ASTVผู้จัดการรายวัน-พันธมิตรฯ ประกาศระดมพลให้เต็มพรึบวันนี้ ร่วมพลังหยุดสภาโจร ลั่นมีหมัดเด็ดไว้น็อค เล็งยกระดับการชุมนุมเป็นขับไล่รัฐบาล หากเจอวิชามาร ผ่านพ.ร.บ.ปรองดอง 3 วาระรวด ด้านตำรวจเสริมกำลังพร้อมเครื่องมือไฮเทคอีกเพียบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (31 พ.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 18.20 น. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นปราศรัยบนเวทีชั่วคราวหน้ารัฐสภาว่า หลังจากที่พันธมิตรฯ ได้ยื่นหนังสือ ฉบับที่ 2 ถึงนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อท้วงถามข้อเรียกร้องขอส่งตัวแทน 200 คน เข้าฟังอภิปรายเลื่อนวาระร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ (พ.ร.บ.ปรองดอง) เพื่อขอเข้าไปชุมนุมในรั้วรัฐสภา ผ่านมา 5 ชั่วโมงแล้ว ยังไม่มีการตอบรับหรือการปฏิเสธจากประธานสภาฯ แต่อย่างใด ซึ่งในหนังสือที่เรายื่นนั้น บอกว่า ถ้าไม่อนุญาตให้ตอบปฏิเสธภายใน 1 ชั่วโมง ซึ่งก็แสดงว่า หากเราจะเข้าไป เราก็ไม่ต้องยื่นคำขออีกแล้ว
ทั้งนี้ หากวัดกำลังกันแล้ว มวลชนพันธมิตรฯ มีมวลชนมากกว่าตำรวจอย่างแน่นอน แต่เมื่อประเมินแล้ว หากเราเข้าไปในบริเวณรัฐสภาตั้งแต่คืนนี้ (31 พ.ค.) เราจะอ่อนแรงลงในตอนเช้า (1 มิ.ย.) และถูกกวาดล้างออกมาได้ง่าย และอาจจะบาดเจ็บโดยไม่จำเป็น ดังนั้น การจะเข้าไปเมื่อไร จึงขึ้นอยู่กับแกนนำที่จะประกาศอีกครั้ง ส่วนคืนนี้ ขอให้พี่น้องแยกย้ายกันไปพักผ่อนก่อน แล้วให้มารวมตัวกันใหม่วันนี้เช้า (1มิ.ย.) เวลา 06.00 น. โดยให้นำอุปกรณ์ คือ เสื้อกันฝน ร่ม ผ้าขนหนู ขวดน้ำ แว่นกันแก๊สน้ำตามาด้วย เพื่อรอฟังแกนนำประกาศว่าจะเข้าเมื่อไร หรือจะมีมาตรการเคลื่อนไหวต่ออย่างไร
"รู้แล้วว่า แกนนำมีหมัดเด็ดที่จะให้ได้ชัยชนะอย่างไร แต่ขออุบไว้ก่อน ยังพูดไม่ได้ แต่ขอให้พี่น้องไว้ใจแกนนำ เพราะเราดำเนินการทุกอย่างด้วยความรอบคอบ มีการชั่งน้ำหนักตลอดว่าคุ้มหรือไม่คุ้มในการจะทำอะไร เป้าหมายในการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ อาจจะไม่ใช่แค่หยุด พ.ร.บ.ปรองดองเท่านั้น แต่อาจจะยกระดับไปสู่การขับไล่รัฐบาลก็ได้"
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะที่เวทีคนเสื้อหลากสี และทีวีบลูสกาย ก็จะนัดมาชุมนุมกันในเวลา 05.00 น. วันนี้ (1 มิ.ย.) หน้าประตู 3 รัฐสภา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันกลุ่มพันธมิตรฯ มีการปราศรัย และมีการเคลื่อนไหว โดยมีช่วงคลุกกรุ่นใน เวลา 16.30 น. เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุม ได้เคลื่อนตัวเข้าไปประชิดรั้วรัฐสภา และอยู่ในลักษณะที่พร้อมจะบุกเข้าไป ขณะที่บนเวทีก็ปราศรัยสลับกับการร้องเพลงเพื่อปลุกเร้า โดยผู้ชุมนุมได้เขย่ารั้วตามจังหวะเพลง
โดยในรัฐสภา เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เคยตรึงกำลังได้สลับเปลี่ยนกันออกไปพักผ่อน
