*การต้านเอนโทรปี เพื่อการชะลอวัย*
ในจักรวาลของเรามีสิ่งที่เรียกว่า เอนโทรปี (Entropy) อันเป็นแนวโน้มสากลในจักรวาลที่ทำให้ความเป็นระเบียบพังทลายไปสู่ความไร้ระเบียบ เอนโทรปีเป็นสิ่งที่ต้องเกิด โดยมันปรากฏขึ้นพร้อมกับบิ๊กแบง ความร้อน แสงสว่าง และรูปแบบอื่นๆ ของพลังงานที่เริ่มต้นพร้อมกับการกำเนิดของจักรวาล โดยที่พลังงานเหล่านั้นได้ลดจำนวนลง และการกระจายออกไปตามกาลเวลาขณะที่จักรวาลขยายตัว แนวโน้มของการกระจายและการเคลื่อนที่ของพลังงานไปยังบริเวณที่เข้มข้นน้อยลงคือ เอนโทรปี โดยที่เอนโทรปีเป็นลูกศรที่พุ่งไปทิศทางเดียว
ด้วยเหตุนี้ รถยนต์เก่าจึงเริ่มเป็นสนิมและผุกร่อน โดยที่กระบวนการนี้จะไม่สามารถย้อนกลับเองอย่างอัตโนมัติ และการแก่ตัวของร่างกายของคนเราก็เช่นกัน มันไม่สามารถกลับคืนสู่ความเยาว์วัยอีกครั้งโดยอัตโนมัติ เพราะฉะนั้น หากเราต้องการเอาชนะความแก่ เราจึงจำเป็นต้องเรียนรู้ก่อนว่าจะเอาชนะเอนโทรปีได้อย่างไร
จริงๆ แล้วการที่คนเรายังมีชีวิตอยู่ได้ ย่อมแสดงว่าแม้ร่างกายของเราดำรงอยู่ภายใต้การต่อต้านอย่างแข็งขันของเอนโทรปี แต่ร่างกายของเรายังคงรักษา “ระเบียบ” ไว้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ และยังมีความสามารถในการเสริมความซับซ้อนในความเป็นระเบียบของตัวเองได้ด้วย
เหตุที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะว่า ร่างกายของคนเรามิใช่ “วัตถุล้วนๆ” แต่เป็นส่วนหนึ่งของ “ชีวิต” ที่เป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลที่กำลังวิวัฒน์ตัวเองอยุ่ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ตัวจักรวาลเองก็มี “แรงต้านเอนโทรปี” ที่ผลักดันให้จักรวาลมีวิวัฒนาการเดินหน้าไป เพื่อรังสรรค์ชีวิต และต่อต้านการคุกคามของเอนโทรปี โดยที่แรงต่อต้านเอนโทรปีนี้ คือ “เชาวน์ปัญญาแห่งจักรวาล” ที่ดำรงอยู่ในทุกๆ ชีวิต
เชาวน์ปัญญาแห่งจักรวาลนี้ มีความหมายคล้ายกับคำว่า พลังแห่งการรังสรรค์ของจักรวาล ซึ่งเข้าถึงความไร้ระเบียบ และก่อรูปเป็นสมมาตรที่สวยงามจากซุปควอนตัม เติมชีวิต และลมหายใจให้แก่โมเลกุลที่ตายแล้ว ยามใดที่เอนโทรปีอยู่ในฐานะเหนือกว่า เชาวน์ปัญญาก็จะเสื่อมถอย
