นายวิษณุ เทพเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อั่งเปา แอสเสท จำกัด (มหาชน) หรือNUSA เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการ ครั้งที่ 3/2555 ได้มีมติอนุมัติการลดทุนจดทะเบียนของบริษัท โดยการตัดหุ้นจดทะเบียนที่ยังมิได้นำออกจำหน่าย 2,207,010,211 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท จากทุนจดทะเบียน 6,500 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 4,292,989,789บาท แบ่งออกเป็นหุ้น 4,292,989,789 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท
พร้อมกับนุมัติการลดทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้วของบริษัทจากเดิม 4,292,989,789 บาท ให้เป็นทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้ว 1,703,567,377บาท เพื่อนำทุนจากการลดทุนมาชดเชยส่วนต่ำกว่ามูลค่าหุ้นและผลขาดทุนสะสม โดยการลดจำนวนหุ้นสามัญตามสัดส่วนการถือหุ้น ในอัตรา 2.52 หุ้นต่อ 1 หุ้น
อย่างไรก็ตาม หากจำนวนหุ้นหลังการลดทุนมีจำนวนน้อยกว่าหรือมากกว่า 1,703,567,377 หุ้นให้ดำเนินการเพิ่มหรือลดจำนวนหุ้นของนายวิษณุ เทพเจริญ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท เพื่อให้ทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้วของบริษัทมีจำนวนครบตามจำนวนดังกล่าว ดังนั้นภายหลังการลดทุนบริษัทจะคงเหลือผลขาดทุนสะสม 22,938,920.83 บาท สิ้นสุด 31 ธ.ค.54
"การดำเนินการดังกล่าวเชื่อว่าจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นทุกคน เพราะทำให้สัดส่วนของขาดทุนสะสมลงมาก คือจะหลือเพียง 22.94 ล้านบาท จากสิ้นปี 54 ที่มีขาดทุนสะสมอยู่ 193.11 ล้านบาท และประเมินจากผลงานที่ NUSA ทำได้ดีอย่างต่อเนื่องทุกไตรมาส เชื่อว่าปี 55 น่าจะสามารถล้างขาดทุนสะสมได้หมดและมีโอกาสที่จะจ่ายปันผลได้เร็วขึ้น "
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทอีก 680,432,623 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ 680,432,623 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เพื่อรองรับการเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป ( General Mandate) โดยจะแบ่งจัดสรรให้หุ้นเพิ่มทุน 510,432,623 หุ้น เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น และแบ่งอีกส่วน 170 ล้านหุ้น จัดสรรเพื่อเสนอขายบุคคลในวงจำกัด พร้อมกันนี้ได้มีมติอนุมัติเปลี่ยนชื่อบริษัทจาก " บมจ. อั่งเปา แอสเสท " เป็น " บมจ. ณุศาศิริ " ด้วย
" การเพิ่มทุนแบบ General Mandate เป็นเพียงการขอมติเอาไว้ก่อน เพื่อเตรียมความพร้อมเอาไว้เผื่อในเรามีแผนที่จะใช้เงินทุน และเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินด้วย ส่วนการเปลี่ยนชื่อครั้งนี้เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์ในด้านชื่อเสียงของบริษัทและโครงการอสังหาริมทรัพย์ภายใต้การบริหารของ NUSA มีความเด่นชัดมากยิ่งขึ้น " นายวิษณุกล่าว
สำหรับผลประกอบการในรอบปี 54 ที่ผ่านมา NUSA มีรายได้รวม 788.36 ล้านบาท กำไรสุทธิ 56.36 ล้านบาท และที่สำคัญอัตราส่วนทางการเงินในด้านต่างๆก็ปรับตัวดีขึ้นไม่ว่าจะเป็นค่า D/E Ratio ในปีนี้ซึ่งอยู่ที่ระดับ 0.86 ดีขึ้นจาก ปีก่อนหน้าและต้นทุนขายที่มีการบริหารต้นทุนขายดีกว่าปีที่ผ่านมา
พร้อมกับนุมัติการลดทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้วของบริษัทจากเดิม 4,292,989,789 บาท ให้เป็นทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้ว 1,703,567,377บาท เพื่อนำทุนจากการลดทุนมาชดเชยส่วนต่ำกว่ามูลค่าหุ้นและผลขาดทุนสะสม โดยการลดจำนวนหุ้นสามัญตามสัดส่วนการถือหุ้น ในอัตรา 2.52 หุ้นต่อ 1 หุ้น
อย่างไรก็ตาม หากจำนวนหุ้นหลังการลดทุนมีจำนวนน้อยกว่าหรือมากกว่า 1,703,567,377 หุ้นให้ดำเนินการเพิ่มหรือลดจำนวนหุ้นของนายวิษณุ เทพเจริญ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท เพื่อให้ทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้วของบริษัทมีจำนวนครบตามจำนวนดังกล่าว ดังนั้นภายหลังการลดทุนบริษัทจะคงเหลือผลขาดทุนสะสม 22,938,920.83 บาท สิ้นสุด 31 ธ.ค.54
"การดำเนินการดังกล่าวเชื่อว่าจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นทุกคน เพราะทำให้สัดส่วนของขาดทุนสะสมลงมาก คือจะหลือเพียง 22.94 ล้านบาท จากสิ้นปี 54 ที่มีขาดทุนสะสมอยู่ 193.11 ล้านบาท และประเมินจากผลงานที่ NUSA ทำได้ดีอย่างต่อเนื่องทุกไตรมาส เชื่อว่าปี 55 น่าจะสามารถล้างขาดทุนสะสมได้หมดและมีโอกาสที่จะจ่ายปันผลได้เร็วขึ้น "
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทอีก 680,432,623 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ 680,432,623 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เพื่อรองรับการเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป ( General Mandate) โดยจะแบ่งจัดสรรให้หุ้นเพิ่มทุน 510,432,623 หุ้น เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น และแบ่งอีกส่วน 170 ล้านหุ้น จัดสรรเพื่อเสนอขายบุคคลในวงจำกัด พร้อมกันนี้ได้มีมติอนุมัติเปลี่ยนชื่อบริษัทจาก " บมจ. อั่งเปา แอสเสท " เป็น " บมจ. ณุศาศิริ " ด้วย
" การเพิ่มทุนแบบ General Mandate เป็นเพียงการขอมติเอาไว้ก่อน เพื่อเตรียมความพร้อมเอาไว้เผื่อในเรามีแผนที่จะใช้เงินทุน และเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินด้วย ส่วนการเปลี่ยนชื่อครั้งนี้เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์ในด้านชื่อเสียงของบริษัทและโครงการอสังหาริมทรัพย์ภายใต้การบริหารของ NUSA มีความเด่นชัดมากยิ่งขึ้น " นายวิษณุกล่าว
สำหรับผลประกอบการในรอบปี 54 ที่ผ่านมา NUSA มีรายได้รวม 788.36 ล้านบาท กำไรสุทธิ 56.36 ล้านบาท และที่สำคัญอัตราส่วนทางการเงินในด้านต่างๆก็ปรับตัวดีขึ้นไม่ว่าจะเป็นค่า D/E Ratio ในปีนี้ซึ่งอยู่ที่ระดับ 0.86 ดีขึ้นจาก ปีก่อนหน้าและต้นทุนขายที่มีการบริหารต้นทุนขายดีกว่าปีที่ผ่านมา