กฤษดามหานคร ยันไม่เกี่ยวข้องกับคดีทุจริตปล่อยกู้แบงก์กรุงไทย อ้างบริษัททั้ง 3 แห่งไม่ใช่บริษัทในเครือ แต่เป็นของอดีตผู้บริหาร “วิชัย กฤษดาธานนท์” พร้อมแจงไม่ทราบแหล่งเงินที่นำมาซื้อหุ้นเพิ่มทุน ล่าสุดราคาหุ้นปรับตัวลงแรงปิดที่ 0.36 บาท ต่ำสุดในรอบเดือน
จากกรณีที่อัยการสูงสุด (อสส.) ได้ยื่นฟ้องต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามสำนวนและพยานหลักฐานของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทีกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี , คณะกรรมการบริหารและพนักงาน ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน ) และพวก ร่วมกันกระทำความผิดหรือสนับสนุนการกระทำผิดฐานเป็นพนักงานหรือเจ้าพนักงานปฎิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฎิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยทุจริตนั้น
นายวิรัตน์ เอี้ยวอักษร รักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ KMC เปิดเผยว่า บมจ.กฤษดามหานครยื่นยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีการทุจริตดังกล่าวแต่อย่างใด โดยนิติบุคคล 3 รายที่ถูกกล่าวหา ประกอบด้วย บริษัท อาร์เค โปรเฟลชั่นนัล จำกัด ,บริษัท โกลเด้น เทคโนโลยี่ อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด รวมถึงบริษัท แกรนด์ คอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด ไม่ได้เป็นบริษัทในเครือของ KMC เนื่องจากบริษัทมิได้เข้าไปถือหุ้น และกรรมการบริหารของบริษัทฯ ก็มิได้เข้าไปเป็นกรรมการบริหารของทั้ง 3 บริษัท KMC จึงไม่มีอำนาจเข้าไปบริหารกิจการ หรือครอบงำการดำเนินการใดๆของทั้ง 3 บริษัทดังกล่าว แต่เป็นของนายวิชัย กฤษดาธานนท์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ KMC ในอดีต ซึ่งปัจจุบันไม่ได้มีการถือหุ้นใน KMC แล้ว
สำหรับประเด็นที่มีการกล่าวหา KMC เป็นผู้รับประโยชน์โดยตรงจากการขอสินเชื่อของทั้ง 3 บริษัท ซึ่งได้มีการนำเงินสินเชื่อไปซื้อหุ้นบุริมสิทธิและหุ้นเพิ่มทุนของ KMC นั้น นายวิรัตน์ กล่าวว่า KMC เป็นบริษัทมหาชน และมีการเพิ่มทุน-ลดทุน เพื่อลดการขาดทุนสะสมมาโดยตลอด ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาทางการเงินตามวิถีทางการดำเนินธุรกิจ และบริษัทไม่สามารถที่จะทราบได้ว่าเงินที่ผู้ถือหุ้นนำมาจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนนั้นมาจากแหล่งใด ดังนั้นการที่ทั้ง 3 บริษัท นำเงินกู้จากธนาคารกรุงไทย ซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีการทุจริต มาซื้อหุ้นเพิ่มทุน จึงไม่มีความเกี่ยวข้องกับ KMC และบริษัทไม่ได้มีส่วนรู้เห็นหรือร่วมดำเนินการแต่อย่างใด
ทั้งนี้ บริษัทฯ เคยยื่นหนังสือชี้แจงต่อทั้งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เสียความเสียหายแก่รัฐ หรือ คตส. รวมถึงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2550 ว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับทั้ง 3 บริษัท ที่ถูกกล่าวหา ซึ่งถือเป็นเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจ และให้ความร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐ แต่เมื่อมีการส่งฟ้อง ก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอน ซึ่งบริษัทฯ มั่นใจจะสามารถชี้แจงต่อศาลฯได้ ดังนั้นขอให้ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนไม่ต้องกังวลต่อประเด็นดังกล่าว
จากประเด็นดังกล่าว ได้ส่งผลให้ราคาหุ้น KMC บนกระดานหลักทรัพย์ ปรับตัวลดลง ล่าสุดวานนี้ (14 มิ.ย.) ก่อนจะปิดที่ราคาหุ้นละ 0.36 บาท ลดลง 0.03 บาท หรือคิดเป็น 7.69% มูลค่าการซื้อขายรวม 77.92 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 1 เดือน ที่ราคาหุ้นสูงสุดเมื่อวันที่ 11 พ.ค. 55 ที่ปิด 0.97 บาท หรือลดลง 0.61 บาท หรือลดลงกว่า 62.89% ราคาปิด