พลังของทั้งสองระหว่างเชาวน์ปัญญา (“เทพ” ในภาษาของคนโบราณ) กับเอนโทรปี (“มาร” ในภาษาของคนโบราณ) ได้ต่อสู้กันตลอดเวลา นับตั้งแต่จักรวาลถือกำเนิดขึ้นจากบิ๊กแบง การถือกำเนิดของมนุษย์ เป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะของเชาวน์ปัญญา แต่วันหนึ่งเมื่อทารกเริ่มแก่ นั่นคือชัยชนะของเอนโทรปี เพราะฉะนั้น ตราบใดที่ร่างกายของคนเราสามารถสร้างตัวเองขึ้นใหม่ตามพิมพ์เขียวของความมีระเบียบของตัวเอง เอนโทรปีจะถูกต่อต้าน คนที่มีสุขภาพแข็งแรงทุกเซลล์ในร่างกายของผู้นั้น จะเรียนรู้ที่จะเอาชนะเอนโทรปี ด้วยการนำเชาวน์ปัญญามาช่วยชีวิต เมื่อความผิดปกติเริ่มรุกล้ำในระดับดีเอ็นเอ ทำให้ดีเอ็นเอมีศักยภาพในการซ่อมแซมตัวเองอย่างน่าทึ่งเมื่อถูกจู่โจมจากอนุมูลอิสระ ความแก่จึงเป็นผลมาจากความด้อยสมรรถภาพของดีเอ็นเอ ในการติดตามความเสียหายที่เกิดขึ้นในเซลล์อย่างต่อเนื่อง นับหลายล้านครั้งในแต่ละปี จนเซลล์นั้นกลายเป็น “เซลล์แก่”
ร่องรอยของเอนโทรปีที่มองเห็นได้ คือ รอยย่นซึ่งเป็นอาการอย่างหนึ่งของความแก่ สาเหตุของรอยย่นอยู่ที่โครงสร้างของผิวหนัง ซึ่งประกอบด้วยเนื้อเยื่อหลายชนิดที่มีน้ำ และเนื้อเยื่อเกี่ยวพันห่อหุ้มอย่างหลวมๆ เนื้อเยื่อเกี่ยวพันเหล่านี้ โดยพื้นฐานประกอบด้วยคอลลาเจนซึ่งเป็นโปรตีนที่สามารถรวมตัวกับน้ำได้ คอลลาเจนจึงเป็นเหมือนเบาะตาข่ายที่เปียกชื้น และอ่อนนุ่มของผิวหนัง ทั้งทำให้ผิวหนังอวบอิ่มมีความยืดหยุ่นยามเคลื่อนไหว ยืดและพับร่างกาย คอลลาเจนไม่มีเซลล์เป็นส่วนประกอบ แต่สร้างและซ่อมแซมโดยเซลล์ข้างเคียง สภาพของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันเหล่านี้อยู่ใต้การดูแลของดีเอ็นเอ
เมื่อคนเราแก่ตัว คอลลาเจนจะเกิดการเปลี่ยนแปลง แข็งกระด้างขึ้น และชุ่มชื่นน้อยลง เมื่อคอลลาเจนสูญเสียความยืดหยุ่นก็ไม่อาจคืนตัวเมื่อยืดหรือพับ เริ่มเกิดริ้วรอย และเมื่อรอยเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างถาวรก็จะกลายเป็นรอยย่น อิทธิพลทางกายภาพที่ทำให้คอลลาเจนแก่เร็วขึ้นนั้นได้แก่ การสูบบุหรี่ การตากแดดมากเกินไป การขาดวิตามิน ภาวะทุพโภชนาการ อาการขาดน้ำเรื้อรัง เป็นต้น
หนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุดในการป้องกันเอนโทรปี คือ การออกกำลังกาย เนื่องจากเอนโทรปีถูกต่อต้านด้วย “งาน” หรือ การใช้พลังงานอย่างมีระเบียบ หากปราศจาก “งาน” พลังงานจะเหือดหายไปอย่างง่ายดาย การออกกำลังกาย และการฝึกจิตใจจึงเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการป้องกันการแก่ก่อนวัย และยังสามารถทำให้เกิดการย้อนกลับของผลจากเอนโทรปีก่อนหน้านี้ได้ การออกกำลังกาย และการฝึกอบรมจิตใจ จึงเป็นสิ่งที่ควรทำในทุกๆ วัย ไม่ว่าคนผู้นั้นจะมีอายุมากแค่ไหนก็ตาม กล่าวคือ การออกกำลังกายควรเป็นสิ่งที่ต้องทำไปจนตลอดชีวิตของคนเรา เพื่อให้แข็งแรงและมีร่างกายกระฉับกระเฉงตลอดชีวิต
