เอเจนซีส์ - นานาชาติประณามซีเรีย หลังกองกำลังรัฐบาลระดมยิงปืนใหญ่สังหารประชาชนเฉียดร้อยภายในวันเดียว ในจำนวนนี้เป็นเด็กๆ กว่า 30 คน นับเป็นเหตุการณ์รุนแรงที่สุดนับจากยูเอ็นเริ่มแผนการหยุดยิงเมื่อกลางเดือนที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ทางด้านซีเรียออกมาปฏิเสธในวันอาทิตย์(27) โดยกล่าวหากลับว่าเป็นฝีมือของพวกกบฎ
ซีเรียน ออบเซอร์วาทอรี ฟอร์ ฮิวแมน ไรต์ กลุ่มต่อต้านรัฐบาลซีเรียที่มีฐานอยู่ในอังกฤษเปิดเผยว่า ทีมผู้สังเกตการณ์ของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เดินทางถึงหมู่บ้านตัลโดในเมืองฮูลาเมื่อวันเสาร์ (26) เพื่อจัดทำรายงานอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในช่วง 24 ชั่วโมงก่อนหน้า ซึ่งเป็นการละเมิดแผนการหยุดยิงโดยกองกำลังของฝ่ายรัฐบาลได้สังหารประชาชนกว่า 90 คนในเมืองดังกล่าว ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดฮอมส์
ขณะที่พลตรีโรเบิร์ต มูด หัวหน้าคณะตรวจสอบของยูเอ็นแถลงว่า พบศพเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปีกว่า 32 ศพ และศพผู้ใหญ่กว่า 60 ศพในเมืองฮูลา ซึ่งเกิดจากการโจมตีด้วยปืนใหญ่
กลุ่มนักเคลื่อนไหวเผยว่า กองกำลังรัฐบาลยิงปืนใหญ่ถล่มเมืองฮูลาในช่วงค่ำวันศุกร์ (25) หลังจากกองกำลังความมั่นคงสังหารผู้ประท้วงคนหนึ่ง และเกิดการปะทะกันประปรายตามมาระหว่างทหารกับนักรบจากกลุ่มมุสลิมสุหนี่ที่ต่อต้านรัฐบาล
เหตุการณ์รุนแรงดังกล่าวทำให้ประชาชนพากันหลบหนีออกจากหมู่บ้านตัลโด เนื่องจากกลัวว่าจะมีการโจมตีอีก ขณะที่กลุ่มเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลซีเรียเผยว่า ช่วงเช้าวันเสาร์ ชาวซีเรียทั่วประเทศได้ออกมาชุมนุมบนถนนเพื่อประท้วงการสังหารหมู่ในฮูลา หลายคนโกรธแค้นนานาชาติ ป้ายประท้วงอันหนึ่งมีข้อความว่า “โคฟี อันนันต้องรับผิดชอบการสังหารหมู่ในฮูลาแต่เพียงผู้เดียว”
ซีเรียน ออบเซอร์วาทอรีประณามอาหรับและนานาชาติที่นิ่งเฉยกับการสังหารหมู่ในฮูลาโดยรัฐบาลซีเรีย
ทางฝ่ายสภาแห่งชาติซีเรีย (เอสเอ็นซี) ซึ่งเป็นกลุ่มฝ่ายค้าน เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งยูเอ็นจัดประชุมฉุกเฉินและกำหนดความรับผิดชอบของยูเอ็นท่ามกลางสถานการณ์การสังหารหมู่เหล่านี้
บัน คีมุน เลขาธิการใหญ่ยูเอ็น ก็ออกคำแถลงเรียกร้องให้รัฐบาลซีเรียยุติการใช้อาวุธหนักในพื้นที่ที่มีประชาชนอาศัยอยู่จำนวนมากทันที
ขณะที่ ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ประณามการโจมตีดังกล่าว และประกาศว่า ผู้ก่อเหตุชั่วร้ายนี้ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่กระทำ โดยสหรัฐฯ จะร่วมกับนานาชาติเพิ่มการกดดันประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด และลิ่วล้อ
