“เฉลิม” ไม่ชงร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแล้ว แต่ยันหนุนในหลักการ ขอศึกษาก่อนยังไม่พูดกลัวถูกหาว่าแย่งซีน ระบุไม่น้อยใจถูกตัดหน้า ลั่นนักการเมืองใครไม่เห็นด้วยระบอบสภาก็ลาออกไป เชื่อกฏหมายผ่านแน่ อ้างไม่ได้ใช้เสียงข้างมากลากไป การันตีไม่รุนแรงม็อบต้าน จ่อเรียกตำรวจภูธร-ตชด.เสริมทัพ เห็นดี 40 ส.ว.จ่อฟ้องศาลรัฐธรรมนูญตีความ บอกไม่เคยพูดพันธมิตรฯ จุดไม่ติด
วันนี้ (29 พ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 09.15 น. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนเข้าประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ และส.ส.พรรคเพื่อไทย เตรียมอภิปรายร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติรวม 4 ฉบับ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 30 พ.ค.ที่จะถึงนี้ และจะมีการชุมนุมคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว โดยกลุ่มพันธมิตรฯ รวมทั้งชุมนุมสนับสนุนโดย นปช.ว่า ตนจะไม่เสนอร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติฉบับที่ตนยกร่างเพราะมีผู้เสนอแล้ว แต่ตนเห็นด้วยในหลักการเพราะเคยพูดร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้มาเมื่อ 3 ปีที่แล้ว แต่ตอนนั้นยังไม่มีใครเห็นด้วยจึงไม่ตกผลึก เมื่อส.ส.พรรคเพื่อไทยเสนอแล้ว ก็ต้องให้ผู้เสนอร่าง พ.ร.บ.แสดงบทบาท ตนยังไม่ได้อ่านรายละเอียดของร่าง พ.ร.บ.ทั้งสามฉบับ หากวันนี้มีโอกาสจะขอมาศึกษา ตนยืนยันอีกครั้งว่าไม่ใช่ร่าง พ.ร.บ.ฉบับที่ตนยกร่างไว้และการเสนอร่าง พ.ร.บ.หลายฉบับนั้นกระทำได้เวลาที่อภิปรายในรัฐสภาจะถือว่าอภิปรายรวมแต่เมื่อเข้าสู่ชั้นกรรมาธิการ ต้องขออนุญาตรัฐสภาว่าจะใช้ร่างใดเป็นหลัก แต่ในวาระแรกนั้นหลายฝ่ายจะแสดงความเห็น แต่กฎหมายจะตกผลึกในชั้นกรรมาธิการและชัดเจนเมื่อเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาวาระที่ 2
เมื่อถามว่า ในฐานะตัวตั้งตัวตีเสนอร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้แต่สุดท้ายไม่มีใครนำมาใช้นั้นเป็นเพราะอะไรและน้อยใจหรือไม่และมีปัญหาอะไร ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า อย่าใช้คำว่าตนเป็นตัวตั้งตัวตีตนจบกฎหมายปริญญาตรี โทและเอก จึงเข้าใจกฎหมายระดับหนึ่งแต่ช่วงวันที่ตนเข้าใจแต่หลายฝ่ายยังไม่เข้าใจ ตนก็ห้ามไม่ได้แต่เมื่อวันนี้เข้าใจกันแล้วตนก็ดีใจ ไม่ได้อิจฉาริษยาหรือน้อยเนื้อต่ำใจใดๆ ทั้งสิ้นและมันเป็นเรื่องที่ดีเพราะบ้านเมืองจะได้สงบเรียบร้อย