**ยื่นฉบับ 1 ขอ 200 คนฟังปรองดอง
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านั้น เวลา 11.00 น. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ยื่นหนังสือต่อนายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาฯ ฉบับที่ 1 โดยระบุว่า ตามที่สภาฯ ได้พิจารณาเรื่องการเลื่อนวาระเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติปรองดองแห่งชาติ ซึ่งกลุ่มพันธมิตรได้ชุมนุมคัดค้านมาตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค. โดยกลุ่มพันธมิตรฯ จะอาศัยรัฐธรรมนูญมาตรา 56 ที่บัญญัติให้บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับทราบและเข้าถึงข้อมูลหรือข่าวสาธารณะในครอบครองของหน่วยราชการและหน่วยงานของรัฐ ตลอดจนรัฐธรรมนูญมาตรา 87(2) และ 87(3) ได้บัญญัติให้รัฐต้องดำเนินการตามนโยบายด้านการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตรวขสอบการใช้อำนาจรัฐทุกระดับ แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ จึงขอส่งตัวแทนของกลุ่มเข้าร่วมรับฟังการพิจารณาเรื่องดังกล่าวในที่ประชุมสภาฯ อาคารรัฐสภา 200 คน
ทั้งนี้ จะให้เวลาในการพิจารณาเรื่องดังกล่าว 1 ชั่วโมง และจะต้องแจ้งให้กลุ่มพันธมิตรทราบ แต่หากเลยจาก 1 ชั่วโมงไปแล้ว กลุ่มพันธมิตรฯ ยังไม่ได้รับคำตอบใดๆ ทางกลุ่มจะประกาศยกระดับการชุมนุมทันที
นายปานเทพ ยังได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากการยื่นหนังสือว่า การชุมนุมต่อจากนี้ไป หากพ.ร.บ.ปรองดองทั้ง 4 ฉบับผ่านเข้าสู่วาระการพิจารณาของที่ประชุมสภาฯ ซึ่งอาจจะมีการเลื่อนไปพิจารณาต่อในวันที่ 5-7 มิ.ย.นี้ และอาจจะเป็นการลงมติแบบ 3 วาระรวด ทางกลุ่มพันธมิตรฯ จะยกระดับการชุมนุมเป็นการขับไล่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีทันที เพราะนายกฯ ถือเป็นผู้ดูแลฝ่ายนิติบัญญัติ แต่ตอนนี้กลับทำลายกระบวนการยุติธรรมจดหมดสิ้น และทุกคนก็รู้ดีอยู่แล้วว่านายกฯ เป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง
ส่วนจะเป็นการชุมนุมที่ยืดเยื้อหรือไม่นั้น นายปานเทพ กล่าวว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ความรุนแรง ไม่ได้เกิดขึ้นจากลุ่มพันธมิตรฯ แต่จะเกิดขึ้นหากรัฐบาลเป็นผู้กำหนดให้เกิด
**พันธมิตร ยื่นฉบับ 2 สภาฯ
ต่อมา เวลา 14.15 น. ภายหลังครบเวลาที่พันธมิตรฯ เรียกร้อง แกนนำพันธมิตรฯ นำโดย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายพิภพ ธงไชย นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายศรัณยู วงศ์กระจ่าง พล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมณ์ พร้อมด้วยนายปานเทพ ได้เข้ายื่นหนังสือฉบับที่ 2 ถึงนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อท้วงถามข้อเรียกร้องขอส่งตัวแทน 200 คนเข้าฟังอภิปรายเลื่อนวาระร่างพ.ร.บ.ปรองดอง หลังจากครบกำหนดเวลาที่ประกาศไว้ โดยมีนายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้แทนรับมอบ
โดยนายคัมภีร์ ได้ชี้แจงต่อคณะแกนำพันธมิตรฯว่า เบื้องต้น นายพิทูร พุ่มหรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้อนุญาตให้กลุ่มพันธมิตรฯ ส่งตัวแทนเข้ามาร่วมรับฟังการประชุมตามที่ร้องขอ แต่จะขอความร่วมมือส่งผู้แทนเข้ามาเป็นรอบๆ ละ 50 คน เพื่อสะดวกต่อการดูแลความเรียบร้อย และด้วยข้อจำกัดที่นั่งรับฟังการประชุมในที่ประชุมที่มีเพียง 145 ที่นั่งเท่านั้น อีกทั้งได้มีกลุ่มผู้เยี่ยมประสานเข้ารับฟังการประชุมมาก่อนหน้านี้ด้วย
