**กฎหมายฟอกโจรพ้นผิดที่กำลังจะนำเข้าสู่สภา เลื่อนมาพิจารณา ในวันที่ 31 พ.ค. 55 ถือเป็นการแสดงธาตุแท้ของ นักโทษชายทักษิณ อีกครั้งว่า "ชีวิตนี้สละชาติเพื่อชีพมาโดยตลอด"
นอกจากสาระกฎหมายจะก่อให้เกิดกลียุคในบ้านเมือง เพราะนิรโทษกรรมให้โจรปล้นชาติแล้ว การเลือกห้วงเวลาขับเคลื่อน ก็เลวร้ายไม่แตกต่างกัน
ไม่ใช่ว่ารัฐบาล ยิ่งลักษณ์ น้องสาวนักโทษจะไม่รู้ว่าประเทศไทยมีงานใหญ่ในการเป็นเจ้าภาพการประชุมเวิล์ดอีโคโนมิกฟอรั่ม ที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 31 พฤษภาคม 25555 เป็นโอกาสที่รัฐบาลไทยจะได้ประชาสัมพันธ์ว่าบ้านเมืองของเรามีเสถียรภาพ มีความเข้มแข็งด้านเศรษฐกิจ
แต่รัฐบาลภายใต้การนำของ ยิ่งลักษณ์ กลับประจานตัวเอง ด้วยการทำให้บรรยากาศการเมืองตึงเครียด ในช่วงที่ไทยเป็นเจ้าภาพประชุมเวิล์ดอีโคโนมิก ฟอรั่ม
**ด้วยการนำกฎหมายช่วยโจรเข้าสภา จนประชาชนอดรนทนไม่ได้ ต้องออกมาชุมนุมหน้ารัฐสภาเพื่อต่อต้านการล้างผิดให้ทรราชย์
ภาพของประเทศที่สื่อต่างชาติทั่วโลกเดินทางมาทำข่าวการประชุมครั้งนี้ ก็จะพ่วงด้วยสถานการณ์ความตึงเครียดทางการเมืองติดไปด้วย
ถามว่าใครทำให้ภาพเหล่านี้เกิดขึ้น ถ้าไม่ใช่ความเห็นแก่ตัวของ ทักษิณ และความไร้สำนึกต่อชาติบ้านเมือง ของบรรดาลูกสมุน ที่กำหนดแต่วาระเพื่อทักษิณ มีแต่ปฏิทินการเมืองโดยไม่สนใจปฏิทินเพื่อบ้านเมือง แม้แต่น้อย
ทั้ง ๆ ที่รัฐบาลอยู่ในวิสัยที่จะเลื่อนการเสนอกฎหมายระยำนี้ออกไป เพื่อไม่ให้ชนกับงานที่ไทยเป็นเจ้าภาพ แต่รัฐบาลชุดนี้ก็ไม่ทำ และยังดึงดันสุมไฟกลางเมือง ด้วยการใช้เสียงข้างมากปฏิวัติประเทศล้มอำนาจตุลาการ โดยไม่สนใจว่าบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร
ไม่สนใจว่าความแตกแยกจะร้าวลึกมากขึ้นหรือไม่ ขอใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ของตัวเองเป็นพอ ส่วนบ้านเมือง "ช่างแม่มัน"
**เสนอร่างกฎหมาย อ้าง "ปรองดอง" แต่กลับประกาศก้องผ่าน วัฒนา เมืองสุข ล็อบบี้ยิสต์ล้างผิดให้ทักษิณว่า "ใครค้าน ก็ต้องสู้กัน"
มันไม่ใช่ท่าทีที่จะทำให้บ้านเมือง "ปรองดอง" แต่เป็นการแสดงอำนาจบาทใหญ่ ว่าประเทศนี้อยู่ใต้อุ้งตีน ทักษิณ จะสั่งขวาหัน ซ้ายหัน ก็ห้ามคัดค้านโดยเด็ดขาด นอกจากยืนกุมไข่ก้มหน้ารับสภาพการถูกปกครองโดยอันธพาลเท่านั้น
สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้น่าจะทำให้พี่น้องเสื้อแดงได้ตาสว่างกับธาตุแท้ของ ทักษิณ ที่ถีบเรือแจว วิ่งไปขึ้นรถของ บังเละ-สนธิ บุญยรัตกลิน โดยไม่อนาทรร้อนใจต่อซากศพที่เขาใช้เป็นบันไดให้น้องสาวป่ายปีนขึ้นสู่อำนาจ