“เพราะทางนั้นยื่นร่างแล้วและผมจะยื่นทำไม ผมอาจจะอภิปรายสนับสนุน ส่วนสาระของร่างกฎหมายที่มีการยื่นเข้ามาจะเหมือนหรือต่างกับของผมนั้น ไม่เหมือนกัน แต่ผมไม่ขอพูดรายละเอียด เดี๋ยวจะหาว่าอิจฉาริษยา ไม่รู้สึกว่าโดนตัดหน้า เพียงแค่เห็นพ้องกับผมในวันนี้ก็ดีใจแล้วเพราะจากแรกที่ไม่มีใครเห็นด้วยตั้งแต่การตั้งกมธ.วิสามัญศึกษาและแก้ไขสถานการณ์การเมืองและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ผมเคยบอกว่ามันไม่ได้หรอก มันต้องเป็นกฎหมายปรองดอง ย้ำว่าผมไม่ใช่คนใจน้อยที่ขี้น้อยใจ” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ร่าง พ.ร.บ.ฉบับที่ พล.อ.สนธิเสนอนั้น ระบุว่า คดีที่พิจารณาถึงที่สิ้นสุดแล้ว จะต้องยกเลิกไปด้วย มีความเห็นเช่นใด รวมทั้งร่าง พ.ร.บ.ฉบับที่ นปช.เสนอว่าจะไม่นิรโทษกรรมผู้ที่สั่งสลายการชุมนุมของ นปช. รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่แสดงความเห็น ต้องให้เจ้าของร่าง พ.ร.บ.ฉบับนั้นๆ อธิบาย เพราะเดี๋ยวตนจะโดนกล่าวหาว่าแย่งซีน หากเป็นร่าง พ.ร.บ.ฉบับที่ตนยกร่างนั้นตนอธิบายได้
เมื่อถามว่า ฝ่ายตรงข้ามที่ยังคัดค้านในเรื่องนี้และเตรียมจะชุมนุมโดยอ้างว่าเป็นการออกกฎหมายเพื่อประโยชน์ของคนคนเดียว รองนายกฯ กล่าวว่า ระบอบประชาธิปไตยต้องใช้รัฐสภาเป็นหลัก การรัฐประหารครั้งล่าสุดเป็นการใช้อำนาจนอกระบบ การแก้ไขในวันนี้ทั้งหมดเสนอร่างกฎหมายนี้จากในระบบหากคุณเป็นนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตยแต่ปฏิเสธระบบ คุณก็ลาออกไป มันต้องมีความชัดเจน ส่วนที่บอกว่าเสียงข้างมากลากไปนั้น ขอเรียนว่าไม่ใช่ เสียงข้างมากเป็นรัฐบาล เสียงข้างน้อยเป็นฝ่ายค้าน ทั่วโลกเป็นแบบนี้ แล้วจะตีโพยตีพายทำไม อย่างนั้นหากทำอะไรที่ไม่ตามใจคุณ คุณก็ออกมาอาละวาดฟาดงวงฟาดงา อย่างนี้ไม่ยุติธรรม ต้องใช้รัฐสภาเป็นหลัก
เมื่อถามว่า รัฐบาลจะดูแลการชุมนุมที่จะเกิดขึ้นอย่างไร รองนายกฯ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ตนโดยตรงที่จะอำนวยความสะดวกทุกขั้นตอน อย่าไปสกัดกั้นสังคมจะเป็นผู้ตัดสินว่าฝ่ายใดถูก ฝ่ายหนึ่งผิด บ้านเมืองมีกติกา ตนยืนยันไม่ใช่ความรุนแรงเด็ดขาด ตนสั่ง ผบ.ตร.กับ ผบช.น.แล้วและเห็นตรงกัน ตนมั่นใจว่าผู้ที่แสดงความเห็นคัดค้านนั้นมีเหตุผล หากมีเหตุผลประชาชนจะสนับสนุนหากไม่มีเหตุผลประชาชนก็ไม่สนับสนุนเพราะบ้านเมืองเดินมาไกลแล้ว เมื่อถามว่า กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเพียงพอกับการดูแลสถานการณ์หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า พอ หากไม่พอจะเรียกกำลังจากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1, 2, 7 และตำรวจตระเวนชายแดนมาช่วยเสริมตำรวจนครบาล ยืนยันไม่ใช่มากดดันแต่มาช่วยรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกในทุกคณะที่มาคัดค้าน
