xs
xsm
sm
md
lg

“ศศิธารา” ถูกตั้ง กก.สอบวินัยร้ายแรง เหมือนรังแกผู้หญิง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ปลัด ศธ.” ชี้ ถูกตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงไม่สมเหตุสมผล เหมือนรังแกผู้หญิง ระบุ ทำตามขั้นตอนทุกอย่างไม่ได้คิดเอง ส่วนจะฟ้องกลับหรือไม่ กำลังไตร่ตรองอยู่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (31 พ.ค.) เวลา 10.45 น.ข้าราชการสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวง
ศึกษาธิการ ได้นำแจกันดอกไม้ และดอกกุหลาบมามอบเป็นกำลังใจให้กับ น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ภายหลังถูก นายประแสง มงคลศิริ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ แจ้งดำเนินคดีในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติงาน ในมาตรา 157 และถูก นายศักดา คงเพชร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) ตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ระหว่างเดินทางไปเยือนประเทศออสเตรเลีย กับนายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.ศธ.เพื่อไปลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางการศึกษาและการฝึกอบรมระหว่างไทย-ออสเตรเลีย ฉบับใหม่

น.ส.ศศิธารา กล่าวว่า ตนรู้สึกงงๆ ที่ถูกตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง เพราะการถูกตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ตามกระบวนการแล้ว จะต้องเรียกผู้ที่ถูกสอบไปซักถาม หรือให้ทำเรื่องชี้แจงมา หรือตั้งกรรมการสืบข้อเท็จจริงก่อน และเรื่องเอกสารสูญหายก็ถือเป็นเรื่องเล็กๆ และเป็นเรื่องปกติที่มีสูญหาย ซึ่งตนก็ได้เซ็นให้มีการตั้งกรรมการสืบข้อเท็จจริงกรณีที่มีเอกสารสูญหายไปแล้ว นอกจากนี้ ตนยังได้เขียนกำชับไปว่าให้เร่งดำเนินการสืบข้อเท็จจริงประมาณเดือนมิถุนายน 2554 และเขียนไปด้วยว่าต่อไปอย่าให้เกิดเหตุการเช่นนี้อีก และให้รายงานผลการสืบข้อเท็จจริงมาด้วย

สำหรับข้าราชการจะไปดำเนินการหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ เพราะแต่ละวันมีเรื่องเข้ามาเยอะ ซึ่ง 4 เดือนที่ผ่านมา ผลยังไม่ออกมา เมื่อ นายชัยพฤกษ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เข้าไปดูแล สอศ.ก็ได้ตั้งกรรมการสืบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ขึ้นอีกรอบ ในเดือน ตุลาคม 2554 ในขณะนี้ก็ผ่านมาแล้ว 8 เดือน ผลการสืบข้อเท็จจริงก็ยังไม่ออกมาเช่นกัน เพราะระบบอาจจะมีความล่าช้า เพราะคนที่ทำอาจจะมีงานเยอะ ถามว่าผิดหรือไม่ ก็คงไม่ผิด เขาก็ทำไปตามขั้นตอน

น.ส.ศศิธารา กล่าวว่า เท่าที่ดูในเอกสารการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ตนคิดว่า ยังทำไม่ค่อยรอบคอบในหลายเรื่อง การทำแบบนี้ผิดระเบียบ สุดท้ายจะมีปัญหาตามมาภายหลัง ในการทำงานน่าจะให้มีการตรวจ เสนอให้ถูกระบบ การที่เราไม่ทำให้ถูกระบบก็จะมีความผิดพลาดในเอกสารเกิดขึ้น ดังนั้น เวลาทำงานตนจึงต้องให้ผ่านระดับเจ้าหน้าที่ขึ้นมา เช่น ในเรื่องนี้ก็มีการผ่านกลุ่มนิติการ และ ผอ.สำนัก ได้ให้ข้อเสนอแนะมาแล้วไม่ใช่ตนเป็นคนคิดเอง