ความอำมหิตของ ทักษิณ ที่มีต่อชาติบ้านเมืองในครั้งนี้ ทำให้อดคิดถึง คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ในคดียุบพรรคไทยรักไทย เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 50 ไม่ได้ ในครั้งนั้นศาลรัฐธรรมนูญได้อ่านคำวินิจฉัย มีเนื้อหาสะท้อนแก่นแท้ของพรรคการเมืองที่มี ทักษิณ เป็นเจ้าของได้อย่างชัดเจนยิ่ง
"พรรคไทยรักไทยมิได้มีอุดมการณ์ทางการเมืองที่มุ่งพัฒนาประเทศชาติ เพื่อให้คนในชาติมีความสุขทั่วหน้า ดังที่ได้รณรงค์หาเสียงไว้ต่อประชาชนอย่างแท้จริง หากแต่มุ่งประสงค์เพียงดำเนินการในทุกวิถีทาง เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ นอกเหนือไปจากครรลองที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ ตลอดจนกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง จนยากที่จะหาอุดมการณ์อันแท้จริงให้เกิดความมั่นใจแก่ประชาชนโดยรวมว่า
เมื่อเป็นรัฐบาลมีอำนาจบริหารราชการแผ่นดินแล้วจะดำเนินการปกครองโดยสุจริต ไม่ประพฤติมิชอบ หรือบริหารราชการแผ่นดินโดยแอบแฝงไว้ซึ่งผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง จึงไม่อาจดำรงความเป็นพรรคการเมืองที่จะสร้างสรรค์ และจรรโลงความชอบธรรมทางการเมืองแก่ระบอบการปกครองของประเทศโดยรวมได้อีกต่อไป จึงมีเหตุอันสมควรยุบพรรคไทยรักไทย"
ศาลรัฐธรรมนูญ ยังระบุประเด็นที่ทำให้ยุบพรรคไทยรักไทยไว้ 3 เรื่องหลัก คือ
1. จ้างพรรคเล็กลงสมัคร เป็นการกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยไม่เป็นไปตามวิถีทางรัฐธรรมนูญ และกฎหมายพรรคการเมือง
2 . สร้างภาพลวงตาว่ามีการแข่งขันตามระบอบประชาธิปไตย ส่งผลให้การปกครองระบอบประชาธิปไตยสั่นคลอน ไม่มั่นคง เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ
3. การสมรู้ร่วมคิดกับเจ้าหน้าที่ กกต. แก้ไขฐานข้อมูลให้ผู้ขาดคุณสมบัติ สามารถลงสมัครได้ เป็นการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ข้อมูลข้างต้นคือ คำวินิจฉัยในคดียุบพรรคไทยรักไทย วันที่ 30 พ.ค. 50 ไม่น่าเชื่อว่าเวลาผ่านมา 5 ปี พรรคการเมืองที่ ทักษิณ เป็นเจ้าของถูกยุบไปแล้ว 2 ครั้ง เปลี่ยนมาแล้ว 3 ชื่อ จากไทยรักไทย เป็นพลังประชาชน จนมาถึง เพื่อไทยในปัจจุบัน แต่สันดานไม่เคยเปลี่ยน ยังคงไร้อุดมการณ์เพื่อบ้านเมือง แย่งชิงอำนาจเพื่อประโยชน์ตนเองและพวกพ้อง ไม่มีที่สิ้นสุด