เมื่อถามว่า การที่ระบุว่าไม่ปิดกั้นการชุมนุมนั้นจะเป็นเช่นใด จะปล่อยให้ชุมนุมแบบใดหรือจะให้มีการปิดล้อมรัฐสภาเหมือนที่ผ่านๆ มา รองนายกฯ กล่าวว่า อย่าเพิ่งพูดแบบนั้น ฝนไม่ตก แดดไม่ออกอย่าเพิ่งกางร่ม เมื่อถามว่าการประชุมของตำรวจนั้นได้รายงานการประเมินความรุนแรงของสถานการณ์การชุมนุมให้ทราบแล้วหรือไม่ว่าจะมีความรุนแรงหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่มีอะไรรุนแรงมันต้องค่อยๆ คิด ค่อยๆ ทำเพราะมันเป็นวาระแรก จะเข้มข้นช่วงเข้าสู่การพิจารณาของ กมธ.และเข้าสู่วาระที่ 2 ของรัฐสภา
“ระบอบประชาธิปไตยหากไม่เอารัฐสภาเป็นหลัก แล้วจะเอาอะไรเป็นหลัก” รองนายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า กลุ่ม 40 ส.ว.จะยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาเพราะร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวเป็นการล้มล้างรัฐธรรมนูญ รองนายกฯ กล่าวว่า เป็นสิทธิทั้งหมดทำได้ทั้งนั้น อย่างนี้ตนเห็นด้วย หากอะไรที่เห็นว่าไม่ถูกต้องแล้วฟ้องร้องต่อศาลแบบนี้ ตนเห็นว่ามันถูกต้องตรงนี้เดินตามกติกาที่ตนเห็นด้วยเพราะสิ่งใดที่บางฝ่ายคิดแตกต่างและมองว่าขัดรัฐธรรมนูญนั้นก็เป็นสิทธิแต่หากจะทำให้บ้านเมืองไม่สงบนั้นตนไม่เห็นด้วยเพราะต้องยึดรัฐสภาเป็นหลัก เมื่อถามว่า รองนายกฯเคยพูดว่ากลุ่มพันธมิตรฯ จะจุดไฟการชุมนุมไม่ติดแล้ว รองนายกฯ กล่าวว่า ตนไม่เคยพูดว่าจุดติดหรือไม่ติดนะเพราะตนไม่เคยดูหมิ่นดูแคลน แต่การเมืองที่มันเปลี่ยนไปอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น แต่ตนภาวนาว่าอย่าให้มีความรุนแรง โดยกำชับตำรวจในเรื่องนี้แล้วว่าห้ามรุนแรงเด็ดขาด
เมื่อถามว่า ร่าง พ.ร.บ.ทั้งหมดนี้นั้นบางฝ่ายมองว่าเอื้อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และอาจนำประเทศกลับสู่การนองเลือดอีกครั้ง รวมทั้งร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวจะผ่านการพิจารณาของรัฐสภาหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่ใช่ทุกภาคส่วนได้ประโยชน์ ย้ำว่าตนไม่ได้ศึกษารายละเอียด ส่วนจะผ่านหรือไม่นั้นขอประเมินอีก 48 ชั่วโมง เเต่แนวโน้มคงจะผ่านเพราะรัฐสภาใช้ระบบเสียงข้างมาก เสียงข้างน้อยจะผ่านได้อย่างไร เมื่อถามว่ารายละเอียดของบางร่าง พ.ร.บ.นั้นระบุให้คืนเงินให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วย รองนายกฯ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้อ่านแต่บางครั้งนั้นกฎหมายอย่าอ่านผิวเผิน มันต้องอ่านละเอียดหากตนแสดงความเห็นเร็วไปเดี่ยวจะเสียฟอร์มดอกเตอร์ทางกฎหมายหมด เพราะยังไม่ได้อ่านแล้วรู้หมดได้เช่นใด กฎหมายนั้นละเอียด สามประโยคก็มีความแปรเปลี่ยนได้แล้ว เพราะวิธีคิดและเขียนนั้นไม่เหมือนกัน และไม่ขอวิจารณ์เพราะจะเสียมารยาทตนไม่เสียดายร่าง พ.ร.บ.ที่ยกร่างแต่ไม่ได้นำมาใช้เลย เพราะไม่ใช่สมบัติของตน เพราะมันเป็นสมบัติทางความคิด
