ASTVผู้จัดการรายวัน-หุ้นไทยปิดบวกแค่ 0.58 จุด แรงเทขายกดดัชนี“ทรีนีตี้” ชี้ SET Index จะปรับตัว Sideways Upจากระดับ 1,080 - 1,100 จุด คาดแม้สภาพแวดล้อมไม่แน่นอน แต่ยังมีปัจจัยดีจากต่างประเทศมาเสริมตลาดให้น่าลงทุน ด้าน “เคจีไอ”คาดจากนี้ดัชนีจะผันผวนแรงมากขึ้น จากปัจจัยการเมืองในประเทศ -ปัญหาวิกฤตหนี้ยุโรป
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (8มิ.ย.) ปิดที่ระดับ 1,118.53 จุด เพิ่มขึ้น 0.58 จุด หรือ 0.05% มูลค่าการซื้อขาย 26,289.28 ล้านบาท นายกวี ชูกิจเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยมีแรง take profit ออกมาหลังจากที่ได้ปรับตัวขึ้นแรงเมื่อวันก่อน แม้ว่าตลาดฯจะมีปัจจัยในเชิงบวกมากกว่าเชิงลบ ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคส่วนใหญ่ยังอยู่ในแดนบวก สะท้อนภาพบวกจากผลประมูลพันธบัตรของสเปนที่ทำยอดขายทะลุเป้า แนวโน้มการลงทุนในวันนี้(8 มิ.ย.) ดัชนียังมีลุ้นรีบาวด์ได้ และมีโอกาสที่จะแกว่งตัวแรง เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติยังขาย พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,100-1,135 จุด
**ทรีนิตี้คาดSetแกว่งตัว1,080-1,100
นายวิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บล. ทรีนีตี้ คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยในเดือนมิถุนายน 2555 ปรับตัว Sideways Upจากระดับ 1080 - 1100 จุด ซึ่งเป็นระดับที่เป็นแนวรับเหมาะสมสำหรับนักลงทุนแม้ว่าสภาพแวดล้อมด้านการลงทุนยังไม่แน่นอนทั้งจากปัจจัยการเมืองในประเทศ และต่างประเทศที่กดดันตลอดเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
"แม้ว่าสภาพแวดล้อมการลงทุนไม่สู้ดีนัก แต่เรามองว่ายังคงมีปัจจัยบวกต่อ SET Index อยู่บ้าง โดยเฉพาะปัจจัยต่างประเทศ เช่น ยังมี Fund Flow จากตลาดทุนประเทศอินโดนีเซียเข้าสู่ตราสารหนี้ไทยในเดือนนี้ รวมถึงปัจจัยด้านการเมืองต่างประเทศในเรื่องผลการเลือกตั้งกรีซน่าจะออกมาในรูปแบบที่ดี อีกทั้งยังมีประเด็นเรื่องประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนของไทยที่คาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง" นายวิศิษฐ์กล่าว
อย่างไรก็ตามยังคงมีปัจจัยด้านการเมืองในประเทศที่นักลงทุนยังคงวิตกกังวลในเรื่องยังหาข้อยุติเกี่ยวกับความขัดแย้งในเรื่องพ.ร.บ.ปรองดองไม่ได้ ดังนั้นอยากให้นักลงทุนติดตามอย่างใกล้ชิดแต่ไม่ต้องตื่นตระหนก คาดว่าหากไม่มีเหตุการณ์ใดที่รุนแรงเกิดขึ้นเกินขอบเขต นักลงทุนต่างชาติจะยังคงให้ความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทยต่อไป กลยุทธ์ในการลงทุนช่วงนี้ ให้เลือกหุ้นที่มีแรงเทขายจาก NVDR และมียอด Short sales มากที่สุดในเดือนที่ผ่านมา ซึ่งได้แก่ KBANK PTT PTTGC นอกจากนี้ยังมีหุ้นกลุ่ม Defensive ที่น่าสนใจได้แก่ BGH ADVANC LH หุ้นที่มีแนวโน้มถูกคัดเลือกเข้า SET50 ได้แก่ INTUCH HEMREJ
**KGIเชื่อจากนี้หุ้นจะผันผวนแรงขึ้น
นายเจนวิทย์ ชินกุลกิจนิวัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายธุรกิจตราสารอนุพันธ์บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจากนี้เชื่อว่าจะมีความผันผวนมากขึ้นเนื่องจาก ปัจจัยการเมืองภายในประเทศที่จะมีน้ำหนักมากขึ้น และจากความกังวลปัญหาวิกฤตหนี้ยุโรป ซึ่งจะสนับสนุนทำให้มีนักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (DW)มากขึ้น เพราะ DW นั้นจะมีความผันผวนสูง หากปรับตัวเพิ่มขึ้นก็จะแรง และหากปรับตัวลดลงก็จะปรับตัวลดลงแรง
