วานนี้ ( 11 มิ.ย.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรค และทีมกฎหมายประชาธิปัตย์ แถลงว่า ตนและคณะทำงานกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางไปยังคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมลข่าวสารสาขาสังคม สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อขอคัดสำเนากรณีที่อัยการมีคำสั่งไม่ฎีกา คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ โกงภาษี 270 ล้านบาท เนื่องจาก คุณหญิงพจมาน ได้เคยยกหุ้นธุรกิจสื่อสารให้แก่นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายบุญธรรม โดยอ้างว่า ให้เป็นของขวัญวันแต่งงาน แต่การยกให้จะต้องเสียภาษีประมาณ 300 ล้านบาท แต่กลับทำเป็นนิติกรรมอำพราง จ่ายภาษีเพียงแค่ 200 ล้านบาท
เรื่องนี้เมื่อถึงมือคตส. และอัยการ ซึ่งทั้งสองหน่วยงานได้ร่วมกันฟ้องร้องทั้งคุณหญิงพจมาน นายบรรณพจน์ และนางกาญจนาภา หงส์เหิน เลขาคุณหญิงพจมาน ซึ่งศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วลงโทษจำคุกคุณหญิงพจมาน และนายบรรณพจน์ 2ปี และนางกาญจนาภา 1ปี ทำให้ฝ่ายจำเลย ได้ยื่นอุทธรณ์ เพื่อให้ศาลพิจารณาอีกครั้ง แต่ศาลอุทธรณ์พิจารณายกฟ้องคุณหญิงพจมาน และนางกาญจนาภา โดยศาลเชื่อตามที่จำเลยอ้างว่า เขาไม่ทราบว่าการยกหุ้นให้พี่ชายบุญธรรมต้องทำการยกให้ตามคามเป็นจริง ส่วนนายบรรณพจน์ ไม่ยกฟ้อง รอลงอาญา แต่เมื่อไปถึงศาลฎีกา ได้เชื่อว่าจำเลยทั้ง 3คนมีความผิดจริง
นายถาวร กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ทางคณะทำงานได้ขอคัดสำเนาคดีดังกล่าวไปที่อัยการแล้ว แต่อัยการไม่ตอบกลับ ทำให้พวกตนจึงต้องทำหนังสือขอให้เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวมายังคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมลข่าวสารสาขาสังคมฯ ตนต้องการทราบว่าคำสั่งฟ้องตั้งแต่ต้นอัยการดำเนินการอย่างไร และในชั้นอุทธรณ์ ที่ไม่สั่งอุทธรณ์ตั้งอยู่บนพื้นฐานอะไร
ทั้งนี้ทางอัยการจะต้องให้คัดถ่ายเอกสารเพราะเป็นไปตามกฎหมายข้อมูลข่าวสาร และเมื่อได้ข้อมูลมา ทางคณะทำงานกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ จะดำเนินการพิจารณาเหตุผล ว่าพอที่จะถอดถอนอัยการได้หรือไม่ เพราะขณะนี้การทำหน้าที่ของอัยการ ยังมีข้อเป็นห่วง เนื่องจากการวินิจฉัยว่า การโหวตวาระ 3 ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ขัดต่อการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย คดีผังล้มเจ้า ดีเอสไอ สั่งงดการสอบสวน ค้นหาความจริง ซึ่งขณะนี้เรื่องอยู่ที่อัยการ แต่คดียังไม่มีความคืบหน้า รวมถึงการดำเนินการล่าช้าเกี่ยวกับคดีของนายพานทองแท้ ชินวัตร เป็นต้น สะท้อนให้เห็นว่าเป็นพฤติกรรมที่ส่อปิดบังข้อเท็จจริง ส่อทำหน้าที่มิชอบ และเป็นอีกพฤติกรรมหนึ่งที่นำไปสู่การถอดถอน ในการปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลข่าวสาร
เรื่องนี้เมื่อถึงมือคตส. และอัยการ ซึ่งทั้งสองหน่วยงานได้ร่วมกันฟ้องร้องทั้งคุณหญิงพจมาน นายบรรณพจน์ และนางกาญจนาภา หงส์เหิน เลขาคุณหญิงพจมาน ซึ่งศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วลงโทษจำคุกคุณหญิงพจมาน และนายบรรณพจน์ 2ปี และนางกาญจนาภา 1ปี ทำให้ฝ่ายจำเลย ได้ยื่นอุทธรณ์ เพื่อให้ศาลพิจารณาอีกครั้ง แต่ศาลอุทธรณ์พิจารณายกฟ้องคุณหญิงพจมาน และนางกาญจนาภา โดยศาลเชื่อตามที่จำเลยอ้างว่า เขาไม่ทราบว่าการยกหุ้นให้พี่ชายบุญธรรมต้องทำการยกให้ตามคามเป็นจริง ส่วนนายบรรณพจน์ ไม่ยกฟ้อง รอลงอาญา แต่เมื่อไปถึงศาลฎีกา ได้เชื่อว่าจำเลยทั้ง 3คนมีความผิดจริง
นายถาวร กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ทางคณะทำงานได้ขอคัดสำเนาคดีดังกล่าวไปที่อัยการแล้ว แต่อัยการไม่ตอบกลับ ทำให้พวกตนจึงต้องทำหนังสือขอให้เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวมายังคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมลข่าวสารสาขาสังคมฯ ตนต้องการทราบว่าคำสั่งฟ้องตั้งแต่ต้นอัยการดำเนินการอย่างไร และในชั้นอุทธรณ์ ที่ไม่สั่งอุทธรณ์ตั้งอยู่บนพื้นฐานอะไร
ทั้งนี้ทางอัยการจะต้องให้คัดถ่ายเอกสารเพราะเป็นไปตามกฎหมายข้อมูลข่าวสาร และเมื่อได้ข้อมูลมา ทางคณะทำงานกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ จะดำเนินการพิจารณาเหตุผล ว่าพอที่จะถอดถอนอัยการได้หรือไม่ เพราะขณะนี้การทำหน้าที่ของอัยการ ยังมีข้อเป็นห่วง เนื่องจากการวินิจฉัยว่า การโหวตวาระ 3 ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ขัดต่อการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย คดีผังล้มเจ้า ดีเอสไอ สั่งงดการสอบสวน ค้นหาความจริง ซึ่งขณะนี้เรื่องอยู่ที่อัยการ แต่คดียังไม่มีความคืบหน้า รวมถึงการดำเนินการล่าช้าเกี่ยวกับคดีของนายพานทองแท้ ชินวัตร เป็นต้น สะท้อนให้เห็นว่าเป็นพฤติกรรมที่ส่อปิดบังข้อเท็จจริง ส่อทำหน้าที่มิชอบ และเป็นอีกพฤติกรรมหนึ่งที่นำไปสู่การถอดถอน ในการปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลข่าวสาร