ด้านนายพิภพ แย้งว่าหากมี 145 ที่นั่งตามที่แจ้งจริง ก็ควรให้ตัวแทนพันธมิตรฯ เข้ามามากกว่า 50 คนได้ และหากผู้เยี่ยมชมที่ประสานมาล่วงหน้ายกเลิกการเข้ารับฟัง จะขอให้ตัวแทนพันธมิตรฯ เข้ามาทั้ง 145 ที่นั่ง รวมทั้งขอให้ทางสภาผู้แทนราษฎรแจ้งมาเป็นลายลักษณ์อักษรถึงการอนุญาตและเหตุผลดังกล่าว เพื่อที่จะสามารถอธิบายต่อผู้ชุมนุมได้ นอกจากนี้ อยากให้แสดงความชัดเจนว่าจะให้เข้ารับฟังการประชุมได้เมื่อใดด้วย
ทำให้นายคัมภีร์ กล่าวรับปากว่า เบื้องต้นจะนำเรื่องแจ้งให้นายพิทูรพิจารณาอนุมัติอีกครั้ง ก่อนที่จะแจ้งให้กลุ่มพันธมิตรฯทราบ ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถอนุญาตให้เข้าร่วมฟังการประชุมได้มากว่า 50 คนตามที่ต้องการ อย่างไรก็ตาม ต้องรอให้เริ่มการประชุมเสียก่อน จึงอนุญาตให้ประชาชนเข้าห้องประชุมได้
ซึ่งภายหลังที่นายคัมภีร์ชี้แจง ทำให้คณะแกนนำพันธมิตรฯ พอใจและบอกว่าจะนำเรื่องดังกล่าวไปแจ้งต่อที่ชุมนุม โดยนายปานเทพ กล่าวด้วยว่า จะให้เวลา 1 ชั่วโมงให้ดำเนินการตามที่แจ้ง หากไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่ตกลง ก็จะยกระดับการชุมนุมตามที่ระบุไว้ในหนังสือฉบับที่ 2
ก่อนหน้านั้น นายคัมภีร์ ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตามที่กลุ่มพันธมิตรฯ ได้ยื่นเงื่อนไขส่งผู้แทนเข้ามาร่วมรับฟังการประชุมนั้น ทางสภาฯได้อนุญาตตามนั้น เพราะสภาผู้แทนราษฎรถือเป็นสถานที่ราชการมาจากเงินภาษีของประชาชน ดังนั้น ประชาชนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้ เช่นเดียวกับที่ผ่านๆ มา ซึ่งมีการอนุญาตให้มีคณะเยี่ยมชมเข้าร่วมรับฟังการประชุมอยู่โดยตลอด แต่อยากขอความร่วมมือให้กลุ่มพันธมิตรฯ ส่งผู้แทนเข้ามาเป็นชุดๆ เพื่อง่ายต่อการจัดการ ทั้งนี้ ในที่นั่งรับฟังการประชุมมีกฎระเบียบข้อห้ามในการส่งเสียงหรือแสดงความคิดเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย จึงเชื่อว่าผู้แทนพันธมิตรฯ จะให้ความร่วมมือ
ผู้สื่อข่าวถามว่า การอนุญาตให้ผู้แทนพันธมิตรฯ เข้ารับฟังการประชุมดังกล่าว นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร รับทราบหรือไม่ นายคัมภีร์ กล่าวว่า ได้นำเรื่องดังกล่าวแจ้งให้นายสมศักดิ์ทราบแล้ว แต่การอนุญาตให้ประชาชนเข้ารับฟังการประชุมในที่ประชุมนั้น เป็นอำนาจโดยตรงของนายพิทูร ในฐานะเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาระเบียบวาระเพื่อเลื่อนร่างพ.ร.บ.ปรองดองฯ ยังไม่สามารถเริ่ม ทางสภาผู้แทนราษฎรจึงยังไม่อนุญาตให้ผู้แทนกลุ่มพันธมิตรฯ เข้ามาในพื้นที่รัฐสภา
** ตำรวจระดม14 กองร้อยรับมือ
ส่วนการรักษาความปลอดภัยในวันที่ 2 บริเวณแยกอู่ทองใน ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการปิดถนนตั้งแต่บริเวณแยกอู่ทองในจนถึงแยกการเรือนและมีการนำแผงเหล็ก 2 ชั้น มีการนำแผ่นคอนกรีต 4 ชั้น และลวดหนามเพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมขัดขวางการเดินทางเข้ารัฐสภาของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ทั้งนี้ กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้จัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ จำนวน 14 กองร้อย รวมกว่า 2,000 นาย โดยเพิ่มจากวันแรก 900 นาย รวมทั้งระดมเครื่องมือไฮเทคเต็มอาคารรัฐสภาฯ เช่น เครื่องเสียงที่ทำลายประสาทหู