จากกรณีที่อัยการสูงสุด (อสส.) ได้ยื่นฟ้องต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามสำนวนและพยานหลักฐานของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทีกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี , คณะกรรมการบริหารและพนักงาน ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน ) และพวก ร่วมกันกระทำความผิดหรือสนับสนุนการกระทำผิดฐานเป็นพนักงานหรือเจ้าพนักงานปฎิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฎิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยทุจริตนั้น
นายวิรัตน์ เอี้ยวอักษร รักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ KMC เปิดเผยว่า บมจ.กฤษดามหานครยื่นยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีการทุจริตดังกล่าวแต่อย่างใด โดยนิติบุคคล 3 รายที่ถูกกล่าวหา ประกอบด้วย บริษัท อาร์เค โปรเฟลชั่นนัล จำกัด ,บริษัท โกลเด้น เทคโนโลยี่ อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด รวมถึงบริษัท แกรนด์ คอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด ไม่ได้เป็นบริษัทในเครือของ KMC เนื่องจากบริษัทมิได้เข้าไปถือหุ้น และกรรมการบริหารของบริษัทฯ ก็มิได้เข้าไปเป็นกรรมการบริหารของทั้ง 3 บริษัท KMC จึงไม่มีอำนาจเข้าไปบริหารกิจการ หรือครอบงำการดำเนินการใดๆของทั้ง 3 บริษัทดังกล่าว แต่เป็นของนายวิชัย กฤษดาธานนท์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ KMC ในอดีต ซึ่งปัจจุบันไม่ได้มีการถือหุ้นใน KMC แล้ว
สำหรับประเด็นที่มีการกล่าวหา KMC เป็นผู้รับประโยชน์โดยตรงจากการขอสินเชื่อของทั้ง 3 บริษัท ซึ่งได้มีการนำเงินสินเชื่อไปซื้อหุ้นบุริมสิทธิและหุ้นเพิ่มทุนของ KMC นั้น นายวิรัตน์ กล่าวว่า KMC เป็นบริษัทมหาชน และมีการเพิ่มทุน-ลดทุน เพื่อลดการขาดทุนสะสมมาโดยตลอด ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาทางการเงินตามวิถีทางการดำเนินธุรกิจ และบริษัทไม่สามารถที่จะทราบได้ว่าเงินที่ผู้ถือหุ้นนำมาจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนนั้นมาจากแหล่งใด ดังนั้นการที่ทั้ง 3 บริษัท นำเงินกู้จากธนาคารกรุงไทย ซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีการทุจริต มาซื้อหุ้นเพิ่มทุน จึงไม่มีความเกี่ยวข้องกับ KMC และบริษัทไม่ได้มีส่วนรู้เห็นหรือร่วมดำเนินการแต่อย่างใด
ทั้งนี้ บริษัทฯ เคยยื่นหนังสือชี้แจงต่อทั้งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เสียความเสียหายแก่รัฐ หรือ คตส. รวมถึงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2550 ว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับทั้ง 3 บริษัท ที่ถูกกล่าวหา ซึ่งถือเป็นเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจ และให้ความร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐ แต่เมื่อมีการส่งฟ้อง ก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอน ซึ่งบริษัทฯ มั่นใจจะสามารถชี้แจงต่อศาลฯได้ ดังนั้นขอให้ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนไม่ต้องกังวลต่อประเด็นดังกล่าว
จากประเด็นดังกล่าว ได้ส่งผลให้ราคาหุ้น KMC บนกระดานหลักทรัพย์ ปรับตัวลดลง ล่าสุดวานนี้ (14 มิ.ย.) ก่อนจะปิดที่ราคาหุ้นละ 0.36 บาท ลดลง 0.03 บาท หรือคิดเป็น 7.69% มูลค่าการซื้อขายรวม 77.92 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 1 เดือน ที่ราคาหุ้นสูงสุดเมื่อวันที่ 11 พ.ค. 55 ที่ปิด 0.97 บาท หรือลดลง 0.61 บาท หรือลดลงกว่า 62.89% ราคาปิด