**5 ปีที่ ทักษิณ ทำลายประเทศ และจะยังทำร้ายบ้านเมืองต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ถ้าคนไทยไม่ลุกขึ้นมาต่อสู้ ปล่อยให้ทรราชย์กินเมือง ประเทศนี้ก็ยากนักที่จะคงความเป็นชาติเอาไว้ได้
นอกจากสาระกฎหมายจะก่อให้เกิดกลียุคในบ้านเมือง เพราะนิรโทษกรรมให้โจรปล้นชาติแล้ว การเลือกห้วงเวลาขับเคลื่อน ก็เลวร้ายไม่แตกต่างกัน
ไม่ใช่ว่ารัฐบาล ยิ่งลักษณ์ น้องสาวนักโทษจะไม่รู้ว่าประเทศไทยมีงานใหญ่ในการเป็นเจ้าภาพการประชุมเวิล์ดอีโคโนมิกฟอรั่ม ที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 31 พฤษภาคม 25555 เป็นโอกาสที่รัฐบาลไทยจะได้ประชาสัมพันธ์ว่าบ้านเมืองของเรามีเสถียรภาพ มีความเข้มแข็งด้านเศรษฐกิจ
แต่รัฐบาลภายใต้การนำของ ยิ่งลักษณ์ กลับประจานตัวเอง ด้วยการทำให้บรรยากาศการเมืองตึงเครียด ในช่วงที่ไทยเป็นเจ้าภาพประชุมเวิล์ดอีโคโนมิก ฟอรั่ม
**ด้วยการนำกฎหมายช่วยโจรเข้าสภา จนประชาชนอดรนทนไม่ได้ ต้องออกมาชุมนุมหน้ารัฐสภาเพื่อต่อต้านการล้างผิดให้ทรราชย์
ภาพของประเทศที่สื่อต่างชาติทั่วโลกเดินทางมาทำข่าวการประชุมครั้งนี้ ก็จะพ่วงด้วยสถานการณ์ความตึงเครียดทางการเมืองติดไปด้วย
ถามว่าใครทำให้ภาพเหล่านี้เกิดขึ้น ถ้าไม่ใช่ความเห็นแก่ตัวของ ทักษิณ และความไร้สำนึกต่อชาติบ้านเมือง ของบรรดาลูกสมุน ที่กำหนดแต่วาระเพื่อทักษิณ มีแต่ปฏิทินการเมืองโดยไม่สนใจปฏิทินเพื่อบ้านเมือง แม้แต่น้อย
ทั้ง ๆ ที่รัฐบาลอยู่ในวิสัยที่จะเลื่อนการเสนอกฎหมายระยำนี้ออกไป เพื่อไม่ให้ชนกับงานที่ไทยเป็นเจ้าภาพ แต่รัฐบาลชุดนี้ก็ไม่ทำ และยังดึงดันสุมไฟกลางเมือง ด้วยการใช้เสียงข้างมากปฏิวัติประเทศล้มอำนาจตุลาการ โดยไม่สนใจว่าบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร
ไม่สนใจว่าความแตกแยกจะร้าวลึกมากขึ้นหรือไม่ ขอใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ของตัวเองเป็นพอ ส่วนบ้านเมือง "ช่างแม่มัน"
**เสนอร่างกฎหมาย อ้าง "ปรองดอง" แต่กลับประกาศก้องผ่าน วัฒนา เมืองสุข ล็อบบี้ยิสต์ล้างผิดให้ทักษิณว่า "ใครค้าน ก็ต้องสู้กัน"
มันไม่ใช่ท่าทีที่จะทำให้บ้านเมือง "ปรองดอง" แต่เป็นการแสดงอำนาจบาทใหญ่ ว่าประเทศนี้อยู่ใต้อุ้งตีน ทักษิณ จะสั่งขวาหัน ซ้ายหัน ก็ห้ามคัดค้านโดยเด็ดขาด นอกจากยืนกุมไข่ก้มหน้ารับสภาพการถูกปกครองโดยอันธพาลเท่านั้น
สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้น่าจะทำให้พี่น้องเสื้อแดงได้ตาสว่างกับธาตุแท้ของ ทักษิณ ที่ถีบเรือแจว วิ่งไปขึ้นรถของ บังเละ-สนธิ บุญยรัตกลิน โดยไม่อนาทรร้อนใจต่อซากศพที่เขาใช้เป็นบันไดให้น้องสาวป่ายปีนขึ้นสู่อำนาจ
