เอเจนซี - จีนอธิบายเหตุผลวีโต้ร่างมติประณามซีเรีย ทางด้านหนังสือพิมพ์กระบอกเสียงพรรคคอมมิวนิสต์แดนมังกรสำทับว่าการแทรกแซงลิเบีย อัฟกานิสถาน กระทั่งอิรักของฝ่ายตะวันตก ฟ้องความผิดพลาดในการใช้กำลังเปลี่ยนแปลงระบอบ
หลิว เว่ยหมิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวเมื่อวันจันทร์ (6) ว่า การที่ในวันเสาร์(4)ที่ผ่านมาจีนออกเสียงคัดค้านในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคง แห่งสหประชาชาติ ซึ่งเท่ากับเป็นการใช้สิทธิยับยั้ง ญัตติฉบับที่ร่างขึ้นเพื่อหนุนหลังแผนการของสันนิบาตอาหรับในการเรียกร้องให้ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย ออกจากตำแหน่งไปเสีย เป็นเพราะเห็นว่าร่างมติฉบับนี้จะไม่ช่วยบรรเทาความตึงเครียดในประเทศนั้น ทั้งนี้นอกเหนือจากจีนแล้ว อีกหนึ่งสมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคง คือ รัสเซีย ก็คัดค้านและเท่ากับใช้สิทธิวีโต้เช่นเดียวกัน
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศแดนมังกรร่ายว่า จีนติดตามสถานการณ์ในซีเรียอย่างจริงจังมาก และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายในซีเรียหยุดใช้ความรุนแรง โดยเฉพาะการเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ และปักกิ่งยังคงสนับสนุนความพยายามของสันนิบาตอาหรับในการปลดชนวนความขัดแย้งนี้
“น่าเสียดายที่ประเทศที่เสนอญัตตินี้บีบให้มีการลงคะแนนแม้ยังคงมีความเห็นแตกแยกรุนแรงในฝ่ายต่างๆ และแนวทางนี้ไม่ได้นำไปสู่ความเป็นเอกภาพและความชอบธรรมของคณะมนตรี รวมถึงการแก้ปัญหาที่เหมาะสม ดังนั้น จีนจึงคัดค้านญัตตินี้”
หลิวเสริมว่า จีนไม่ยอมรับข้อกล่าวหาของซูซาน ไรซ์ เอกอัครราชทูตอเมริกันประจำสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่ว่า การคัดค้านของจีนและรัสเซียเช่นนี้ คือการส่งเสริมให้เกิดการนองเลือดในซีเรีย
การคัดค้านของรัสเซียและจีนมีขึ้นหนึ่งวัน หลังจากพวกนักเคลื่อนไหวฝ่ายค้านระบุว่า กองกำลังรัฐบาลซีเรียทิ้งระเบิดในเมืองฮอมส์ ทำให้มีประชาชนเสียชีวิตกว่า 200 คน และถือเป็นเหตุการณ์นองเลือดรุนแรงที่สุดในรอบ 11 เดือนที่ประชาชนลุกฮือต่อต้านรัฐบาลประธานาธิบดีอัล-อัสซาด
กองกำลังซีเรียยังโจมตีเมืองดังกล่าวในช่วงเช้าตรู่วันจันทร์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอีก 15 ราย
สมาชิกคณะมนตรีอีก 13 ประเทศ ต่างเห็นชอบร่างมติฉบับดังกล่าว ที่มีเนื้อหาทั้งเรียกร้องให้กองกำลังซีเรียถอนออกจากเมืองต่างๆ และเริ่มการผ่องถ่ายสู่ระบอบประชาธิปไตย
การที่จีนอยู่ข้างเดียวกับรัสเซียกรณีซีเรียอาจทำให้วอชิงตันขุ่นเคืองยิ่งขึ้น ทั้งนี้ รองประธานาธิบดีสี จิ้นผิงมีกำหนดเยือนสหรัฐฯ สัปดาห์หน้า เพื่อตอกย้ำความน่าเชื่อถือในฐานะว่าที่ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนคนใหม่
ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์เหรินหมินรึเป้า กระบอกเสียงของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ยังตีพิมพ์บทความปกป้องการตัดสินใจวีโต้มติซีเรีย โดยระบุว่า จีนไม่ไว้ใจการแทรกแซงของตะวันตก
