นางสาวจิราพรรณ ทองตัน ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จำกัด (มหาชน) หรือ ROBINS เปิดเผยว่าจากราคาน้ำมัน และค่าครองชีพมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้น ขณะนี้ยังไม่เห็นสัญญาณว่าประชาชนจะมีการใช้จ่ายที่น้อยลง แต่ในช่วงที่ผ่านมาช่วงที่ราคาน้ำมันสูงขึ้นนั้น พบว่าเป็นผลบวกกับบริษัท เพราะมีลูกค้าเข้ามาซื้อของมากขึ้น เพราะเชื่อว่าผู้บริโภคจะไม่ขับรถไปไกล และบริษัทมีห้างกระจายตามหัวเมืองต่าง ๆ ทำให้สะดวกต่อการจับจ่ายในการซื้อสินค้า ส่วนค่าครองชีพที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้น รายได้ของประชาชนก็มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นตามจึงทำให้ไม่มีผลกระทบ
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าจะมีอัตรากำไรขั้นต้น ( กรอสมาร์จิ้น) ของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นปีละ 0.2% ซึ่งปี 54 อยู่ที่ 24.4% เนื่องจากยอดขายที่มีการปรับตัวดีและบริษัทจะมีการเพิ่มสินค้าภายใต้แบรนด์ของโรบินสันมากขึ้น เพราะมีมาร์จิ้นสูง รวมทั้งจะมีการเพิ่มสินค้าแบรนด์ใหม่ ๆ มากขึ้นด้วย เพื่อที่จะไม่ต้องการลดราคาสินค้าให้กับลูกค้า โดยบริษัทคาดว่าสัดส่วนรายได้จากสินค้า
แบรนด์ของโรบินสันจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 10% ของรายได้รวมภายใน 1-2 ปีนี้ จาก ปี 54 อยู่ที่ 8%
สำหรับปีนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโต 20% จากปี 54 ที่มีรายได้รวม 1.76 หมื่นล้านบาท ซึ่งไตรมาส1/55 บริษัทคาดว่ายอดขายเติบโต 20% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจมีการปรับตัวดีขึ้น และบริษัทจะมีการเพิ่มสินค้าแบรนด์ใหม่ ๆ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องให้ส่วนลดกับลูก โดยจะเน้นจับฐานลูกค้าระดับกลาง พร้อมกับจะเปิดสาขาใหม่เพิ่ม จากปัจจุบันบริษัทมีจำนวน 26 สาขา โดยไตรมาสแรกปีนี้จะเปิดที่สาขาสุพรรณบุรี ซึ่งในช่วงที่เหลือของปีนี้จะเปิดอีก 4 สาขา ที่บางนา เปิดในไตรมาส 2/55 บางแค เปิดไตรมาส 3/55 และไตรมาส4 /55 เปิด 2 สาขา ที่สุราษฎร์ธานี และลำปาง ทำให้สิ้นปีนี้บริษัทจะมีสาขาเพิ่มเป็น 30 สาขา โดยปีนี้จะใช้เงินลงทุนรวม 2,800 ล้านบาท โดยจะมาจากกระแสเงินสดของบริษัท
" แผนการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 3-5 ปี ตั้งเป้าจะเปิดสาขาใหม่ปีละ 5 สาขา ซึ่งจะใช้เงินลงทุนสาขาประมาณละ 500-800 ล้านบาท แล้วแต่รูปแบบของแต่ละสาขา ซึ่งในปีนี้บริษัทจะมีการเปิด 5 สาขาเช่นกัน ใช้เงินลงทุนรวม 2,800 ล้านบาท และ ขณะนี้บริษัทได้มีการซื้อที่เดินในต่างจังหวัดที่จะมีการสร้างสาขาอีก 2 แห่ง ในปีหน้า จากปัจจุบันบริษัทดำเนินการก่อสร้างที่กาญจนบุรี จะมีการเปิดในไตรมาสแรกปี 56 อันจะส่งผลให้ยอดขายต่อสาขาของโรบินสันในปีนี้ของบริษัทเติบโต 6-7% ซึ่งต่ำกว่าปีก่อนที่เติบโตถึง 15% และผลจากการปิดสาขาที่รัชดา ฯ ปีหน้าด้วย แม้ว่าปัจจุบันถือว่ายอดขายเข้าเป้า " นางจิราพรรณ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าจะมีอัตรากำไรขั้นต้น ( กรอสมาร์จิ้น) ของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นปีละ 0.2% ซึ่งปี 54 อยู่ที่ 24.4% เนื่องจากยอดขายที่มีการปรับตัวดีและบริษัทจะมีการเพิ่มสินค้าภายใต้แบรนด์ของโรบินสันมากขึ้น เพราะมีมาร์จิ้นสูง รวมทั้งจะมีการเพิ่มสินค้าแบรนด์ใหม่ ๆ มากขึ้นด้วย เพื่อที่จะไม่ต้องการลดราคาสินค้าให้กับลูกค้า โดยบริษัทคาดว่าสัดส่วนรายได้จากสินค้า
แบรนด์ของโรบินสันจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 10% ของรายได้รวมภายใน 1-2 ปีนี้ จาก ปี 54 อยู่ที่ 8%
สำหรับปีนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโต 20% จากปี 54 ที่มีรายได้รวม 1.76 หมื่นล้านบาท ซึ่งไตรมาส1/55 บริษัทคาดว่ายอดขายเติบโต 20% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจมีการปรับตัวดีขึ้น และบริษัทจะมีการเพิ่มสินค้าแบรนด์ใหม่ ๆ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องให้ส่วนลดกับลูก โดยจะเน้นจับฐานลูกค้าระดับกลาง พร้อมกับจะเปิดสาขาใหม่เพิ่ม จากปัจจุบันบริษัทมีจำนวน 26 สาขา โดยไตรมาสแรกปีนี้จะเปิดที่สาขาสุพรรณบุรี ซึ่งในช่วงที่เหลือของปีนี้จะเปิดอีก 4 สาขา ที่บางนา เปิดในไตรมาส 2/55 บางแค เปิดไตรมาส 3/55 และไตรมาส4 /55 เปิด 2 สาขา ที่สุราษฎร์ธานี และลำปาง ทำให้สิ้นปีนี้บริษัทจะมีสาขาเพิ่มเป็น 30 สาขา โดยปีนี้จะใช้เงินลงทุนรวม 2,800 ล้านบาท โดยจะมาจากกระแสเงินสดของบริษัท
" แผนการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 3-5 ปี ตั้งเป้าจะเปิดสาขาใหม่ปีละ 5 สาขา ซึ่งจะใช้เงินลงทุนสาขาประมาณละ 500-800 ล้านบาท แล้วแต่รูปแบบของแต่ละสาขา ซึ่งในปีนี้บริษัทจะมีการเปิด 5 สาขาเช่นกัน ใช้เงินลงทุนรวม 2,800 ล้านบาท และ ขณะนี้บริษัทได้มีการซื้อที่เดินในต่างจังหวัดที่จะมีการสร้างสาขาอีก 2 แห่ง ในปีหน้า จากปัจจุบันบริษัทดำเนินการก่อสร้างที่กาญจนบุรี จะมีการเปิดในไตรมาสแรกปี 56 อันจะส่งผลให้ยอดขายต่อสาขาของโรบินสันในปีนี้ของบริษัทเติบโต 6-7% ซึ่งต่ำกว่าปีก่อนที่เติบโตถึง 15% และผลจากการปิดสาขาที่รัชดา ฯ ปีหน้าด้วย แม้ว่าปัจจุบันถือว่ายอดขายเข้าเป้า " นางจิราพรรณ กล่าว