อย่างไรก็ตาม หากมีการเรียกตรวจสอบตนก็มีหลักฐาน เพราะเรื่องทั้งหมดได้ผ่านความเห็นของหัวหน้านิติการ สอศ.ที่ได้ยืนยันไว้ว่า สำนักนิติการได้พิจารณาแล้ว ว่า ตามในมาตรา 93(2) แห่งประมวล ระบุว่า ถ้าต้นฉบับเอกสารหาไม่ได้เพราะสูญหาย ศาลจะอนุญาตให้นำสำเนาคู่ฉบับ หรือพยานบุคคลมาสืบก็ได้ จากเหตุผลข้างต้นหากมีสำเนาคู่สัญญาอยู่ ก็สามารถใช้ได้ และยังให้ข้อคิดเห็นมาด้วย ตนก็ยังเซ็นรับทราบรายงานและข้อท้วงติงของ สำนักนิติการ และได้ให้สำนักอำนวยการไปดำเนินการเห็นชอบการเบิกจ่ายเงินให้แก่ผู้ขาย 8 ราย ตามที่นำเสนอมา เฉพาะฉะนั้น เรื่องนี้กว่าที่ตนจะเซ็นอนุมัติเห็นชอบถือว่าได้มีเจ้าหน้าที่นิติการตรวจสอบมาแล้ว และ ผอ.สำนักตรวจมาแล้ว จึงกล้าเซ็นอนุมัติให้ดำเนินการได้ นอกจากนี้ ตนยังได้เขียนหนังสือคำสั่งไปด้วยว่า ต่อไปให้ระมัดระวังให้มาก และให้หัวหน้ากลุ่มคลัง จัดระบบเอกสารให้ดี ไม่ให้มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีก

“งงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดูแล้วไม่ค่อยสมเหตุผลเท่าไหร่ ตอนอยู่ก็ไม่เรียกเราไปสอบถาม พอไปประเทศออสเตรเลียวันศุกร์ วันจันทร์มีข่าวนี้แล้ว เหมือนกับรังแกผู้หญิง ขณะนี้ได้ขอดูคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง จากนายสุชาติแล้ว เป็นการกล่าวหาในมาตรา 157 ว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ว่า ตนไม่ตั้งกรรมการสืบข้อเท็จจริง ความจริงได้สั่งตั้งกรรมการสืบข้อเท็จจริงไปแล้ว แต่การดำเนินการสืบฯมีความล่าช้า และนายชัยพฤกษ์ ก็ตั้งกรรมการสืบข้อเท็จจริงด้วยเหมือนกัน จนถึงขณะนี้ก็ยังสืบไม่เสร็จแล้วจะให้ทำอย่างไร เคยต่อว่าไปแล้ว บอกว่ายังไม่เสร็จ เพราะคนนั้นลาบวช คนนี้พ่อป่วย จริงๆ ก็คือ ละเว้น เพราะสั่งแล้วไม่ทำ ถ้าอย่างนี้ก็ตั้งกรรมการสอบได้ทุกคน จึงไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร ส่วนจะฟ้องกลับหรือไม่นั้น กำลังคิดอยู่ ขอดูในระเบียบข้าราชการว่าด้วยการตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง จะทำได้ในกรณีใด คงไม่ใช่ ไม่ชอบหน้าใครก็ไปตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง” ปลัด ศธ.กล่าวทิ้งท้าย

ด้าน นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) กล่าวว่า น.ส.ศศิธารา ให้นิติกรตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเอกสารสูญหาย เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2554 แต่ยังไม่ได้ลงนามก็พ้นจากตำแหน่งก่อน ดังนั้น เมื่อตนเข้ามารับตำแหน่งแทน ก็ได้ลงนามตั้งคณะกรรมการชุดดังกล่าวไปเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2554 และขณะนี้ผลการตรวจสอบก็ได้ข้อสรุปออกมาแล้ว โดยเบื้องต้นพบว่า เอกสารเกี่ยวกับกระบวนการขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างบางส่วนสูญหายจริง อาทิ เอกสารอี-ออกชัน หนังสือแจ้งการประมูล เสนอราคาจัดซื้อจัดจ้าง เป็นต้น

เลขาธิการ กอศ.กล่าวต่อว่า แต่เอกสารสำคัญ อาทิ หนังสือสัญญาจัดซื้อจัดจ้างและเอกสารการตรวจรับยังอยู่ครบ โดยเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม ที่ผ่านมา นายภูมิพิชญ์ ก็ได้ทำบันทึกข้อความมาข้อเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และตนได้มอบให้ไปแล้ว ซึ่งหาก น.ส.ศศิธารา ต้องการเอกสารใดๆ ทาง สอศ.ก็ยินดีให้ความร่วมมือ
กำลังโหลดความคิดเห็น