นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีการกล่าวหาว่าพรรคประชาธิปัตย์ ปิดเว็บไซต์ของพรรคหนีการตรวจสอบเรื่องเงินบริจาค จากบริษัท อีสต์ วอเตอร์ ว่า ไม่ทราบว่า เว็บไซต์พรรคที่มีปัญหาขัดข้อง และสามารถแก้ไขได้แล้วหรือยัง แต่ไม่น่าเกี่ยวข้องกับเอกสารเรื่องเงินบริจาคดังกล่าว เพราะรายละเอียดของเรื่องนี้ได้มอบให้ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ชี้แจงแล้ว
อย่างไรก็ตาม การที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตส.ว.สรรหา มาตั้งข้อสังเกตในรายละเอียด เช่น แคชเชียร์เช็คนั้น ตนไม่ทราบว่า นายเรืองไกร มีเจตนาอะไร หากต้องการตรวจสอบพรรคการเมือง ก็สามารถตรวจสอบได้หลายเรื่องในพรรคการเมืองอื่น ขอยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์ ทำหน้าที่เป็นเพียงตัวกลางในการส่งผ่านเงินบริจาคไปยังสำนักนายกรัฐมนตรีเท่านั้น
เมื่อถามว่า ขณะนี้มีการขุดเรื่องการไม่ได้เกณฑ์ทหาร ของนายอภิสิทธิ์ ขึ้นมาโจมตีอีก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เขาก็เปลี่ยนข้อหาไปเรื่อยๆ แต่ในกรณีนี้ตนได้ฟ้องนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดง ในคดีหมิ่นประมาทไปแล้ว
ด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์ มีการรับเงินบริจาคช่วงน้ำท่วมในปี 2553 ผิดกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์ รับเงินบริจาคจากบริษัทจัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออกจำกัด (มหาชน) หรือ บริษัท อีสต์ วอเตอร์ ซึ่งมีการประปาส่วนภูมิภาค ที่เป็นหน่วยงานของรัฐ ถือหุ้นมากที่สุด โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ และฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ อ้างว่าเป็นเพียงตัวกลางในการรับเงินบริจาค เพื่อนำไปบริจาคให้กับรัฐบาลเท่านั้นว่า พฤติการณ์ดังกล่าว หากพรรคประชาธิปัตย์มีหลักฐานว่า บริษัท อีสต์วอเตอร์ บริจาคเงินให้กับพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเป็นตัวกลางในการส่งมอบให้กับรัฐบาล ทางพรรคประชาธิปัตย์ ต้องเอาหลักฐานดังกล่าวออกมาแสดง เพราะเมื่อพรรคประชาธิปัตย์รับเงินไป ย่อมถือว่าเป็นทรัพย์สินของพรรคอย่างสมบูรณ์ ตามหลักของกฎหมาย
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ตนอยากจะถามถึงข้อพิรุธว่า เหตุใด เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ เป็นเพียงตัวกลางในการรับเงินบริจาค จากบริษัท อีสต์ วอเตอร์ แต่มีการเก็บเงิน 1 ล้านบาทเอาไว้ถึง 1 เดือนเศษ เพราะเท่าที่ตนทราบมานั้น มีฝ่ายกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์ ทักท้วงว่า การรับเงินบริจาค จากบริษัทที่ถือหุ้นนั้น ขัดต่อกฎหมาย และมีโทษถึงการยุบพรรค จึงหาทางให้พ้นผิด ด้วยการนำเงินดังกล่าวไปมอบให้กับสำนักนายกรัฐมนตรี
นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวต่อว่า ความผิดที่พรรคประชาธิปัตย์รับเงินจากบริษัท อีสต์ วอเตอร์ ถือว่าเป็นความผิดที่สำเร็จแล้ว ซึ่งก็คงจะหนีความผิดไม่พ้น ถึงแม้ว่าจะมีการออกมาท้าให้ยื่นยุบพรรคประชาธิปัตย์ก็ตาม ตนมองว่าเรื่องนี้ กกต. จะเป็นคนกลางในการพิสูจน์ข้อเท็จจริง และทำความจริงให้ปรากฏ ว่าสิ่งที่พรรคเก่าแก่ที่เชี่ยวชาญด้านกฎหมายนั้น จริงหรือไม่ หรือสุดท้ายก็เป็นเพียงแค่กิ้งกือตกท่อ เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม การที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตส.ว.สรรหา มาตั้งข้อสังเกตในรายละเอียด เช่น แคชเชียร์เช็คนั้น ตนไม่ทราบว่า นายเรืองไกร มีเจตนาอะไร หากต้องการตรวจสอบพรรคการเมือง ก็สามารถตรวจสอบได้หลายเรื่องในพรรคการเมืองอื่น ขอยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์ ทำหน้าที่เป็นเพียงตัวกลางในการส่งผ่านเงินบริจาคไปยังสำนักนายกรัฐมนตรีเท่านั้น
เมื่อถามว่า ขณะนี้มีการขุดเรื่องการไม่ได้เกณฑ์ทหาร ของนายอภิสิทธิ์ ขึ้นมาโจมตีอีก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เขาก็เปลี่ยนข้อหาไปเรื่อยๆ แต่ในกรณีนี้ตนได้ฟ้องนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดง ในคดีหมิ่นประมาทไปแล้ว
ด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์ มีการรับเงินบริจาคช่วงน้ำท่วมในปี 2553 ผิดกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์ รับเงินบริจาคจากบริษัทจัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออกจำกัด (มหาชน) หรือ บริษัท อีสต์ วอเตอร์ ซึ่งมีการประปาส่วนภูมิภาค ที่เป็นหน่วยงานของรัฐ ถือหุ้นมากที่สุด โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ และฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ อ้างว่าเป็นเพียงตัวกลางในการรับเงินบริจาค เพื่อนำไปบริจาคให้กับรัฐบาลเท่านั้นว่า พฤติการณ์ดังกล่าว หากพรรคประชาธิปัตย์มีหลักฐานว่า บริษัท อีสต์วอเตอร์ บริจาคเงินให้กับพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเป็นตัวกลางในการส่งมอบให้กับรัฐบาล ทางพรรคประชาธิปัตย์ ต้องเอาหลักฐานดังกล่าวออกมาแสดง เพราะเมื่อพรรคประชาธิปัตย์รับเงินไป ย่อมถือว่าเป็นทรัพย์สินของพรรคอย่างสมบูรณ์ ตามหลักของกฎหมาย
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ตนอยากจะถามถึงข้อพิรุธว่า เหตุใด เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ เป็นเพียงตัวกลางในการรับเงินบริจาค จากบริษัท อีสต์ วอเตอร์ แต่มีการเก็บเงิน 1 ล้านบาทเอาไว้ถึง 1 เดือนเศษ เพราะเท่าที่ตนทราบมานั้น มีฝ่ายกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์ ทักท้วงว่า การรับเงินบริจาค จากบริษัทที่ถือหุ้นนั้น ขัดต่อกฎหมาย และมีโทษถึงการยุบพรรค จึงหาทางให้พ้นผิด ด้วยการนำเงินดังกล่าวไปมอบให้กับสำนักนายกรัฐมนตรี
นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวต่อว่า ความผิดที่พรรคประชาธิปัตย์รับเงินจากบริษัท อีสต์ วอเตอร์ ถือว่าเป็นความผิดที่สำเร็จแล้ว ซึ่งก็คงจะหนีความผิดไม่พ้น ถึงแม้ว่าจะมีการออกมาท้าให้ยื่นยุบพรรคประชาธิปัตย์ก็ตาม ตนมองว่าเรื่องนี้ กกต. จะเป็นคนกลางในการพิสูจน์ข้อเท็จจริง และทำความจริงให้ปรากฏ ว่าสิ่งที่พรรคเก่าแก่ที่เชี่ยวชาญด้านกฎหมายนั้น จริงหรือไม่ หรือสุดท้ายก็เป็นเพียงแค่กิ้งกือตกท่อ เท่านั้น
