xs
xsm
sm
md
lg

แปะเจี๊ยะบดินทรฯพ่นพิษ ‘ประแสง’แตกคอ‘สุชาติ’ ถึงไขก๊อก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายประแสง มงคลศิริ ที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ ได้ทำหนังสือ

ลาออก ถึงนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 31 พ.ค.55 เนื่องจากไม่พอใจที่กลุ่มบุคคลใกล้ชิด รมว.ศธ.ใส่

ร้ายกับผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทย ว่าหันไปฝักใฝ่ฝ่ายพันธมิตรฯ โดยนายประแสง ได้ทำหนังสือชี้

แจงเรื่องนี้ต่อ นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.ศึกษาธิการ และนำหนังสือดังกล่าวมาแจกแก่ผู้สื่อ

ข่าวด้วย
ในหนังสือดังกล่าวระบุว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งมีการปราศรัยนปช.แดงทั้ง

แผ่นดินนั้น ตนได้รับมอบหมายจาก รมว.ศธ.ทางโทรศัพท์ ให้มาเจรจากับนักเรียนบดินทรเดชาฯ

ที่อดอาหารอยู่ข้างทำเนียบรัฐบาล ซึ่งมีฝ่ายพันธมิตรฯ เข้ามายุยงส่งเสริมนักเรียนบดินทรฯ ทำ

ให้นายประแสง อยู่บนเวทีปราศรัยได้แค่ 2 นาทีเศษๆ
เมื่อเดินทางมาทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 20.00 น. ก็ได้ไปนั่งพูดคุยกับนักเรียน

ระหว่างที่นั่งเจรจากับผู้ประท้วง ก็มีหน้าห้องของรมว.ศธ.มาถ่ายภาพตน จากนั้นเวลาประมาณ

22.00 น. ตนก็ได้รับโทรศัพท์จาก รมว.ศธ.อีกครั้ง บอกให้ถอนตัว
ต่อมามีกลุ่มบุคคลใกล้ชิดรมว.ศธ. ทั้งที่เป็นข้าราชการประจำ และข้าราชการการ

เมือง ได้นำภาพถ่ายดังกล่าวไปให้ข้อมูลกล่าวหา ใส่ร้ายตนกับผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยว่า ตน

ร่วมมือกับ นายวุฒิพงษ์ ฉายแสง และไปสมคบกับพวกพันธมิตรฯ ในการนำผู้ปกครองนักเรียน

บดินทรฯ มาชุมนุมอดข้าวประท้วงที่หน้าทำเนียบฯว่าเป็นการกระทำเพื่อหวังทำลาย นายสุชาติ

และทำลายพรรคเพื่อไทย จึงขอให้พรรคพิจารณาปลดตนออกจากตำแหน่ง
" การใส่ความที่เป็นเท็จผมในเรื่องนี้ เป็นกระกระทำที่บัดซบ และชั่วร้ายมาก

กระทรวงฯ คงไม่ปล่อยให้ใครก็ตามมาใส่ความกล่าวหาผมด้วยความคิดต่ำช้าแบบนี้ได้ตาม

อำเภอใจ และผมไม่อาจยอมจำนนต่อพฤติการณ์โจรจับรัฐมนตรีเป็นตัวประกัน แล้วปล้นภาษี

ประชาชน ซ้ำร้ายยังใช้วิชามารทำลายผมอย่างเป็นระบบ และไร้จริยธรรมต่อไปได้อีก ผมทำงาน

ให้รัฐบาล ทุ่มเทให้พรรค แต่โดนยัดเยียดข้อหาหนักขนาดนี้ อยู่ร่วมกันยาก จึงขอผันตัวไปทำ

งานอีกด้านหนึ่ง ไม่ใช่อยู่ฟากพันธมิตรฯ อย่างที่พวกโจรใกล้ชิดสุมหัวกันกล่าวหา แต่เป็นฟาก

ที่ผมอยู่โดยชาติกำเนิด สำนึกและกำพืดคนเสื้อแดงโดยสายเลือด และจิตวิญญาณ ส่วนสาเหตุ

ผมที่ลาออกจากที่ปรึกษา รมว.ศธ. เพราะผมยืนอยู่ในที่สว่าง และมีคนแทงหลังผม ผมก็ขอ

อนุญาตสะพายสไนท์เปอร์ไปอยู่ในที่มืด ทำหน้าที่จัดการกับคนชั่ว สูบเลือดสูบเนื้อนักเรียน นัก

ศึกษา" นายประแสง กล่าว
ส่วนที่ตนไปแจ้งความดำเนินคดีกับ น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวง

ศึกษาธิการ ขณะที่ นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.ศธ. อยู่นอกราชอาณาจักรนั้น อำนาจสั่งการ

โดยกฎหมายก็เป็นของรักษาราชการ รมว.ศธ. ณ ตอนนั้น คือ นายศักดา คงเพชร รมช.ศธ. จึง

ได้มอบหมายให้ตนดำเนินการตามคำเสนอของตน ให้ดำเนินการทั้งทางวินัย และอาญา กับน.ส.