อนึ่ง คำว่า “งาน” ตามคำจำกัดความทางฟิสิกส์ ไม่ได้หมายถึงเหงื่อและการออกแรงอย่างหักโหม “งาน” จำเป็นต่อการรังสรรค์ความเป็นระเบียบ และการต่อต้านแรงของเอนโทรปี การออกกำลังที่มีผลในทางควอนตัม จึงไม่จำเป็นต้องหักโหม รุนแรงแต่ประการใด แต่เป็นการให้โอกาสแก่ร่างกายในการฟื้นฟูแบบแผนที่ละเอียดอ่อนของสมรรถภาพร่างกายมากกว่า ในความเห็นของผม การออกกำลังกายแบบเต๋า น่าจะเป็นวิธีการทำ “งาน” ที่ดีที่สุด และมีประสิทธิภาพที่สุดในการต่อต้านเอนโทรปี เพราะการออกกำลังกายแบบเต๋าจะคำนึงถึงความสมดุลกับการพักผ่อน ไม่หักโหม เพราะการออกกำลังกายที่หักโหม กล้ามเนื้อจะถูกทำลาย จำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟู หากออกกำลังกายหักโหมแต่กลับพักผ่อนน้อย แทนที่จะดีต่อร่างกาย กลับทำให้ร่างกายทรุดโทรมยิ่งขึ้น
แต่วิถีชีวิตสมัยใหม่กลับเป็นวิถีที่ผู้คนใช้ชีวิตที่ยุ่งเหยิงไร้ระเบียบมากขึ้น ขณะที่กลับพักผ่อนน้อยลง แม้ว่าจะมีความสะดวกสบายในชีวิตเพิ่มขึ้นก็ตาม ผลก็คือ ผู้คนที่ใช้ชีวิตสมัยใหม่มีแนวโน้มที่จะเสียสมดุลอย่างยิ่ง เพราะพวกเขาใช้ชีวิตที่ขัดกับความต้องการภายในร่างกายของตนเอง ที่ผ่านมาได้มีผลการศึกษาออกมาแล้วว่า การดำเนินชีวิตของคนที่มี “วิถีชีวิตที่สมดุล” มีความเคยชินในการรักษาสุขภาพ จะมีสุขภาพแข็งแรงกว่าคนที่มีความเคยชินที่ไม่ดี หรือมี “วิถีชีวิตที่ไม่สมดุล” ถึง 30 ปีเลยทีเดียว เพราะฉะนั้น วิถีชีวิตที่สมดุลจึงเป็นอีกปัจจัยหนึ่งในการต้านเอนโทรปี และช่วยเหนี่ยวรั้งกระบวนการแก่ให้ช้าลง
การหัวเราะบ่อยๆ ก็ช่วยต้านเอนโทรปีได้เช่นกัน การหัวเราะบ่อยๆ จึงมีประโยชน์อย่างยิ่ง ทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจในการชะลอวัย
การหายใจ ที่ลึก ยาว ช้า นิ่มนวล เนิบนาบ ก็ช่วยต้านเอนโทรปีเช่นกัน ผู้ที่หายใจเป็น โดยผ่านการฝึกการเจริญสติภาวนา โยคะ ชี่กง และมวยไท่จี๋ (ไท้เก๊ก) ย่อมได้รับประโยชน์ในแง่การชะลอวัยด้วย
ดนตรีที่ฟังแล้วผ่อนคลาย และเพลิดเพลินเจริญใจ ก็ช่วยต้านเอนโทรปี และมีผลในการลดความเครียด
การสร้างมโนภาพในเชิงบวก ก็ช่วยต้านเอนโทรปี เพราะเป็นการรังสรรค์อย่างง่ายๆ ของประสบการณ์ที่น่ารื่นรมย์ และเป็นการผ่อนคลายอย่างลึกซึ้ง
การนั่งสมาธิ ในรูปแบบต่างๆ ก็ช่วยต้านเอนโทรปี เพราะสมาธิเป็นวิธีอันทรงพลังในการทำให้จิตใจสงบ
การสวดมนต์ภาวนา ก็ช่วยต้านเอนโทรปี และช่วยทำให้จิตใจสงบ เยือกเย็นได้ดีเช่นกัน