ความอำมหิตของ ทักษิณ ที่มีต่อชาติบ้านเมืองในครั้งนี้ ทำให้อดคิดถึง คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ในคดียุบพรรคไทยรักไทย เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 50 ไม่ได้ ในครั้งนั้นศาลรัฐธรรมนูญได้อ่านคำวินิจฉัย มีเนื้อหาสะท้อนแก่นแท้ของพรรคการเมืองที่มี ทักษิณ เป็นเจ้าของได้อย่างชัดเจนยิ่ง
"พรรคไทยรักไทยมิได้มีอุดมการณ์ทางการเมืองที่มุ่งพัฒนาประเทศชาติ เพื่อให้คนในชาติมีความสุขทั่วหน้า ดังที่ได้รณรงค์หาเสียงไว้ต่อประชาชนอย่างแท้จริง หากแต่มุ่งประสงค์เพียงดำเนินการในทุกวิถีทาง เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ นอกเหนือไปจากครรลองที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ ตลอดจนกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง จนยากที่จะหาอุดมการณ์อันแท้จริงให้เกิดความมั่นใจแก่ประชาชนโดยรวมว่า
เมื่อเป็นรัฐบาลมีอำนาจบริหารราชการแผ่นดินแล้วจะดำเนินการปกครองโดยสุจริต ไม่ประพฤติมิชอบ หรือบริหารราชการแผ่นดินโดยแอบแฝงไว้ซึ่งผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง จึงไม่อาจดำรงความเป็นพรรคการเมืองที่จะสร้างสรรค์ และจรรโลงความชอบธรรมทางการเมืองแก่ระบอบการปกครองของประเทศโดยรวมได้อีกต่อไป จึงมีเหตุอันสมควรยุบพรรคไทยรักไทย"
ศาลรัฐธรรมนูญ ยังระบุประเด็นที่ทำให้ยุบพรรคไทยรักไทยไว้ 3 เรื่องหลัก คือ
1. จ้างพรรคเล็กลงสมัคร เป็นการกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยไม่เป็นไปตามวิถีทางรัฐธรรมนูญ และกฎหมายพรรคการเมือง
2 . สร้างภาพลวงตาว่ามีการแข่งขันตามระบอบประชาธิปไตย ส่งผลให้การปกครองระบอบประชาธิปไตยสั่นคลอน ไม่มั่นคง เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ
3. การสมรู้ร่วมคิดกับเจ้าหน้าที่ กกต. แก้ไขฐานข้อมูลให้ผู้ขาดคุณสมบัติ สามารถลงสมัครได้ เป็นการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ข้อมูลข้างต้นคือ คำวินิจฉัยในคดียุบพรรคไทยรักไทย วันที่ 30 พ.ค. 50 ไม่น่าเชื่อว่าเวลาผ่านมา 5 ปี พรรคการเมืองที่ ทักษิณ เป็นเจ้าของถูกยุบไปแล้ว 2 ครั้ง เปลี่ยนมาแล้ว 3 ชื่อ จากไทยรักไทย เป็นพลังประชาชน จนมาถึง เพื่อไทยในปัจจุบัน แต่สันดานไม่เคยเปลี่ยน ยังคงไร้อุดมการณ์เพื่อบ้านเมือง แย่งชิงอำนาจเพื่อประโยชน์ตนเองและพวกพ้อง ไม่มีที่สิ้นสุด
**5 ปีที่ ทักษิณ ทำลายประเทศ และจะยังทำร้ายบ้านเมืองต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ถ้าคนไทยไม่ลุกขึ้นมาต่อสู้ ปล่อยให้ทรราชย์กินเมือง ประเทศนี้ก็ยากนักที่จะคงความเป็นชาติเอาไว้ได้