ช่วงบ่ายที่ ถ.พิชัย กลุ่มเสื้อหลากสี จำนวนหนึ่งเข้าเจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอให้เปิดการจราจรบริเวณแยกอู่ทองในเพื่อให้กลุ่มผู้ชุมนุม เดินทางผ่านเส้นทางนี้ โดยกลุ่มส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางมาให้กำลังใจผู้ชุมนุมกลุ่มเสื้อหลากสีและกลุ่มช่องทีวีบลูสกาย ขณะที่ผู้ชุมนุมไม่สามารถเดินทางเข้ามาสมทบได้ทำให้มีจำนวนผู้เข้าร่วมค่อนข้างบางตา
อย่างไรก็ตาม ตชด.นเรศวร พร้อมโล่และเครื่องป้องกันจำนวนกว่า 100 นาย ได้เสริมกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกชั้น หลังมีข่าวลือว่าผู้ชุมนุมจะบุกยึดรัฐสภา ขณะเดียวกันในเวลา14.05น. ได้เกิดเสียงดังคล้ายประทัดดังขึ้นหนึ่งครั้งสร้างความแตกตื่นให้กับผู้ชุมนุมฝั่งนี้
**"จตุพร"คุยเบรกเสื้อแดงไม่ให้ออกมา
นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช. ให้สัมภาษณ์ในรายการเจาะลึกทั่วไทยอินไซด์ไทยแลนด์ ทางสปริงนิวส์ ว่า การแสดงออกของพรรคประชาธิปัตย์ที่บุกบัลลังก์ประธานสภา ก็รู้กันทางการเมืองว่ายอมรับกันไม่ได้ แต่เป็นการเดิมพันที่ทำทุกวิถีทางเพื่อล้มกระดานให้ได้ และเดินต่อเรื่องรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 5 มิ.ย. และวันนี้ก็เป็นขบวนการเดียวกันไม่ว่าจะชื่อหลากสี พันธมิตรฯ หรือประชาธิปัตย์ โดยมีการแบ่งภาระหน้าที่กัน ซึ่งไม่ใช่สิ่งใหม่ นับตั้งแต่สมัยรัฐบาลสมัคร ที่มีความพยายามล้มรัฐธรรมนูญ และต่อเรื่องปราสาทพระวิหาร มาวันนี้พยายามล้ม พ.ร.บ.ปรองดอง โดยระดมพลกันเพื่อไม่ให้เดินต่อไปได้ จากนั้นจุดเชื้อต่อที่ทำเนียบรัฐบาล เพราะรู้ว่าคนเสื้อแดงจะทนไม่ได้ ต้องออกมา ตนจึงต้องระงับเสื้อแดงไม่ให้ออกมา
“ลำพังน้ำหน้าประชาธิปัตย์ยิ่งแสดงพฤติกรรมอย่างนี้ แม้แต่พันธมิตรฯ เสื้อหลากสี รวมกันอย่างไร ก็ล้มรัฐบาลไม่ได้ พวกผมประเมินสถานการณ์อย่างนิ่งสงบ หากประเมินจำนวนคน พวกผมมากกว่าหลายเท่า ถ้าประชาธิปัตย์ไม่ได้รับสัญญาณจะแสดงอย่างนี้หรือ เพราะประวัติศาสตร์ไม่เคยมี แต่ครั้งนี้เขาแลกเลย ผมรู้ว่าไม่มีส.ส.คนไหนที่กล้าไปทำอย่างนั้น เพราะจะเป็นภาพติดตัวส.ส.คนนั้น”นายจตุพร กล่าว
**เสื้อแดงจังหวัดเริ่มเคลื่อนไหว
ที่ จ.ขอนแก่น กลุ่มคนเสื้อแดงขอนแก่นประมาณ 200 คน นำโดยนายนพดล ศรีดาทัน ทนายนปช. ขอนแก่น และแกนนำคนเสื้อแดง ร่วมชุมนุมแสดงจุดยืนสนับสนุนร่างพ.ร.บ.ปรองดอง ที่มีการยื่นเข้าสู่สภา และเรียกร้องกู้ศักดิ์ศรีให้กับนายสมศักดิ์ ซึ่งเป็นส.ส.พรรคเพื่อไทยจังหวัดขอนแก่น โดยได้อ่านประกาศแถลงการณ์ว่า “คนเสื้อแดงขอนแก่นสนับสนุนพ.ร.บ.ปรองดองของรัฐบาล” เพราะร่างพ.ร.บ.ปรองดอง ที่มีการยื่นเข้าสู่สภา เป็นการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง อันเป็นผลกระทบกับความมั่นคง และส่งผลต่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ดังนั้น พ.ร.บ.ปรองดอง จึงถือเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน
ที่ จ.ยะลา บรรยากาศตามร้านน้ำชา-กาแฟ ในเขตเทศบาลนครยะลา อ.เมืองยะลา มีชาวบ้านจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่อง พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติฉบับนี้กันอย่างหนาหู
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (31 พ.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 18.20 น. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นปราศรัยบนเวทีชั่วคราวหน้ารัฐสภาว่า หลังจากที่พันธมิตรฯ ได้ยื่นหนังสือ ฉบับที่ 2 ถึงนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อท้วงถามข้อเรียกร้องขอส่งตัวแทน 200 คน เข้าฟังอภิปรายเลื่อนวาระร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ (พ.ร.บ.ปรองดอง) เพื่อขอเข้าไปชุมนุมในรั้วรัฐสภา ผ่านมา 5 ชั่วโมงแล้ว ยังไม่มีการตอบรับหรือการปฏิเสธจากประธานสภาฯ แต่อย่างใด ซึ่งในหนังสือที่เรายื่นนั้น บอกว่า ถ้าไม่อนุญาตให้ตอบปฏิเสธภายใน 1 ชั่วโมง ซึ่งก็แสดงว่า หากเราจะเข้าไป เราก็ไม่ต้องยื่นคำขออีกแล้ว
ทั้งนี้ หากวัดกำลังกันแล้ว มวลชนพันธมิตรฯ มีมวลชนมากกว่าตำรวจอย่างแน่นอน แต่เมื่อประเมินแล้ว หากเราเข้าไปในบริเวณรัฐสภาตั้งแต่คืนนี้ (31 พ.ค.) เราจะอ่อนแรงลงในตอนเช้า (1 มิ.ย.) และถูกกวาดล้างออกมาได้ง่าย และอาจจะบาดเจ็บโดยไม่จำเป็น ดังนั้น การจะเข้าไปเมื่อไร จึงขึ้นอยู่กับแกนนำที่จะประกาศอีกครั้ง ส่วนคืนนี้ ขอให้พี่น้องแยกย้ายกันไปพักผ่อนก่อน แล้วให้มารวมตัวกันใหม่วันนี้เช้า (1มิ.ย.) เวลา 06.00 น. โดยให้นำอุปกรณ์ คือ เสื้อกันฝน ร่ม ผ้าขนหนู ขวดน้ำ แว่นกันแก๊สน้ำตามาด้วย เพื่อรอฟังแกนนำประกาศว่าจะเข้าเมื่อไร หรือจะมีมาตรการเคลื่อนไหวต่ออย่างไร
"รู้แล้วว่า แกนนำมีหมัดเด็ดที่จะให้ได้ชัยชนะอย่างไร แต่ขออุบไว้ก่อน ยังพูดไม่ได้ แต่ขอให้พี่น้องไว้ใจแกนนำ เพราะเราดำเนินการทุกอย่างด้วยความรอบคอบ มีการชั่งน้ำหนักตลอดว่าคุ้มหรือไม่คุ้มในการจะทำอะไร เป้าหมายในการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ อาจจะไม่ใช่แค่หยุด พ.ร.บ.ปรองดองเท่านั้น แต่อาจจะยกระดับไปสู่การขับไล่รัฐบาลก็ได้"
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะที่เวทีคนเสื้อหลากสี และทีวีบลูสกาย ก็จะนัดมาชุมนุมกันในเวลา 05.00 น. วันนี้ (1 มิ.ย.) หน้าประตู 3 รัฐสภา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันกลุ่มพันธมิตรฯ มีการปราศรัย และมีการเคลื่อนไหว โดยมีช่วงคลุกกรุ่นใน เวลา 16.30 น. เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุม ได้เคลื่อนตัวเข้าไปประชิดรั้วรัฐสภา และอยู่ในลักษณะที่พร้อมจะบุกเข้าไป ขณะที่บนเวทีก็ปราศรัยสลับกับการร้องเพลงเพื่อปลุกเร้า โดยผู้ชุมนุมได้เขย่ารั้วตามจังหวะเพลง
โดยในรัฐสภา เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เคยตรึงกำลังได้สลับเปลี่ยนกันออกไปพักผ่อน