การนอนหลับสนิท คนที่สามารถนอนหลับสนิทได้ หรือสามารถหลับตางีบหลับได้ทุกเวลาตามสบายนั้น ถือว่าเป็นคนที่โชคดีมาก เพราะการนอนหลับสนิท ช่วยลดความเครียด และฟื้นฟูสมดุลภายในอย่างเป็นธรรมชาติ และเป็นวิธีการผ่อนคลายตนเองที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง การนอนหลับสนิทจึงช่วยต้านเอนโทรปีได้อย่างทรงพลังที่สุด
การได้สัมผัสกับธรรมชาติบ่อยๆ หรือ การอยู่กับธรรมชาติ ก็ช่วยต้านเอนโทรปี และช่วยลดความเครียดได้เสมอ แม้แค่นำกระถางต้นไม้มาวางไว้ในห้องทำงาน หรือการออกไปเดินเล่นในสวนสาธารณะยามเช้า ก็มีส่วนช่วยคลายเครียดได้มาก
การปล่อยวาง ก็เป็นวิธีการต้านเอนโทรปีที่ได้ผลเฉียบขาด และนำไปสู่ความสงบของจิตใจอย่างแท้จริงได้
การมีจิตใจที่เปี่ยมไปด้วยความรัก ความเมตตา ก็ช่วยต้านเอนโทรปีทำให้ชีวิตนี้ของเรามีความหมาย และงดงามจากภายใน การมองโลกและชีวิตด้วยสายตาแห่งความรัก คือ การเอาชนะเอนโทรปีได้อย่างทรงพลังที่สุด
การมีชีวิตอยู่กับปัจจุบันขณะ ก็ช่วยต้านเอนโทรปี เพราะจิตที่อยู่กับปัจจุบันขณะนั้น เป็นจิตที่ไร้กาลเวลา การค้นพบอิสรภาพใน “ปัจจุบันขณะ” จะทำให้ผู้นั้นสามารถเอาชนะความแก่ และความตายในเชิงจิตวิญญาณได้
www.dragon-press.com
ในจักรวาลของเรามีสิ่งที่เรียกว่า เอนโทรปี (Entropy) อันเป็นแนวโน้มสากลในจักรวาลที่ทำให้ความเป็นระเบียบพังทลายไปสู่ความไร้ระเบียบ เอนโทรปีเป็นสิ่งที่ต้องเกิด โดยมันปรากฏขึ้นพร้อมกับบิ๊กแบง ความร้อน แสงสว่าง และรูปแบบอื่นๆ ของพลังงานที่เริ่มต้นพร้อมกับการกำเนิดของจักรวาล โดยที่พลังงานเหล่านั้นได้ลดจำนวนลง และการกระจายออกไปตามกาลเวลาขณะที่จักรวาลขยายตัว แนวโน้มของการกระจายและการเคลื่อนที่ของพลังงานไปยังบริเวณที่เข้มข้นน้อยลงคือ เอนโทรปี โดยที่เอนโทรปีเป็นลูกศรที่พุ่งไปทิศทางเดียว
ด้วยเหตุนี้ รถยนต์เก่าจึงเริ่มเป็นสนิมและผุกร่อน โดยที่กระบวนการนี้จะไม่สามารถย้อนกลับเองอย่างอัตโนมัติ และการแก่ตัวของร่างกายของคนเราก็เช่นกัน มันไม่สามารถกลับคืนสู่ความเยาว์วัยอีกครั้งโดยอัตโนมัติ เพราะฉะนั้น หากเราต้องการเอาชนะความแก่ เราจึงจำเป็นต้องเรียนรู้ก่อนว่าจะเอาชนะเอนโทรปีได้อย่างไร
จริงๆ แล้วการที่คนเรายังมีชีวิตอยู่ได้ ย่อมแสดงว่าแม้ร่างกายของเราดำรงอยู่ภายใต้การต่อต้านอย่างแข็งขันของเอนโทรปี แต่ร่างกายของเรายังคงรักษา “ระเบียบ” ไว้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ และยังมีความสามารถในการเสริมความซับซ้อนในความเป็นระเบียบของตัวเองได้ด้วย