ลอว์รองต์ ปาเบียส รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ประณามการสังหารหมู่ในฮูลา และว่าต้องการจัดประชุมกลุ่มเฟรนด์ส ออฟ ซีเรีย ซึ่งประกอบด้วยชาติตะวันตกและอาหรับที่ต้องการโค่นอัสซาด ในปารีส
วิลเลียม เฮก รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษสำทับว่า จะร่วมมือใน "การตอบโต้อย่างเข้มแข็ง” ต่อการสังหารหมู่ในซีเรีย และจะขอให้คณะมนตรีความมั่นคงฯ จัดประชุมในเร็ววันนี้
ด้านชีค อับดุลเลาะห์ บิน ซาอิด อัล-นาฮายัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เรียกร้องให้สันนิบาตอาหรับจัดประชุมด่วน ขณะที่นาบิล เอลาราบี ประธานสันนิบาตอาหรับประณามการสังหารในฮูลาว่าเป็น “อาชญากรรมสยดสยอง” พร้อมเรียกร้องให้คณะมนตรีฯ ยุติ "การสังหารและความรุนแรงโดยกลุ่มติดอาวุธและกองทัพซีเรีย”
อย่างไรก็ตาม ญิฮัด อัล มัคดิซิ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศซีเรีย แถลงในวันอาทิตย์ ปฏิเสธโดยสิ้นเชิงว่า รัฐบาลซีเรียไม่ได้มีความรับผิดชอบการสังหารหมู่คราวนี้ หากแต่เป็นฝีมือของ “พวกผู้ก่อการร้าย” พร้อมระบุว่า รัฐบาลได้จัดตั้งคณะกรรมการทั้งฝ่ายทหารและฝ่ายกฎหมายขึ้นทำการสอบสวน โดยคาดว่าจะทราบผลภายในเวลาไม่กี่วัน
ความรุนแรงครั้งล่าสุดเกิดขึ้นขณะที่โคฟี อันนัน ผู้แทนยูเอ็นและสันนิบาตอาหรับที่เป็นตัวกลางข้อตกลงหยุดยิงที่มีการละเมิดซ้ำแล้วซ้ำเล่านับจากเดือนที่แล้ว เพิ่งเสร็จสิ้นการวางแผนเดินทางสู่กรุงดามัสกัสอีกครั้ง
ทั้งนี้ มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 12,600 คนในซีเรียนับจากประชาชนแสดงพลังต่อต้านระบอบของอัสซาดในเดือนมีนาคม 2011 โดยเกือบ 1,500 รายเสียชีวิตหลังจากข้อตกลงหยุดยิงของยูเอ็นมีผลในวันที่ 14 เดือนที่ผ่านมา
ซีเรียน ออบเซอร์วาทอรี ฟอร์ ฮิวแมน ไรต์ กลุ่มต่อต้านรัฐบาลซีเรียที่มีฐานอยู่ในอังกฤษเปิดเผยว่า ทีมผู้สังเกตการณ์ของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เดินทางถึงหมู่บ้านตัลโดในเมืองฮูลาเมื่อวันเสาร์ (26) เพื่อจัดทำรายงานอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในช่วง 24 ชั่วโมงก่อนหน้า ซึ่งเป็นการละเมิดแผนการหยุดยิงโดยกองกำลังของฝ่ายรัฐบาลได้สังหารประชาชนกว่า 90 คนในเมืองดังกล่าว ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดฮอมส์
ขณะที่พลตรีโรเบิร์ต มูด หัวหน้าคณะตรวจสอบของยูเอ็นแถลงว่า พบศพเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปีกว่า 32 ศพ และศพผู้ใหญ่กว่า 60 ศพในเมืองฮูลา ซึ่งเกิดจากการโจมตีด้วยปืนใหญ่
กลุ่มนักเคลื่อนไหวเผยว่า กองกำลังรัฐบาลยิงปืนใหญ่ถล่มเมืองฮูลาในช่วงค่ำวันศุกร์ (25) หลังจากกองกำลังความมั่นคงสังหารผู้ประท้วงคนหนึ่ง และเกิดการปะทะกันประปรายตามมาระหว่างทหารกับนักรบจากกลุ่มมุสลิมสุหนี่ที่ต่อต้านรัฐบาล