**ยื่นฉบับ 1 ขอ 200 คนฟังปรองดอง
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านั้น เวลา 11.00 น. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ยื่นหนังสือต่อนายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาฯ ฉบับที่ 1 โดยระบุว่า ตามที่สภาฯ ได้พิจารณาเรื่องการเลื่อนวาระเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติปรองดองแห่งชาติ ซึ่งกลุ่มพันธมิตรได้ชุมนุมคัดค้านมาตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค. โดยกลุ่มพันธมิตรฯ จะอาศัยรัฐธรรมนูญมาตรา 56 ที่บัญญัติให้บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับทราบและเข้าถึงข้อมูลหรือข่าวสาธารณะในครอบครองของหน่วยราชการและหน่วยงานของรัฐ ตลอดจนรัฐธรรมนูญมาตรา 87(2) และ 87(3) ได้บัญญัติให้รัฐต้องดำเนินการตามนโยบายด้านการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตรวขสอบการใช้อำนาจรัฐทุกระดับ แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ จึงขอส่งตัวแทนของกลุ่มเข้าร่วมรับฟังการพิจารณาเรื่องดังกล่าวในที่ประชุมสภาฯ อาคารรัฐสภา 200 คน
ทั้งนี้ จะให้เวลาในการพิจารณาเรื่องดังกล่าว 1 ชั่วโมง และจะต้องแจ้งให้กลุ่มพันธมิตรทราบ แต่หากเลยจาก 1 ชั่วโมงไปแล้ว กลุ่มพันธมิตรฯ ยังไม่ได้รับคำตอบใดๆ ทางกลุ่มจะประกาศยกระดับการชุมนุมทันที
นายปานเทพ ยังได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากการยื่นหนังสือว่า การชุมนุมต่อจากนี้ไป หากพ.ร.บ.ปรองดองทั้ง 4 ฉบับผ่านเข้าสู่วาระการพิจารณาของที่ประชุมสภาฯ ซึ่งอาจจะมีการเลื่อนไปพิจารณาต่อในวันที่ 5-7 มิ.ย.นี้ และอาจจะเป็นการลงมติแบบ 3 วาระรวด ทางกลุ่มพันธมิตรฯ จะยกระดับการชุมนุมเป็นการขับไล่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีทันที เพราะนายกฯ ถือเป็นผู้ดูแลฝ่ายนิติบัญญัติ แต่ตอนนี้กลับทำลายกระบวนการยุติธรรมจดหมดสิ้น และทุกคนก็รู้ดีอยู่แล้วว่านายกฯ เป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง
ส่วนจะเป็นการชุมนุมที่ยืดเยื้อหรือไม่นั้น นายปานเทพ กล่าวว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ความรุนแรง ไม่ได้เกิดขึ้นจากลุ่มพันธมิตรฯ แต่จะเกิดขึ้นหากรัฐบาลเป็นผู้กำหนดให้เกิด
**พันธมิตร ยื่นฉบับ 2 สภาฯ
ต่อมา เวลา 14.15 น. ภายหลังครบเวลาที่พันธมิตรฯ เรียกร้อง แกนนำพันธมิตรฯ นำโดย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายพิภพ ธงไชย นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายศรัณยู วงศ์กระจ่าง พล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมณ์ พร้อมด้วยนายปานเทพ ได้เข้ายื่นหนังสือฉบับที่ 2 ถึงนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อท้วงถามข้อเรียกร้องขอส่งตัวแทน 200 คนเข้าฟังอภิปรายเลื่อนวาระร่างพ.ร.บ.ปรองดอง หลังจากครบกำหนดเวลาที่ประกาศไว้ โดยมีนายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้แทนรับมอบ
โดยนายคัมภีร์ ได้ชี้แจงต่อคณะแกนำพันธมิตรฯว่า เบื้องต้น นายพิทูร พุ่มหรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้อนุญาตให้กลุ่มพันธมิตรฯ ส่งตัวแทนเข้ามาร่วมรับฟังการประชุมตามที่ร้องขอ แต่จะขอความร่วมมือส่งผู้แทนเข้ามาเป็นรอบๆ ละ 50 คน เพื่อสะดวกต่อการดูแลความเรียบร้อย และด้วยข้อจำกัดที่นั่งรับฟังการประชุมในที่ประชุมที่มีเพียง 145 ที่นั่งเท่านั้น อีกทั้งได้มีกลุ่มผู้เยี่ยมประสานเข้ารับฟังการประชุมมาก่อนหน้านี้ด้วย