เหตุที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะว่า ร่างกายของคนเรามิใช่ “วัตถุล้วนๆ” แต่เป็นส่วนหนึ่งของ “ชีวิต” ที่เป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลที่กำลังวิวัฒน์ตัวเองอยุ่ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ตัวจักรวาลเองก็มี “แรงต้านเอนโทรปี” ที่ผลักดันให้จักรวาลมีวิวัฒนาการเดินหน้าไป เพื่อรังสรรค์ชีวิต และต่อต้านการคุกคามของเอนโทรปี โดยที่แรงต่อต้านเอนโทรปีนี้ คือ “เชาวน์ปัญญาแห่งจักรวาล” ที่ดำรงอยู่ในทุกๆ ชีวิต
เชาวน์ปัญญาแห่งจักรวาลนี้ มีความหมายคล้ายกับคำว่า พลังแห่งการรังสรรค์ของจักรวาล ซึ่งเข้าถึงความไร้ระเบียบ และก่อรูปเป็นสมมาตรที่สวยงามจากซุปควอนตัม เติมชีวิต และลมหายใจให้แก่โมเลกุลที่ตายแล้ว ยามใดที่เอนโทรปีอยู่ในฐานะเหนือกว่า เชาวน์ปัญญาก็จะเสื่อมถอย
พลังของทั้งสองระหว่างเชาวน์ปัญญา (“เทพ” ในภาษาของคนโบราณ) กับเอนโทรปี (“มาร” ในภาษาของคนโบราณ) ได้ต่อสู้กันตลอดเวลา นับตั้งแต่จักรวาลถือกำเนิดขึ้นจากบิ๊กแบง การถือกำเนิดของมนุษย์ เป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะของเชาวน์ปัญญา แต่วันหนึ่งเมื่อทารกเริ่มแก่ นั่นคือชัยชนะของเอนโทรปี เพราะฉะนั้น ตราบใดที่ร่างกายของคนเราสามารถสร้างตัวเองขึ้นใหม่ตามพิมพ์เขียวของความมีระเบียบของตัวเอง เอนโทรปีจะถูกต่อต้าน คนที่มีสุขภาพแข็งแรงทุกเซลล์ในร่างกายของผู้นั้น จะเรียนรู้ที่จะเอาชนะเอนโทรปี ด้วยการนำเชาวน์ปัญญามาช่วยชีวิต เมื่อความผิดปกติเริ่มรุกล้ำในระดับดีเอ็นเอ ทำให้ดีเอ็นเอมีศักยภาพในการซ่อมแซมตัวเองอย่างน่าทึ่งเมื่อถูกจู่โจมจากอนุมูลอิสระ ความแก่จึงเป็นผลมาจากความด้อยสมรรถภาพของดีเอ็นเอ ในการติดตามความเสียหายที่เกิดขึ้นในเซลล์อย่างต่อเนื่อง นับหลายล้านครั้งในแต่ละปี จนเซลล์นั้นกลายเป็น “เซลล์แก่”
ร่องรอยของเอนโทรปีที่มองเห็นได้ คือ รอยย่นซึ่งเป็นอาการอย่างหนึ่งของความแก่ สาเหตุของรอยย่นอยู่ที่โครงสร้างของผิวหนัง ซึ่งประกอบด้วยเนื้อเยื่อหลายชนิดที่มีน้ำ และเนื้อเยื่อเกี่ยวพันห่อหุ้มอย่างหลวมๆ เนื้อเยื่อเกี่ยวพันเหล่านี้ โดยพื้นฐานประกอบด้วยคอลลาเจนซึ่งเป็นโปรตีนที่สามารถรวมตัวกับน้ำได้ คอลลาเจนจึงเป็นเหมือนเบาะตาข่ายที่เปียกชื้น และอ่อนนุ่มของผิวหนัง ทั้งทำให้ผิวหนังอวบอิ่มมีความยืดหยุ่นยามเคลื่อนไหว ยืดและพับร่างกาย คอลลาเจนไม่มีเซลล์เป็นส่วนประกอบ แต่สร้างและซ่อมแซมโดยเซลล์ข้างเคียง สภาพของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันเหล่านี้อยู่ใต้การดูแลของดีเอ็นเอ