ทั้งนี้ในเดือนมิถุนายนนี้บล.เคจีไอฯ มีแผนที่จะออกDW รวมจำนวน 11 ตัว ซึ่งจะเป็นประเภทสิทธิที่จะซื้อหุ้นอ้างอิง (Call) 8 ตัว และสิทธิที่จะขายหุ้นอ้างอิง (Put)จำนวน 3 ตัว ซึ่งสาเหตุที่ออกDW ประเภทCall มากกว่าPut เนื่องจาก ประเมินว่าที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวลดลงมามากพอสมควรแล้ว ซึ่งเชื่อว่าจะมีนักลงทุนเข้ามารอซื้อกลับจึงมองว่าDW ประเภท Call จะได้รับความสนใจจากนักลงทุน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (8มิ.ย.) ปิดที่ระดับ 1,118.53 จุด เพิ่มขึ้น 0.58 จุด หรือ 0.05% มูลค่าการซื้อขาย 26,289.28 ล้านบาท นายกวี ชูกิจเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยมีแรง take profit ออกมาหลังจากที่ได้ปรับตัวขึ้นแรงเมื่อวันก่อน แม้ว่าตลาดฯจะมีปัจจัยในเชิงบวกมากกว่าเชิงลบ ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคส่วนใหญ่ยังอยู่ในแดนบวก สะท้อนภาพบวกจากผลประมูลพันธบัตรของสเปนที่ทำยอดขายทะลุเป้า แนวโน้มการลงทุนในวันนี้(8 มิ.ย.) ดัชนียังมีลุ้นรีบาวด์ได้ และมีโอกาสที่จะแกว่งตัวแรง เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติยังขาย พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,100-1,135 จุด
**ทรีนิตี้คาดSetแกว่งตัว1,080-1,100
นายวิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บล. ทรีนีตี้ คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยในเดือนมิถุนายน 2555 ปรับตัว Sideways Upจากระดับ 1080 - 1100 จุด ซึ่งเป็นระดับที่เป็นแนวรับเหมาะสมสำหรับนักลงทุนแม้ว่าสภาพแวดล้อมด้านการลงทุนยังไม่แน่นอนทั้งจากปัจจัยการเมืองในประเทศ และต่างประเทศที่กดดันตลอดเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
"แม้ว่าสภาพแวดล้อมการลงทุนไม่สู้ดีนัก แต่เรามองว่ายังคงมีปัจจัยบวกต่อ SET Index อยู่บ้าง โดยเฉพาะปัจจัยต่างประเทศ เช่น ยังมี Fund Flow จากตลาดทุนประเทศอินโดนีเซียเข้าสู่ตราสารหนี้ไทยในเดือนนี้ รวมถึงปัจจัยด้านการเมืองต่างประเทศในเรื่องผลการเลือกตั้งกรีซน่าจะออกมาในรูปแบบที่ดี อีกทั้งยังมีประเด็นเรื่องประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนของไทยที่คาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง" นายวิศิษฐ์กล่าว
อย่างไรก็ตามยังคงมีปัจจัยด้านการเมืองในประเทศที่นักลงทุนยังคงวิตกกังวลในเรื่องยังหาข้อยุติเกี่ยวกับความขัดแย้งในเรื่องพ.ร.บ.ปรองดองไม่ได้ ดังนั้นอยากให้นักลงทุนติดตามอย่างใกล้ชิดแต่ไม่ต้องตื่นตระหนก คาดว่าหากไม่มีเหตุการณ์ใดที่รุนแรงเกิดขึ้นเกินขอบเขต นักลงทุนต่างชาติจะยังคงให้ความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทยต่อไป กลยุทธ์ในการลงทุนช่วงนี้ ให้เลือกหุ้นที่มีแรงเทขายจาก NVDR และมียอด Short sales มากที่สุดในเดือนที่ผ่านมา ซึ่งได้แก่ KBANK PTT PTTGC นอกจากนี้ยังมีหุ้นกลุ่ม Defensive ที่น่าสนใจได้แก่ BGH ADVANC LH หุ้นที่มีแนวโน้มถูกคัดเลือกเข้า SET50 ได้แก่ INTUCH HEMREJ
**KGIเชื่อจากนี้หุ้นจะผันผวนแรงขึ้น
นายเจนวิทย์ ชินกุลกิจนิวัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายธุรกิจตราสารอนุพันธ์บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจากนี้เชื่อว่าจะมีความผันผวนมากขึ้นเนื่องจาก ปัจจัยการเมืองภายในประเทศที่จะมีน้ำหนักมากขึ้น และจากความกังวลปัญหาวิกฤตหนี้ยุโรป ซึ่งจะสนับสนุนทำให้มีนักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (DW)มากขึ้น เพราะ DW นั้นจะมีความผันผวนสูง หากปรับตัวเพิ่มขึ้นก็จะแรง และหากปรับตัวลดลงก็จะปรับตัวลดลงแรง
ทั้งนี้ในเดือนมิถุนายนนี้บล.เคจีไอฯ มีแผนที่จะออกDW รวมจำนวน 11 ตัว ซึ่งจะเป็นประเภทสิทธิที่จะซื้อหุ้นอ้างอิง (Call) 8 ตัว และสิทธิที่จะขายหุ้นอ้างอิง (Put)จำนวน 3 ตัว ซึ่งสาเหตุที่ออกDW ประเภทCall มากกว่าPut เนื่องจาก ประเมินว่าที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวลดลงมามากพอสมควรแล้ว ซึ่งเชื่อว่าจะมีนักลงทุนเข้ามารอซื้อกลับจึงมองว่าDW ประเภท Call จะได้รับความสนใจจากนักลงทุน
