xs
xsm
sm
md
lg

“รัฐตำรวจ”ฟื้นคืนชีพ “ปูนิ่ม”คุกคามประชาชน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

**วันนี้ต้องพูดถึง “รัฐตำรวจ” (L’EAT DE POLICE) ซึ่งหมายถึง รัฐที่มีการดำเนินการหรือปล่อยให้อำนาจฝ่ายปกครองสามารถใช้กำลัง และอำนาจบังคับต่อประชาชน
โดยฝ่ายปกครองมุ่งใช้อำนาจตัดสินใจสั่งการตามอำเภอใจ ยึดความคิดเห็นฝ่ายปกครองเป็นใหญ่ โดยไม่พิจารณาหลักกฎหมายที่กำหนดไว้ ตลอดจนเลือกที่จะยุติการใช้อำนาจ ในขณะใดก็ได้ตามแต่ความพอใจของฝ่ายปกครอง
ไม่เคารพต่อบรรทัดฐานทางกฎหมาย ละเลยต่อสิทธิ เสรีภาพ ไม่สนหลักความชอบและความเสมอภาคในทางกฎหมาย รวมทั้งกีดกันและขัดขวางมิให้มีกระบวนการในการดำเนินคดีต่อฝ่ายปกครอง หรือบุคคลใดบุคคลหนึ่ง โดยกระทำการมิให้มีการควบคุม ตรวจสอบ และมิให้ดำเนินการไปสู่กระบวนการยุติธรรมทางตุลาการได้ ตลอดจนกล่าวอ้าง กล่าวหา และไม่แสดงความเคารพต่อคำวินิจฉัยขององค์กรตุลาการ ที่มีความเป็นอิสระ ซึ่งได้ตัดสินโดยชอบตามบรรทัดฐานแห่งกฎหมาย
รัฐตำรวจนี้ทำให้ประชาชนขาดสิทธิ และเสรีภาพ เนื่องจากการใช้อำนาจที่ไม่เคารพต่อหลักประกันของมหาชน ตามระบบกฎหมายที่ควรเป็น รวมทั้งดำเนินการไปในทางที่ตรงกันข้ามกับนิติรัฐ
“รัฐตำรวจ” จึงมีนัย และข้อความคิดที่ตรงกันข้ามกับ นิติรัฐ ( ข้อมูลจาก BLOGGANG )
คนไทยคงซาบซึ้งถึงทรวงกับคำว่า “รัฐตำรวจ” จากความหมายด้านบน จนแทบกระอักออกมาเป็น “สีกากี” เพราะบทบาทของตำรวจนับตั้งแต่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ?ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้ามาดำรงตำแหน่ง บ้านเมืองของเราก็ตกอยู่ในสภาวะ ตามความหมายของ “รัฐตำรวจ” มาจนถึงวันนี้
**หรืออาจจะพูดได้ว่า “ปูนิ่ม” ได้เจริญรอยตาม “พี่ชายนักโทษ” อย่างสมบูรณ์แบบ
จนแทบจะกำหนดอนาคตได้ว่า จะมีชะตากรรมไม่ผิดเพี้ยนไปจากพี่ชายที่ยังเร่ร่อนอยู่ในต่างแดน ไร้ความหวังว่าจะมีแผ่นดินกลบหน้าอยู่ในขณะนี้ แต่ “ปูนิ่ม” ถนัดลอยชายก็ยังเลือกที่จะทำลายตัวเอง ด้วยการ “ทำเพื่อพี่ ทิ้งบ้านเมือง”
ก่อนหน้านี้ ดีเอสไอ เป่าคดีล้มเจ้า ไม่ฟ้อง จตุพร พรหมพันธุ์ ข้อหาหมิ่นเบื้องสูง ยุติคดี “ปูนิ่ม” ปกปิดโครงสร้างหุ้นเอสซีแอสเสท และคดีให้การเท็จในศาลฎีกาฯ เกี่ยวกับการถือครองหุ้นชินคอร์ป ไปจนถึงอัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้องศาลฎีกาในคดีคุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์ ?และ บรรณพจน์ ดามาพงษ์ หลีกเลี่ยงภาษีกว่า 273 ล้าน ทำให้คดีสิ้นสุดโดยคุณหญิงพจมาน รอดคุก 3 ปี และ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญายังไม่ฟ้อง จักรภพ เพ็ญแข ในคดีหมิ่นเบื้องสูงด้วย
