xs
xsm
sm
md
lg

40 ส.ว.- ผนึกปชป. สกัดวาระ 3 รธน.ฉบับแม้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-กลุ่ม 40 ส.ว.- ทีมกฎหมายปชป. ยื่นอัยการสูงสุด-ศาลรธน. ยื่นคำร้อง ระงับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ สกัดลงมติวาระ 3 ในวันที่ 5 มิ.ย.นี้

วานนี้(29 พ.ค.55)เวลา 09.30 น. พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม นายสมชาย แสวงการ และแพทย์หญิงพรพรรณ บุญรัตพัน ตัวแทนกลุ่ม 40 ส.ว. เดินทางมายังสำนักงานอัยการสูงสุด ยื่นหนังสือต่ออัยการสูงสุด เพื่อให้ตรวจสอบการกระทำที่ผิดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ เนื่องจากพบว่ารัฐบาลและนักการเมือง ได้เสนอขอแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2550 และผ่านวาระรับหลักการวาระ 1 และ 2 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะมีการลงมติวาระ 3 ในวันที่ 5 มิ.ย.นี้

ซึ่งการกระทำดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ที่เป็นการล้มล้างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับและระบบการปกครอง เนื่องจากการขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 รัฐธรรมนูญ ปี 2550 ได้กำหนดระเบียบขั้นตอนการแก้ไขไว้ แต่ร่างทั้ง 3 ฉบับที่ได้เสนอการแก้ไขมา ไม่ได้เป็นการเสนอการแก้ไขเพื่อที่จะแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ดังนั้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แทนฉบับเก่า ไม่ได้มีความแตกต่างจากการปฏิวัติ รัฐประหาร หรือฉีกรัฐธรรมนูญแต่ประการใด ดังนั้นจึงมองเห็นการกระทำดังกล่าวของคณะรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย พรรคร่วมรัฐบาล และบรรดาสมาชิกทั้งหลาย ที่ลงมติในวาระรับหลักการเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ

โดยพล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า ตนหวังว่าการมายื่นในครั้งนี้ ทางอัยการสูงสุดจะตระหนักถึงภัยที่จะเกิดกับประเทศ หากปรากฏหลักฐานจริงก็ขอให้รีบดำเนินการ โดยที่จะไม่ปล่อยปละละเลยให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่จะสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ ระหว่างการดำเนินการของอัยการสูงสุด ก็อยากเรียนไปยังประธานสภาฯ กรณีที่มีคนไปร้องคัดค้านก็อยากให้รับฟัง ก่อนที่จะกราบบังคมทูลยกร่างรัฐธรรมนูญ เพราะอาจจะถูกมองว่าเป็นการกระทำที่ไม่ยุติธรรม เนื่องจากยังมีปัญหาร้องเรียนมากมาย ควรที่จะให้อัยการสูงสุด และศาลรัฐธรรมนูญพิจารณากระบวนการดังกล่าวเสียก่อน

เวลา 10.00 น. ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ นำโดยนายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส. สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ และนายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ เดินทางมาสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อยื่นหนังสือต่ออัยการสูงสุด เพื่อให้วินิจฉัยการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าขัดต่อกฎหมายหรือไม่ เนื่องจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ระบุให้แก้ไขเป็นรายมาตรา แต่รัฐบาลกลับแก้ไขโดยการยกร่างทั้งหมด ถือเป็นการล้มล้างรัฐธรรมนูญ ปี 2550 โดยใช้อำนาจนิติบัญญัติ ทั้งฉบับ ซึ่งเป็นการกระทำที่ยิ่งกว่าการรัฐประหาร และยังไม่มีการทำประชามติเพื่อฟังเสียงของประชาชนกว่า 76 ล้านคน จึงถือว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญล้มล้างทั้งฉบับเช่นนี้ เป็นการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมาย ทั้งนี้จะใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 เข้ายื่นต่ออัยการสูงสุด โดยหากอัยการยังเพิกเฉย ประเทศไทยก็จะเข้าสู่ภาวะวิกฤต ซึ่งหากรอเวลาหลังวันที่ 5 มิถุนายน 2555 ที่จะมีการลงมติรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 3 จะทำให้กระบวนการต่างๆทำได้ยากยิ่งขึ้น

นายวินัย ดำรงมงคลกุล อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษและโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นตัวแทนรับมอบหนังสือกล่าวว่า ทางอัยการสูงสุดก็ไม่นิ่งนอนใจในเรื่องนี้ ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาในเรื่องนี้แล้ว ซึ่งได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงพอสมควรแล้ว ขณะนี้ก็รอเอกสารหลักฐานบางอย่าง คาดว่าจะสามารถพิจารณาและสรุปเรื่องนี้โดยเร็วจะเร่งให้ทันก่อนมีการลงมติวาระ 3 ในวันที่ 5 มิ.ย.นี้

อย่างไรก็ตามทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์จะมีการยื่นกรณีดังกล่าวต่อศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น คงต้องรอดูท่าทีของอัยการสูงสุดว่าจะมีการดำเนินการพิจารณาให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ 5 มิ.ย.นี้ หรือไม่ หากอัยการสูงสุดพิจารณาไม่ทัน ทางทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ก็จะพิจารณาและรวบรวมสำนวนยื่นกรณีดังกล่าวต่อศาลรัฐธรรมนูญอีกครั้ง
กำลังโหลดความคิดเห็น