เมื่อคนเราแก่ตัว คอลลาเจนจะเกิดการเปลี่ยนแปลง แข็งกระด้างขึ้น และชุ่มชื่นน้อยลง เมื่อคอลลาเจนสูญเสียความยืดหยุ่นก็ไม่อาจคืนตัวเมื่อยืดหรือพับ เริ่มเกิดริ้วรอย และเมื่อรอยเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างถาวรก็จะกลายเป็นรอยย่น อิทธิพลทางกายภาพที่ทำให้คอลลาเจนแก่เร็วขึ้นนั้นได้แก่ การสูบบุหรี่ การตากแดดมากเกินไป การขาดวิตามิน ภาวะทุพโภชนาการ อาการขาดน้ำเรื้อรัง เป็นต้น
หนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุดในการป้องกันเอนโทรปี คือ การออกกำลังกาย เนื่องจากเอนโทรปีถูกต่อต้านด้วย “งาน” หรือ การใช้พลังงานอย่างมีระเบียบ หากปราศจาก “งาน” พลังงานจะเหือดหายไปอย่างง่ายดาย การออกกำลังกาย และการฝึกจิตใจจึงเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการป้องกันการแก่ก่อนวัย และยังสามารถทำให้เกิดการย้อนกลับของผลจากเอนโทรปีก่อนหน้านี้ได้ การออกกำลังกาย และการฝึกอบรมจิตใจ จึงเป็นสิ่งที่ควรทำในทุกๆ วัย ไม่ว่าคนผู้นั้นจะมีอายุมากแค่ไหนก็ตาม กล่าวคือ การออกกำลังกายควรเป็นสิ่งที่ต้องทำไปจนตลอดชีวิตของคนเรา เพื่อให้แข็งแรงและมีร่างกายกระฉับกระเฉงตลอดชีวิต
อนึ่ง คำว่า “งาน” ตามคำจำกัดความทางฟิสิกส์ ไม่ได้หมายถึงเหงื่อและการออกแรงอย่างหักโหม “งาน” จำเป็นต่อการรังสรรค์ความเป็นระเบียบ และการต่อต้านแรงของเอนโทรปี การออกกำลังที่มีผลในทางควอนตัม จึงไม่จำเป็นต้องหักโหม รุนแรงแต่ประการใด แต่เป็นการให้โอกาสแก่ร่างกายในการฟื้นฟูแบบแผนที่ละเอียดอ่อนของสมรรถภาพร่างกายมากกว่า ในความเห็นของผม การออกกำลังกายแบบเต๋า น่าจะเป็นวิธีการทำ “งาน” ที่ดีที่สุด และมีประสิทธิภาพที่สุดในการต่อต้านเอนโทรปี เพราะการออกกำลังกายแบบเต๋าจะคำนึงถึงความสมดุลกับการพักผ่อน ไม่หักโหม เพราะการออกกำลังกายที่หักโหม กล้ามเนื้อจะถูกทำลาย จำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟู หากออกกำลังกายหักโหมแต่กลับพักผ่อนน้อย แทนที่จะดีต่อร่างกาย กลับทำให้ร่างกายทรุดโทรมยิ่งขึ้น