ด้านนายพิภพ แย้งว่าหากมี 145 ที่นั่งตามที่แจ้งจริง ก็ควรให้ตัวแทนพันธมิตรฯ เข้ามามากกว่า 50 คนได้ และหากผู้เยี่ยมชมที่ประสานมาล่วงหน้ายกเลิกการเข้ารับฟัง จะขอให้ตัวแทนพันธมิตรฯ เข้ามาทั้ง 145 ที่นั่ง รวมทั้งขอให้ทางสภาผู้แทนราษฎรแจ้งมาเป็นลายลักษณ์อักษรถึงการอนุญาตและเหตุผลดังกล่าว เพื่อที่จะสามารถอธิบายต่อผู้ชุมนุมได้ นอกจากนี้ อยากให้แสดงความชัดเจนว่าจะให้เข้ารับฟังการประชุมได้เมื่อใดด้วย
ทำให้นายคัมภีร์ กล่าวรับปากว่า เบื้องต้นจะนำเรื่องแจ้งให้นายพิทูรพิจารณาอนุมัติอีกครั้ง ก่อนที่จะแจ้งให้กลุ่มพันธมิตรฯทราบ ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถอนุญาตให้เข้าร่วมฟังการประชุมได้มากว่า 50 คนตามที่ต้องการ อย่างไรก็ตาม ต้องรอให้เริ่มการประชุมเสียก่อน จึงอนุญาตให้ประชาชนเข้าห้องประชุมได้
ซึ่งภายหลังที่นายคัมภีร์ชี้แจง ทำให้คณะแกนนำพันธมิตรฯ พอใจและบอกว่าจะนำเรื่องดังกล่าวไปแจ้งต่อที่ชุมนุม โดยนายปานเทพ กล่าวด้วยว่า จะให้เวลา 1 ชั่วโมงให้ดำเนินการตามที่แจ้ง หากไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่ตกลง ก็จะยกระดับการชุมนุมตามที่ระบุไว้ในหนังสือฉบับที่ 2
ก่อนหน้านั้น นายคัมภีร์ ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตามที่กลุ่มพันธมิตรฯ ได้ยื่นเงื่อนไขส่งผู้แทนเข้ามาร่วมรับฟังการประชุมนั้น ทางสภาฯได้อนุญาตตามนั้น เพราะสภาผู้แทนราษฎรถือเป็นสถานที่ราชการมาจากเงินภาษีของประชาชน ดังนั้น ประชาชนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้ เช่นเดียวกับที่ผ่านๆ มา ซึ่งมีการอนุญาตให้มีคณะเยี่ยมชมเข้าร่วมรับฟังการประชุมอยู่โดยตลอด แต่อยากขอความร่วมมือให้กลุ่มพันธมิตรฯ ส่งผู้แทนเข้ามาเป็นชุดๆ เพื่อง่ายต่อการจัดการ ทั้งนี้ ในที่นั่งรับฟังการประชุมมีกฎระเบียบข้อห้ามในการส่งเสียงหรือแสดงความคิดเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย จึงเชื่อว่าผู้แทนพันธมิตรฯ จะให้ความร่วมมือ
ผู้สื่อข่าวถามว่า การอนุญาตให้ผู้แทนพันธมิตรฯ เข้ารับฟังการประชุมดังกล่าว นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร รับทราบหรือไม่ นายคัมภีร์ กล่าวว่า ได้นำเรื่องดังกล่าวแจ้งให้นายสมศักดิ์ทราบแล้ว แต่การอนุญาตให้ประชาชนเข้ารับฟังการประชุมในที่ประชุมนั้น เป็นอำนาจโดยตรงของนายพิทูร ในฐานะเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาระเบียบวาระเพื่อเลื่อนร่างพ.ร.บ.ปรองดองฯ ยังไม่สามารถเริ่ม ทางสภาผู้แทนราษฎรจึงยังไม่อนุญาตให้ผู้แทนกลุ่มพันธมิตรฯ เข้ามาในพื้นที่รัฐสภา
** ตำรวจระดม14 กองร้อยรับมือ
ส่วนการรักษาความปลอดภัยในวันที่ 2 บริเวณแยกอู่ทองใน ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการปิดถนนตั้งแต่บริเวณแยกอู่ทองในจนถึงแยกการเรือนและมีการนำแผงเหล็ก 2 ชั้น มีการนำแผ่นคอนกรีต 4 ชั้น และลวดหนามเพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมขัดขวางการเดินทางเข้ารัฐสภาของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ทั้งนี้ กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้จัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ จำนวน 14 กองร้อย รวมกว่า 2,000 นาย โดยเพิ่มจากวันแรก 900 นาย รวมทั้งระดมเครื่องมือไฮเทคเต็มอาคารรัฐสภาฯ เช่น เครื่องเสียงที่ทำลายประสาทหู