เหตุการณ์รุนแรงดังกล่าวทำให้ประชาชนพากันหลบหนีออกจากหมู่บ้านตัลโด เนื่องจากกลัวว่าจะมีการโจมตีอีก ขณะที่กลุ่มเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลซีเรียเผยว่า ช่วงเช้าวันเสาร์ ชาวซีเรียทั่วประเทศได้ออกมาชุมนุมบนถนนเพื่อประท้วงการสังหารหมู่ในฮูลา หลายคนโกรธแค้นนานาชาติ ป้ายประท้วงอันหนึ่งมีข้อความว่า “โคฟี อันนันต้องรับผิดชอบการสังหารหมู่ในฮูลาแต่เพียงผู้เดียว”
ซีเรียน ออบเซอร์วาทอรีประณามอาหรับและนานาชาติที่นิ่งเฉยกับการสังหารหมู่ในฮูลาโดยรัฐบาลซีเรีย
ทางฝ่ายสภาแห่งชาติซีเรีย (เอสเอ็นซี) ซึ่งเป็นกลุ่มฝ่ายค้าน เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งยูเอ็นจัดประชุมฉุกเฉินและกำหนดความรับผิดชอบของยูเอ็นท่ามกลางสถานการณ์การสังหารหมู่เหล่านี้
บัน คีมุน เลขาธิการใหญ่ยูเอ็น ก็ออกคำแถลงเรียกร้องให้รัฐบาลซีเรียยุติการใช้อาวุธหนักในพื้นที่ที่มีประชาชนอาศัยอยู่จำนวนมากทันที
ขณะที่ ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ประณามการโจมตีดังกล่าว และประกาศว่า ผู้ก่อเหตุชั่วร้ายนี้ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่กระทำ โดยสหรัฐฯ จะร่วมกับนานาชาติเพิ่มการกดดันประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด และลิ่วล้อ
ลอว์รองต์ ปาเบียส รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ประณามการสังหารหมู่ในฮูลา และว่าต้องการจัดประชุมกลุ่มเฟรนด์ส ออฟ ซีเรีย ซึ่งประกอบด้วยชาติตะวันตกและอาหรับที่ต้องการโค่นอัสซาด ในปารีส
วิลเลียม เฮก รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษสำทับว่า จะร่วมมือใน "การตอบโต้อย่างเข้มแข็ง” ต่อการสังหารหมู่ในซีเรีย และจะขอให้คณะมนตรีความมั่นคงฯ จัดประชุมในเร็ววันนี้
ด้านชีค อับดุลเลาะห์ บิน ซาอิด อัล-นาฮายัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เรียกร้องให้สันนิบาตอาหรับจัดประชุมด่วน ขณะที่นาบิล เอลาราบี ประธานสันนิบาตอาหรับประณามการสังหารในฮูลาว่าเป็น “อาชญากรรมสยดสยอง” พร้อมเรียกร้องให้คณะมนตรีฯ ยุติ "การสังหารและความรุนแรงโดยกลุ่มติดอาวุธและกองทัพซีเรีย”
อย่างไรก็ตาม ญิฮัด อัล มัคดิซิ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศซีเรีย แถลงในวันอาทิตย์ ปฏิเสธโดยสิ้นเชิงว่า รัฐบาลซีเรียไม่ได้มีความรับผิดชอบการสังหารหมู่คราวนี้ หากแต่เป็นฝีมือของ “พวกผู้ก่อการร้าย” พร้อมระบุว่า รัฐบาลได้จัดตั้งคณะกรรมการทั้งฝ่ายทหารและฝ่ายกฎหมายขึ้นทำการสอบสวน โดยคาดว่าจะทราบผลภายในเวลาไม่กี่วัน
ความรุนแรงครั้งล่าสุดเกิดขึ้นขณะที่โคฟี อันนัน ผู้แทนยูเอ็นและสันนิบาตอาหรับที่เป็นตัวกลางข้อตกลงหยุดยิงที่มีการละเมิดซ้ำแล้วซ้ำเล่านับจากเดือนที่แล้ว เพิ่งเสร็จสิ้นการวางแผนเดินทางสู่กรุงดามัสกัสอีกครั้ง
ทั้งนี้ มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 12,600 คนในซีเรียนับจากประชาชนแสดงพลังต่อต้านระบอบของอัสซาดในเดือนมีนาคม 2011 โดยเกือบ 1,500 รายเสียชีวิตหลังจากข้อตกลงหยุดยิงของยูเอ็นมีผลในวันที่ 14 เดือนที่ผ่านมา