ศศิธารา และไม่ใช่เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ไปแจ้งข้อกล่าวหา ขณะที่ รมว.ศธ. เดินทางไปต่างประเทศ

แต่เป็นเรื่องชัดแจ้ง ชัดเจน หากเสนอแล้วรักษาการ รมว.ศธ.ไม่ตัดสินใจ ก็จะกลายเป็นการ

ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตนเห็นแล้วไม่เสนอก็เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยเช่นกัน
“ สิ่งที่ผมทำนั้น มีอะไรผิดกฎหมายหรือไม่ ผมถาม ท่านอยู่ในราชอนาจักร ท่านก็มี

อำนาจ ท่านไม่อยู่คนรักษาการก็มีอำนาจ ข้องใจอะไรอีกไหม หรือไม่รู้ระเบียบปฏิบัติ หรือไม่รู้

ข้อกฎหมาย ถึงได้สงสัย นี่ผมไม่ได้ถอยนะ สงครามพึ่งจะเริ่ม ซึ่งก่อนผมแจ้งความดำเนินคดี ก็

ได้ดูระเบียบราชการเรียบร้อยแล้ว และไม่ใช่พึ่งมาดู ดูมา 2 เดือนแล้ว และไม่ใช่พึ่งมาพบ ไม่

ใช่พึ่งมาสืบ ทำมา 2 เดือนกว่าแล้ว ยอมรับชะตากรรมที่จะเกิดขึ้นกับตัวเองซะ อย่ามาเรียกร้อง

อย่างมาตีฝีปากตะแบง" นายประแสง กล่าว และว่าหลังตนไปแล้ว เรื่องนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ

และ ป.ป.ช. ก็จะดำเนินการต่อไป
ด้านนายสุชาติ กล่าวว่า น.ส.ศศิธารา เคยถูกตั้งกรรมการสืบข้อเท็จจริงมาแล้ว ดังนั้น

หากเป็นตน ก็จะนำหลักฐานที่พบเพิ่มไปให้คณะกรรมการสืบข้อเท็จจริง แต่นี่เลือกที่จะไปแจ้ง

ความดำเนินคดี ดังนั้น ใครทำกรรมอะไร ก็จะได้รับกรรมนั้น ก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวน

การยุติธรรมทั้งหมด และตนก็จะไม่ย้าย ปลัดศธ. เพราะเคยถูกย้ายจากเลขาธิการอาชีวศึกษามา

แล้ว ตนจึงต้องการให้ทุกคนพิสูจน์ตัวเองก่อน มากกว่าจะไปหาหลักฐานความผิด แล้วมาย้าย

ข้าราชการ
" เคยเป็นข้าราชการประจำมาก่อน เข้าใจดี ฝ่ายการเมืองควรให้เกียรติข้าราชการ

ประจำมากๆ ฝ่ายการเมืองมีหน้าที่กำหนดนโยบาย แต่ข้าราชการมีหน้าที่ แปลงนโยบายไปสู่

ปฏิบัติ ผมไม่แบ่งสี แต่ผมแบ่งความดี หรือความไม่ดี" นายสุชาติ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.45 น. วันเดียวกันนี้ ข้าราชการสังกัดสำนักงานปลัด

กระทรวงศึกษาธิการ ได้นำแจกันดอกไม้ และดอกกุหลาบ มอบเป็นกำลังใจให้กับน.ส.ศศิธารา

พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ภายหลังถูก นายประแสง แจ้งความดำเนินคดีใน

ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ในมาตรา 157 และถูก นายศักดา คงเพชร รมช.

ศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) ตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ระหว่างเดินทางไปเยือนประเทศออสเตรเลีย

กับนายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.ศธ. เพื่อไปลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือ

ทางการศึกษา และการฝึกอบรมระหว่างไทย-ออสเตรเลีย ฉบับใหม่
" รู้สึกงงๆ ที่ถูกตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง เพราะการถูกตั้งกรรมการสอบวินัย

ร้ายแรง ตามกระบวนการแล้ว จะต้องเรียกผู้ที่ถูกสอบไปซักถาม หรือให้ทำเรื่องชี้แจงมา หรือ

ตั้งกรรมการสืบข้อเท็จจริงก่อน และเรื่องเอกสารสูญหาย ก็ถือเป็นเรื่องเล็กๆ และเป็นเรื่องปกติ

ที่มีสูญหาย ซึ่งดิฉันก็ได้เซ็นให้มีการตั้งกรรมการสืบข้อเท็จจริง กรณีที่มีเอกสารสูญหายไปแล้ว

นอกจากนี้ ยังได้เขียนกำชับไปว่า ให้เร่งดำเนินการสืบข้อเท็จจริงประมาณเดือนมิถุนายน 2554

และเขียนไปด้วยว่า ต่อไปอย่าให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก และให้รายงานผลการสืบข้อเท็จจริงมา

ด้วย" น.ส.ศศิธารา กล่าว
ด้านนายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) กล่าวว่า

น.ส.ศศิธารา ให้นิติกรตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเอกสารสูญหาย เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 54

แต่ยังไม่ได้ลงนาม ก็พ้นจากตำแหน่งก่อน ดังนั้นเมื่อตนเข้ามารับตำแหน่งแทน ก็ได้ลงนามตั้ง

คณะกรรมการชุดดังกล่าวไป เมื่อวันที่13 ต.ค.54 และขณะนี้ผลการตรวจสอบก็ได้ข้อสรุปออก

มาแล้ว โดยเบื้องต้นพบว่า เอกสารเกี่ยวกับกระบวนการขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างบางส่วน สูญ

หายจริง อาทิ เอกสารอีอ๊อคชั่น หนังสือแจ้งการประมูล เสนอราคาจัดซื้อจัดจ้าง เป็นต้น
เลขาธิการ กอศ.กล่าวต่อว่า แต่เอาสารสำคัญอาทิ หนังสือสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง และ

เอกสารการตรวจรับยังอยู่ครบ โดยเมื่อวันที่30 พ.ค. ที่ผ่านมา นายภูมิพิชญ์ ก็ได้ทำบันทึกข้อ

ความมาขอเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และตนได้มอบให้ไปแล้ว ซึ่งหาก น.ส.ศศิธารา ต้องการ

เอกสารใดๆ ทางสอศ. ก็ยินดีให้ความร่วมมือ
กำลังโหลดความคิดเห็น