แต่วิถีชีวิตสมัยใหม่กลับเป็นวิถีที่ผู้คนใช้ชีวิตที่ยุ่งเหยิงไร้ระเบียบมากขึ้น ขณะที่กลับพักผ่อนน้อยลง แม้ว่าจะมีความสะดวกสบายในชีวิตเพิ่มขึ้นก็ตาม ผลก็คือ ผู้คนที่ใช้ชีวิตสมัยใหม่มีแนวโน้มที่จะเสียสมดุลอย่างยิ่ง เพราะพวกเขาใช้ชีวิตที่ขัดกับความต้องการภายในร่างกายของตนเอง ที่ผ่านมาได้มีผลการศึกษาออกมาแล้วว่า การดำเนินชีวิตของคนที่มี “วิถีชีวิตที่สมดุล” มีความเคยชินในการรักษาสุขภาพ จะมีสุขภาพแข็งแรงกว่าคนที่มีความเคยชินที่ไม่ดี หรือมี “วิถีชีวิตที่ไม่สมดุล” ถึง 30 ปีเลยทีเดียว เพราะฉะนั้น วิถีชีวิตที่สมดุลจึงเป็นอีกปัจจัยหนึ่งในการต้านเอนโทรปี และช่วยเหนี่ยวรั้งกระบวนการแก่ให้ช้าลง
การหัวเราะบ่อยๆ ก็ช่วยต้านเอนโทรปีได้เช่นกัน การหัวเราะบ่อยๆ จึงมีประโยชน์อย่างยิ่ง ทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจในการชะลอวัย
การหายใจ ที่ลึก ยาว ช้า นิ่มนวล เนิบนาบ ก็ช่วยต้านเอนโทรปีเช่นกัน ผู้ที่หายใจเป็น โดยผ่านการฝึกการเจริญสติภาวนา โยคะ ชี่กง และมวยไท่จี๋ (ไท้เก๊ก) ย่อมได้รับประโยชน์ในแง่การชะลอวัยด้วย
ดนตรีที่ฟังแล้วผ่อนคลาย และเพลิดเพลินเจริญใจ ก็ช่วยต้านเอนโทรปี และมีผลในการลดความเครียด
การสร้างมโนภาพในเชิงบวก ก็ช่วยต้านเอนโทรปี เพราะเป็นการรังสรรค์อย่างง่ายๆ ของประสบการณ์ที่น่ารื่นรมย์ และเป็นการผ่อนคลายอย่างลึกซึ้ง
การนั่งสมาธิ ในรูปแบบต่างๆ ก็ช่วยต้านเอนโทรปี เพราะสมาธิเป็นวิธีอันทรงพลังในการทำให้จิตใจสงบ
การสวดมนต์ภาวนา ก็ช่วยต้านเอนโทรปี และช่วยทำให้จิตใจสงบ เยือกเย็นได้ดีเช่นกัน
การนอนหลับสนิท คนที่สามารถนอนหลับสนิทได้ หรือสามารถหลับตางีบหลับได้ทุกเวลาตามสบายนั้น ถือว่าเป็นคนที่โชคดีมาก เพราะการนอนหลับสนิท ช่วยลดความเครียด และฟื้นฟูสมดุลภายในอย่างเป็นธรรมชาติ และเป็นวิธีการผ่อนคลายตนเองที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง การนอนหลับสนิทจึงช่วยต้านเอนโทรปีได้อย่างทรงพลังที่สุด
การได้สัมผัสกับธรรมชาติบ่อยๆ หรือ การอยู่กับธรรมชาติ ก็ช่วยต้านเอนโทรปี และช่วยลดความเครียดได้เสมอ แม้แค่นำกระถางต้นไม้มาวางไว้ในห้องทำงาน หรือการออกไปเดินเล่นในสวนสาธารณะยามเช้า ก็มีส่วนช่วยคลายเครียดได้มาก
การปล่อยวาง ก็เป็นวิธีการต้านเอนโทรปีที่ได้ผลเฉียบขาด และนำไปสู่ความสงบของจิตใจอย่างแท้จริงได้
การมีจิตใจที่เปี่ยมไปด้วยความรัก ความเมตตา ก็ช่วยต้านเอนโทรปีทำให้ชีวิตนี้ของเรามีความหมาย และงดงามจากภายใน การมองโลกและชีวิตด้วยสายตาแห่งความรัก คือ การเอาชนะเอนโทรปีได้อย่างทรงพลังที่สุด
การมีชีวิตอยู่กับปัจจุบันขณะ ก็ช่วยต้านเอนโทรปี เพราะจิตที่อยู่กับปัจจุบันขณะนั้น เป็นจิตที่ไร้กาลเวลา การค้นพบอิสรภาพใน “ปัจจุบันขณะ” จะทำให้ผู้นั้นสามารถเอาชนะความแก่ และความตายในเชิงจิตวิญญาณได้
www.dragon-press.com