ผู้เขียนที่ใช้นามปากกาว่า “จง เซิง” ซึ่งหมายถึง “เสียงจากจีน” และมักใช้ในบทความแสดงจุดยืนด้านนโยบายการต่างประเทศของปักกิ่งนั้น ระบุว่า การวีโต้ร่างมติของคณะมนตรีฯ ไม่ได้หมายความว่า จีนนิ่งนอนใจให้สภาพที่น่าเศร้าดำเนินต่อไป
“ปัจจุบัน สถานการณ์ในซีเรียซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง การกระทำที่ง่ายๆ ด้วยการสนับสนุนฝ่ายหนึ่งและต่อต้านอีกฝ่ายหนึ่ง อาจดูเหมือนเป็นวิธีที่ช่วยทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป แต่ที่จริงแล้วกลับเป็นการหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งหายนะ”
เหรินหมินรึเป้ายังเปิดเผยให้เห็นถึงความกังวลของปักกิ่งเกี่ยวกับการดำเนินการในโลกอาหรับและภูมิภาคอื่นๆ ที่สหรัฐฯ เข้าไปหนุนหลัง โดยหยิบยกเรื่องที่เมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว ณ การประชุมคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น จีนงดเว้นไม่ออกเสียงในร่างมติที่อนุญาตให้ตะวันตกแทรกแซงทางทหารต่อลิเบีย แล้วเลยกลายเป็นการเปิดช่องให้นาโต้ดำเนินการโจมตีทางอากาศ ซึ่งนำไปสู่การโค่นล้มมูอัมมาร์ กัดดาฟี ทั้งนี้ปักกิ่งและมอสโกต่างเห็นว่าการโจมตีของนาโต้เป็นการกระทำที่เกินเลยจากมติยูเอ็นดังกล่าว
หนังสือพิมพ์กระบอกเสียงพรรคคอมมิวนิสต์จีนบอกว่า ลิเบียเป็นกรณีศึกษาด้านลบ จากการที่นาโต้ละเมิดมติของคณะมนตรีฯ ในการกำหนดเขตห้ามบิน และให้ความช่วยเหลือในการโจมตีแก่ฝ่ายหนึ่ง
“หายนะในอิรักและอัฟกานิสถานควรทำให้โลกตาสว่าง การป้องกันหายนะด้านมนุษยธรรมอย่างบีบบังคับอาจแลดูเหมือนเต็มไปด้วยความยุติธรรมและความรับผิดชอบ แต่การโจมตีและการทิ้งระเบิดอย่างไม่หยุดหย่อนตลอดหนึ่งทศวรรษหลังการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง ถือเป็นหายนะด้านมนุษยธรรมหรือไม่”
หลิว เว่ยหมิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวเมื่อวันจันทร์ (6) ว่า การที่ในวันเสาร์(4)ที่ผ่านมาจีนออกเสียงคัดค้านในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคง แห่งสหประชาชาติ ซึ่งเท่ากับเป็นการใช้สิทธิยับยั้ง ญัตติฉบับที่ร่างขึ้นเพื่อหนุนหลังแผนการของสันนิบาตอาหรับในการเรียกร้องให้ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย ออกจากตำแหน่งไปเสีย เป็นเพราะเห็นว่าร่างมติฉบับนี้จะไม่ช่วยบรรเทาความตึงเครียดในประเทศนั้น ทั้งนี้นอกเหนือจากจีนแล้ว อีกหนึ่งสมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคง คือ รัสเซีย ก็คัดค้านและเท่ากับใช้สิทธิวีโต้เช่นเดียวกัน
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศแดนมังกรร่ายว่า จีนติดตามสถานการณ์ในซีเรียอย่างจริงจังมาก และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายในซีเรียหยุดใช้ความรุนแรง โดยเฉพาะการเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ และปักกิ่งยังคงสนับสนุนความพยายามของสันนิบาตอาหรับในการปลดชนวนความขัดแย้งนี้
“น่าเสียดายที่ประเทศที่เสนอญัตตินี้บีบให้มีการลงคะแนนแม้ยังคงมีความเห็นแตกแยกรุนแรงในฝ่ายต่างๆ และแนวทางนี้ไม่ได้นำไปสู่ความเป็นเอกภาพและความชอบธรรมของคณะมนตรี รวมถึงการแก้ปัญหาที่เหมาะสม ดังนั้น จีนจึงคัดค้านญัตตินี้”
