เอเอฟพี - องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) มีมติให้ส่งคณะผู้แทนซึ่งปราศจากอาวุธจำนวน 300 คนเข้าไปสังเกตการณ์การบังคับใช้ข้อตกลงหยุดยิงในซีเรีย วานนี้ (21) ขณะที่สหรัฐฯขู่จะใช้สิทธิ์วีโตในครั้งต่อไป เนื่องจากเริ่ม “หมดความอดทน” กับรัฐบาลดามัสกัสแล้ว
ภายใต้มติยูเอ็นที่ 2043 ผู้สังเกตการณ์ทางทหารจะถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจรอบแรกเป็นเวลา 90 วัน หากเลขาธิการใหญ่ บัน คี มุน พิจารณาเห็นว่ามีความปลอดภัยมากพอ
การปะทะระหว่างกองกำลังซีเรียกับผู้ละทิ้งรัฐบาลเกิดขึ้นอยู่เนืองๆ ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนที่ข้อตกลงหยุดยิงจะมีผลบังคับ เมื่อวันที่ 12 เมษายน ซึ่งผู้สังเกตการณ์ระบุว่า นับจากวันนั้นก็ยังมีผู้ถูกสังหารไปไม่ต่ำกว่า 200 คน
วิทาลีย์ เชอร์คิน ผู้แทนถาวรรัสเซียประจำยูเอ็น ซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ในการร่างมติส่งผู้สังเกตการณ์ แจ้งต่อคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นว่า มาตรการดังกล่าว “มีความสำคัญต่อกระบวนการสร้างสันติภาพในซีเรีย”
อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯเตือนว่า อาจใช้สิทธิ์คัดค้านการส่งผู้สังเกตการณ์เข้าไปในซีเรีย หลังจาก 3 เดือนแรกผ่านไป ทั้งยังเรียกร้องให้นานาชาติช่วยกดดันประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ให้หนักหน่วงขึ้น
ซูซาน ไรซ์ ผู้แทนสหรัฐฯประจำยูเอ็น ระบุว่า เลขาธิการยูเอ็นควรตัดสินใจอย่างระมัดระวังก่อนจะส่งคณะผู้สังเกตการณ์ซึ่งปราศจากอาวุธเข้าไปในซีเรีย
“ความอดทนของเราลดลงเรื่อยๆ ดังนั้น อย่าเพิ่งคาดหวังว่าสหรัฐฯจะยอมสนับสนุนภารกิจนี้เป็นครั้งที่ 2 หลังจาก 90 วันผ่านไป” ไรซ์ แถลงต่อคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น หลังวอชิงตันยอมรับรองมติดังกล่าว
ผู้แทนนานาชาติต่างชี้ถึงอันตรายในการส่งผู้สังเกตการณ์เข้าไปยังซีเรีย ซึ่งข้อมูลระบุว่า มีประชาชนถูกสังหารไปแล้วไม่ต่ำกว่า 9,000 คน หลังการประท้วงขับไล่ อัสซาด ยืดเยื้อมา 13 เดือนเต็ม
เชอร์คิน ตำหนิคำพูดของ ไรซ์ ว่า “ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น” และ “บางครั้งการคาดเดาในแง่ร้าย ก็เหมือนคำทำนายที่บางคนอยากจะให้เกิดขึ้นจริง”
ด้านสภาแห่งชาติซีเรียและกองกำลังปลดปล่อยซีเรียแถลงชื่นชมมติของยูเอ็น พร้อมชี้ว่า เป็นการตอบสนองต่อความมุ่งหวังของพลเมืองซีเรียทุกคน