“ส่วนผู้ที่ดูแลเหตุการณ์การชุมนุมนั้นไม่มี เพราะไม่มีอะไรขนาดนั้น สบายๆ เพราะสั่งตำรวจไปแล้วว่าไม่ใช้กำลังและความรุนแรง รวมทั้งอำนวยความสะดวก เอาอย่างนี้แล้วกันว่าผมเป็นคนใกล้ชิดสถานการณ์ มั่นใจว่าจะไม่บานปลาย ส่วนเครื่องมือการดูแลการชุมนุมนั้นมีแล้วแต่คงไม่ถึงขั้นนั้น ยืนยันไม่ใช้อาวุธจริง” รองนายกฯ ระบุ
เมื่อถามว่า ร่าง พ.ร.บ.บางฉบับให้ยกเลิกการดำเนินคดีที่สิ้นสุดแล้วในชั้นศาลด้วย หากเป็นแบบนี้บ้านเมืองจะลุกเป็นไฟอีกครั้งหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า เริ่มต้นมันมาจากอะไร ถูกต้องหรือไม่ เพราะมันมาจากการรัฐประหาร เมื่อถามว่า แต่รองนายกฯเคยพูดไว้ว่าร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติที่ได้ยกร่างไว้ระบุว่าคดีที่สิ้นสุดแล้วจะมีผลย้อนหลังไม่ได้ รองนายกฯ กล่าวว่า “ใครบอก ผมไม่เคยพูด อย่างนี้ไม่มีวันหลุดออกจากปากผม อีกร้อยชาติก็ไม่หลุด แต่ขอให้ผมศึกษาละเอียดและผมอาจอภิปรายสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.รวมทั้งหมดและวันนั้นจะรู้ เรื่องนี้นั้นหากอธิบายให้สังคมเข้าใจและตกผลึกทางความคิดปัญหาไม่เกิดหากพูดฝ่ายเดียวปัญหาจะเกิด มันต้องดูที่มาที่ไปทั้งหมด เห็นใจพลเอกสนธิเถอะ”
เมื่อถามว่า เงื่อนเวลาในช่วงนี้เหมาะสมแล้วหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า คนที่ยื่นร่าง พ.ร.บ.เห็นว่าเหมาะและตนเห็นว่าเหมาะตั้งแต่สามปีที่แล้วแต่ไม่มีใครเอา จะให้ทำเช่นใด เมื่อถามว่า จะทำอย่างไรให้ฝ่ายคัดค้านเข้าใจ รองนายกฯ กล่าวว่า จะให้ทำเช่นใดนอกจากอธิบายให้เข้าใจ เท่าที่ตนตรวจสอบแนวร่วมและแนวรบนั้น คนที่คัดค้านคือคนที่ขับไล่รัฐบาลพรรคไทยรักไทยและเป็นหนังสือพิมพ์เจ้าเก่า แต่มันก็เป็นสิทธิ เมื่อถามว่าประเมินว่าพันธมิตรฯ จะมาชุมนุมนั้นพลังอ่อนแอลงหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่กล้าประเมินแบบนั้น แข็งแรงจะตายนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ซึ่งเป็นเพื่อนของตนนั้นแข็งแรงมาก ตนรักกับนายสนธิตั้งแต่ปี 2517 คนกันเองแท้ๆ แต่ตอนนี้ไม่ได้เกลียดกัน ตนเชื่อว่าตนเป็นคนเดียวที่หากมีความกล้าโทรศัพท์ไปหานายสนธิแล้วนายสนธิน่าจะรับสาย แต่ตนไม่กล้าเพราะนายสนธิไปไกลแล้ว เพราะการเมืองมันมองต่างมุมได้ เมื่อถามว่าพันธมิตรฯ ประกาศว่าจะเป็นสงครามครั้งสุดท้ายที่กู้บ้านเมือง รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่มี คนไทยกันเอง ไม่มีสงคราม มีแค่สงครามความคิด สงครามความรัก สงครามความผูกพัน การฆ่าแกงกันนั้นไม่มี เมื่อถามว่าความขัดแย้งทางสังคมไทยตั้งแต่ปี 2549 จนถึงวันนี้ความเสียหายที่เกิดขึ้นใครจะรับผิดชอบ รองนายกฯ กล่าวว่า ตนไม่แสดงความเห็น ต้องให้คนที่เสนอร่าง พ.ร.บ.แสดงบทบาท เพราะเดี๋ยวจะหาว่าตนไปแย่งซีนหากเป็นร่าง พ.ร.บ.ของตนนั้นตนก็แสดงบทบาท