หลิวเสริมว่า จีนไม่ยอมรับข้อกล่าวหาของซูซาน ไรซ์ เอกอัครราชทูตอเมริกันประจำสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่ว่า การคัดค้านของจีนและรัสเซียเช่นนี้ คือการส่งเสริมให้เกิดการนองเลือดในซีเรีย
การคัดค้านของรัสเซียและจีนมีขึ้นหนึ่งวัน หลังจากพวกนักเคลื่อนไหวฝ่ายค้านระบุว่า กองกำลังรัฐบาลซีเรียทิ้งระเบิดในเมืองฮอมส์ ทำให้มีประชาชนเสียชีวิตกว่า 200 คน และถือเป็นเหตุการณ์นองเลือดรุนแรงที่สุดในรอบ 11 เดือนที่ประชาชนลุกฮือต่อต้านรัฐบาลประธานาธิบดีอัล-อัสซาด
กองกำลังซีเรียยังโจมตีเมืองดังกล่าวในช่วงเช้าตรู่วันจันทร์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอีก 15 ราย
สมาชิกคณะมนตรีอีก 13 ประเทศ ต่างเห็นชอบร่างมติฉบับดังกล่าว ที่มีเนื้อหาทั้งเรียกร้องให้กองกำลังซีเรียถอนออกจากเมืองต่างๆ และเริ่มการผ่องถ่ายสู่ระบอบประชาธิปไตย
การที่จีนอยู่ข้างเดียวกับรัสเซียกรณีซีเรียอาจทำให้วอชิงตันขุ่นเคืองยิ่งขึ้น ทั้งนี้ รองประธานาธิบดีสี จิ้นผิงมีกำหนดเยือนสหรัฐฯ สัปดาห์หน้า เพื่อตอกย้ำความน่าเชื่อถือในฐานะว่าที่ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนคนใหม่
ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์เหรินหมินรึเป้า กระบอกเสียงของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ยังตีพิมพ์บทความปกป้องการตัดสินใจวีโต้มติซีเรีย โดยระบุว่า จีนไม่ไว้ใจการแทรกแซงของตะวันตก
ผู้เขียนที่ใช้นามปากกาว่า “จง เซิง” ซึ่งหมายถึง “เสียงจากจีน” และมักใช้ในบทความแสดงจุดยืนด้านนโยบายการต่างประเทศของปักกิ่งนั้น ระบุว่า การวีโต้ร่างมติของคณะมนตรีฯ ไม่ได้หมายความว่า จีนนิ่งนอนใจให้สภาพที่น่าเศร้าดำเนินต่อไป
“ปัจจุบัน สถานการณ์ในซีเรียซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง การกระทำที่ง่ายๆ ด้วยการสนับสนุนฝ่ายหนึ่งและต่อต้านอีกฝ่ายหนึ่ง อาจดูเหมือนเป็นวิธีที่ช่วยทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป แต่ที่จริงแล้วกลับเป็นการหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งหายนะ”
เหรินหมินรึเป้ายังเปิดเผยให้เห็นถึงความกังวลของปักกิ่งเกี่ยวกับการดำเนินการในโลกอาหรับและภูมิภาคอื่นๆ ที่สหรัฐฯ เข้าไปหนุนหลัง โดยหยิบยกเรื่องที่เมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว ณ การประชุมคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น จีนงดเว้นไม่ออกเสียงในร่างมติที่อนุญาตให้ตะวันตกแทรกแซงทางทหารต่อลิเบีย แล้วเลยกลายเป็นการเปิดช่องให้นาโต้ดำเนินการโจมตีทางอากาศ ซึ่งนำไปสู่การโค่นล้มมูอัมมาร์ กัดดาฟี ทั้งนี้ปักกิ่งและมอสโกต่างเห็นว่าการโจมตีของนาโต้เป็นการกระทำที่เกินเลยจากมติยูเอ็นดังกล่าว
หนังสือพิมพ์กระบอกเสียงพรรคคอมมิวนิสต์จีนบอกว่า ลิเบียเป็นกรณีศึกษาด้านลบ จากการที่นาโต้ละเมิดมติของคณะมนตรีฯ ในการกำหนดเขตห้ามบิน และให้ความช่วยเหลือในการโจมตีแก่ฝ่ายหนึ่ง
“หายนะในอิรักและอัฟกานิสถานควรทำให้โลกตาสว่าง การป้องกันหายนะด้านมนุษยธรรมอย่างบีบบังคับอาจแลดูเหมือนเต็มไปด้วยความยุติธรรมและความรับผิดชอบ แต่การโจมตีและการทิ้งระเบิดอย่างไม่หยุดหย่อนตลอดหนึ่งทศวรรษหลังการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง ถือเป็นหายนะด้านมนุษยธรรมหรือไม่”