ช่วงบ่ายที่ ถ.พิชัย กลุ่มเสื้อหลากสี จำนวนหนึ่งเข้าเจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอให้เปิดการจราจรบริเวณแยกอู่ทองในเพื่อให้กลุ่มผู้ชุมนุม เดินทางผ่านเส้นทางนี้ โดยกลุ่มส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางมาให้กำลังใจผู้ชุมนุมกลุ่มเสื้อหลากสีและกลุ่มช่องทีวีบลูสกาย ขณะที่ผู้ชุมนุมไม่สามารถเดินทางเข้ามาสมทบได้ทำให้มีจำนวนผู้เข้าร่วมค่อนข้างบางตา
อย่างไรก็ตาม ตชด.นเรศวร พร้อมโล่และเครื่องป้องกันจำนวนกว่า 100 นาย ได้เสริมกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกชั้น หลังมีข่าวลือว่าผู้ชุมนุมจะบุกยึดรัฐสภา ขณะเดียวกันในเวลา14.05น. ได้เกิดเสียงดังคล้ายประทัดดังขึ้นหนึ่งครั้งสร้างความแตกตื่นให้กับผู้ชุมนุมฝั่งนี้
**"จตุพร"คุยเบรกเสื้อแดงไม่ให้ออกมา
นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช. ให้สัมภาษณ์ในรายการเจาะลึกทั่วไทยอินไซด์ไทยแลนด์ ทางสปริงนิวส์ ว่า การแสดงออกของพรรคประชาธิปัตย์ที่บุกบัลลังก์ประธานสภา ก็รู้กันทางการเมืองว่ายอมรับกันไม่ได้ แต่เป็นการเดิมพันที่ทำทุกวิถีทางเพื่อล้มกระดานให้ได้ และเดินต่อเรื่องรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 5 มิ.ย. และวันนี้ก็เป็นขบวนการเดียวกันไม่ว่าจะชื่อหลากสี พันธมิตรฯ หรือประชาธิปัตย์ โดยมีการแบ่งภาระหน้าที่กัน ซึ่งไม่ใช่สิ่งใหม่ นับตั้งแต่สมัยรัฐบาลสมัคร ที่มีความพยายามล้มรัฐธรรมนูญ และต่อเรื่องปราสาทพระวิหาร มาวันนี้พยายามล้ม พ.ร.บ.ปรองดอง โดยระดมพลกันเพื่อไม่ให้เดินต่อไปได้ จากนั้นจุดเชื้อต่อที่ทำเนียบรัฐบาล เพราะรู้ว่าคนเสื้อแดงจะทนไม่ได้ ต้องออกมา ตนจึงต้องระงับเสื้อแดงไม่ให้ออกมา
“ลำพังน้ำหน้าประชาธิปัตย์ยิ่งแสดงพฤติกรรมอย่างนี้ แม้แต่พันธมิตรฯ เสื้อหลากสี รวมกันอย่างไร ก็ล้มรัฐบาลไม่ได้ พวกผมประเมินสถานการณ์อย่างนิ่งสงบ หากประเมินจำนวนคน พวกผมมากกว่าหลายเท่า ถ้าประชาธิปัตย์ไม่ได้รับสัญญาณจะแสดงอย่างนี้หรือ เพราะประวัติศาสตร์ไม่เคยมี แต่ครั้งนี้เขาแลกเลย ผมรู้ว่าไม่มีส.ส.คนไหนที่กล้าไปทำอย่างนั้น เพราะจะเป็นภาพติดตัวส.ส.คนนั้น”นายจตุพร กล่าว
**เสื้อแดงจังหวัดเริ่มเคลื่อนไหว
ที่ จ.ขอนแก่น กลุ่มคนเสื้อแดงขอนแก่นประมาณ 200 คน นำโดยนายนพดล ศรีดาทัน ทนายนปช. ขอนแก่น และแกนนำคนเสื้อแดง ร่วมชุมนุมแสดงจุดยืนสนับสนุนร่างพ.ร.บ.ปรองดอง ที่มีการยื่นเข้าสู่สภา และเรียกร้องกู้ศักดิ์ศรีให้กับนายสมศักดิ์ ซึ่งเป็นส.ส.พรรคเพื่อไทยจังหวัดขอนแก่น โดยได้อ่านประกาศแถลงการณ์ว่า “คนเสื้อแดงขอนแก่นสนับสนุนพ.ร.บ.ปรองดองของรัฐบาล” เพราะร่างพ.ร.บ.ปรองดอง ที่มีการยื่นเข้าสู่สภา เป็นการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง อันเป็นผลกระทบกับความมั่นคง และส่งผลต่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ดังนั้น พ.ร.บ.ปรองดอง จึงถือเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน
ที่ จ.ยะลา บรรยากาศตามร้านน้ำชา-กาแฟ ในเขตเทศบาลนครยะลา อ.เมืองยะลา มีชาวบ้านจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่อง พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติฉบับนี้กันอย่างหนาหู
