครูประจำชั้นตอนเรียนอนุบาล 1 เพียงคนเดียว และมีปัญหามากกับมีดปาดเนยทาขนมปัง
กำลังโหลดความคิดเห็น