ในขณะที่คดีของฝ่ายตรงข้าม ถูกเร่งรัดเต็มที่ โดยเห็นได้จากการโอนคดีเจ้าหน้าที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตในเหตุการณ์เผาเมืองของเสื้อแดง 16 ศพ จากดีเอสไอ ไปให้นครบาลดำเนินการ เพื่อดำเนินคดีกับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ สุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งในขณะนี้อยู่ในระหว่างการไต่สวนของศาล
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีการจับกุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อาทิ ปราโมทย์ นาครธรรพ ซึ่งล่าสุดศาลได้เพิกถอนหมายจับไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มาจนถึงการล้อมกรอบลากรถ พร้อมตัว การุณ ใสงาม จากบุรีรัมย์ มากองปราบ เพื่อเพิ่มข้อกล่าวหา สุดท้ายก็ปล่อยตัวไป
ยังไม่หมด ในวันที่ “ปูนิ่ม” แอบไป ว.5 ที่โฟร์ซีซั่นส์ แต่ถูกจับได้ไล่ทัน โดย เอกยุทธ อัญชันบุตร ประจานผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว และ เศรษฐา ทวีสิน บิ๊กบอสแห่งแสนสิริ ออกมายอมรับว่า เป็นผู้ชายหนึ่งเดียวที่ได้หารือลับกับนายกฯหญิงของไทย ที่ชั้น 7 โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ ซึ่งจะต้องจองห้องพักเท่านั้น จึงจะใช้ห้องวีไอพีในชั้นเดียวกันได้
พอถูกแฉ คนที่ออกมาปูดข่าวก็โดนแจ้งความดำเนินคดีทันที แถมตำรวจเด้งรับลูกส่งฟ้องทุกคดีเป็นที่เรียบร้อยโรงเรียน “ปูนิ่ม” ไปแล้ว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการ
นอกจากนี้ พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รักษาการ ผบ.ชน. ยังมีคำสั่งเด้ง 2 ผู้กำกับ จากสน.สำราญราษฎร์ และ สน.ธรรมศาลา ด้วยเหตุผลว่า “ปล่อยให้มีป้าย หยุดกฎหมายล้างผิด โกงชาติ หมิ่นสถาบัน” เพราะไปแทงใจดำของรัฐบาล จนลุแก่อำนาจสั่งย้าย 2 นายตำรวจ ทั้งๆ ที่ พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ยังอยู่ในสถานะรักษาการ !
** ล่าสุดต้นฉบับ “รัฐตำรวจ” นักโทษชายทักษิณ ยังกล่าวหาศาลรัฐธรรมนูญว่า “ปล้นอำนาจประชาชน” หลังมีคำสั่งให้สภาระงับการลงมติ วาระ 3 ในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 และปลุกคนเสื้อแดงให้ลุกขึ้นต่อต้าน ถอดถอนตุลาการ
ภายใต้การบริหารของ “ปูนิ่ม” ด้วยการใช้ “รัฐตำรวจ” ยึดครองประเทศ คนไทยจะขาดสิทธิและเสรีภาพ เนื่องจากการใช้อำนาจที่ไม่เคารพต่อหลักประกันของมหาชนตามระบบกฎหมายอย่างที่ควรจะเป็น
**ถึงเวลาที่คนไทยต้องถามตัวเองว่า “จะลุกขึ้นสู้ หรืออยู่อย่างทาส มุดหัวขี้ขลาด หรือประกาศศักดา”
กำลังโหลดความคิดเห็น