ASTVผู้จัดการรายวัน –เหมราชฯรับอานิสงส์ นักลงทึนย้ายฐานผลิตหนีน้ำไปภาคตะวันออก ส่งผลนิคมฯเช่าเต็ม เทงบลงทุน 2,500 ล้านบาท เร่งขยายพื้นที่ - โรงงานสำเร็จรูปรองรับความต้องการ คาดสิ้นปียอดขายที่ดิน 1,700 ไร่ รายได้ 5,800 ล้านบาท
นายเผ่าพิทยา สมุทรกลิน ผู้อำนวยการนักลงทุนสัมพันธ์และวางแผน บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) (HEMRAJ)เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ทำให้มีนักลงทุนทั้งชาวไทย และชาวญี่ปุ่น ย้ายฐานการผลิตมายังนิคมอุตสาหกรรม เหมราชจำนวนมาก ส่งผลให้พื้นที่ในนิคมและโรงงานสำเร็จรูป เช่าเต็มหมดแล้ว
ดังนั้นบริษัทจึงเพิ่มงบลงทุนจากเดิม 7,000 ล้านบาท เป็น 7,500 ล้านบาท โดยเป็นการเพิ่มงบการพัฒนานิคมฯ จาก 2,000 ล้านบาท เป็น 2,500 ล้านบาท เพื่อเพิ่มพื้นที่ขึ้นอีก 50-60% เนื่องจากปัจจุบันมีพื้นที่เช่าเต็มหมดแล้ว นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนสร้างโรงงานสำเร็จรูปให้เช่าเพิ่มอีก 90 โรง หรือคิดเป็นพื้นที่รวม 1.3 แสน ตร.ม.คาดว่าใช้งบลงทุน 1,000 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว
ทั้งนี้บริษัทคาดว่ารายได้ในช่วงไตรมาส 1 ปี 55 จะเพิ่มขึ้นจากช่วงเดี่ยวกันในปี 54 ที่มียอดขาย 400 ไร่ ทำให้บริษัทปรับประมาณการณ์รายได้ปี 55 เพิ่มขึ้นเป็น 5,800 ล้านบาท เติบโต 40% จากปีก่อนที่มีรายได้ 4,200 ล้านบาท หลังจากบริษัทได้ปรับเพิ่มยอดขายที่ดินปีนี้เป็น 1,700 ไร่ จากเดิมตั้งเป้ายอดขายที่ 1,500 ไร่ และปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (backlog) แล้ว 900 ไร่ ขณะที่รายได้จากให้บริการสาธารณูปโภคประมาณ 1,400 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 20%
ส่วนโครงการลอจิสติกส์พาร์ค คาดใช้เงินลงทุน 500 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจโรงไฟฟ้าจะมีการลงทุนเพิ่ม 1,250 ล้านบาท ทั้งโครงการเก็คโค-วัน และโรงไฟฟ้า SPP อีก 7-8 แห่ง รวมทั้งใช้ลงทุนในระบบสาธารณูปโภค 250 ล้านบาท
นายเผ่าพิทยา กล่าวว่า สำหรับปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้นในบางพื้นที่ของไทยแล้วนั้น บริษัทไม่มีความกังวล เพราะมีการประสานงานไปยังส่วนราชการ และอีสต์วอเตอร์ ในการช่วยสำรองปริมาณน้ำให้ รวมถึงการระบบโครงข่ายท่อน้ำภาคตะวันออกมีการเชื่อมโยงถึงกัน ทำให้มีการดึงน้ำจากแหล่งใหม่ๆมาได้
นายเผ่าพิทยา สมุทรกลิน ผู้อำนวยการนักลงทุนสัมพันธ์และวางแผน บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) (HEMRAJ)เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ทำให้มีนักลงทุนทั้งชาวไทย และชาวญี่ปุ่น ย้ายฐานการผลิตมายังนิคมอุตสาหกรรม เหมราชจำนวนมาก ส่งผลให้พื้นที่ในนิคมและโรงงานสำเร็จรูป เช่าเต็มหมดแล้ว
ดังนั้นบริษัทจึงเพิ่มงบลงทุนจากเดิม 7,000 ล้านบาท เป็น 7,500 ล้านบาท โดยเป็นการเพิ่มงบการพัฒนานิคมฯ จาก 2,000 ล้านบาท เป็น 2,500 ล้านบาท เพื่อเพิ่มพื้นที่ขึ้นอีก 50-60% เนื่องจากปัจจุบันมีพื้นที่เช่าเต็มหมดแล้ว นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนสร้างโรงงานสำเร็จรูปให้เช่าเพิ่มอีก 90 โรง หรือคิดเป็นพื้นที่รวม 1.3 แสน ตร.ม.คาดว่าใช้งบลงทุน 1,000 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว
ทั้งนี้บริษัทคาดว่ารายได้ในช่วงไตรมาส 1 ปี 55 จะเพิ่มขึ้นจากช่วงเดี่ยวกันในปี 54 ที่มียอดขาย 400 ไร่ ทำให้บริษัทปรับประมาณการณ์รายได้ปี 55 เพิ่มขึ้นเป็น 5,800 ล้านบาท เติบโต 40% จากปีก่อนที่มีรายได้ 4,200 ล้านบาท หลังจากบริษัทได้ปรับเพิ่มยอดขายที่ดินปีนี้เป็น 1,700 ไร่ จากเดิมตั้งเป้ายอดขายที่ 1,500 ไร่ และปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (backlog) แล้ว 900 ไร่ ขณะที่รายได้จากให้บริการสาธารณูปโภคประมาณ 1,400 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 20%
ส่วนโครงการลอจิสติกส์พาร์ค คาดใช้เงินลงทุน 500 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจโรงไฟฟ้าจะมีการลงทุนเพิ่ม 1,250 ล้านบาท ทั้งโครงการเก็คโค-วัน และโรงไฟฟ้า SPP อีก 7-8 แห่ง รวมทั้งใช้ลงทุนในระบบสาธารณูปโภค 250 ล้านบาท
นายเผ่าพิทยา กล่าวว่า สำหรับปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้นในบางพื้นที่ของไทยแล้วนั้น บริษัทไม่มีความกังวล เพราะมีการประสานงานไปยังส่วนราชการ และอีสต์วอเตอร์ ในการช่วยสำรองปริมาณน้ำให้ รวมถึงการระบบโครงข่ายท่อน้ำภาคตะวันออกมีการเชื่อมโยงถึงกัน ทำให้มีการดึงน้ำจากแหล่งใหม่ๆมาได้