นางสาวนัฐยา พัวพงศกร ผู้จัดการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC เปิดเผยว่า การจ่ายเงินปันผลพิเศษจากนี้ของบริษัทอาจจะทำให้ลำบาก เนื่องจากกำไรสะสมของบริษัทปัจจุบันอยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท เพราะหากมีการจ่ายเงินปันผลงวดปี 54 กำไรสะสมจะเหลือเพียง 1-2 พันล้านบาทเท่านั้น ทำให้การจ่ายเงินปันผลพิเศษไม่มากเหมือนที่ผ่านมา แต่บริษัทยังคงนโยบายจะจ่ายเงินปันผลอัตรา 100% ของกำไรสุทธิ
ทั้งนี้ จากปัจจุบันที่บริษัทมีข้อจำกัดในการเติบโตของรายได้ หากทางสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ยังไม่มีการเปิดให้ประมูลคลื่นความถี่2.1 GHz แต่บริษัทยังคงสามารถเติบโตได้แต่ไม่มาก ส่วนการขยายโครงข่าย 3G-900 MHz เป็น 3.5 พันสถานี จากปัจจุบัน1.5 พันสถานีขณะที่รายได้ทางด้านเสียงจะไม่เติบโต ส่วนที่โตคือการบริการข้อมูล ทำให้โต 5-6%
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีความมั่นใจประมาณ 50% ว่าทางกสทช.จะมีการเปิดประมูลคลื่นความถี่ 2.1 GHz ในปีนี้ และหากมีการเปิดประมูลจริงบริษัทจะต้องพิจารณาว่าจะใช้เงินลงทุนเท่าใด จากเดิมที่ในปี 53 บริษัทตั้งเป้าใช้งบลงทุน 5 หมื่นล้านบาท
สำหรับผลประกอบการของบริษัทปีนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่มาก และหลังจากนี้อาจจะไม่มีการจ่ายเงินปันผลพิเศษ ซึ่งจะทำให้นักลงทุนลดความสนใจในการลงทุนหุ้นของบริษัทหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับมุมมองการลงทุนของแต่ละบุคคล เพราะหากบริษัทได้ใบอนุญาตคลื่นความถี่2.1 GHz และมีการลงทุนก็จะทำให้ผลประกอบการเติบโตเพิ่มขึ้นและกลับมาจ่ายปันผลพิเศษได้ ถึงตอนนั้นนักลงทุนก็คงจะกลับมามองว่าหุ้นของบริษัทเป็นหุ้นปันผลและเป็นหุ้นที่มีการเติบโตรายได้ดี และบริษัทยังจะเดินสายเดินทางไปนำเสนอข้อมูล
(โรดโชว์ ) ในต่างประเทศเหมือนที่ผ่านมา
" ปีนี้บริษัทจะลงทุนเท่าที่ตอบรับความต้องการตามข้อจำกัดของเราภายใต้ใบอนุญาตปัจจุบันที่จะหมดอายุ และเพื่อเตรียมเงินในการลงทุนคลื่นความถี่2.1 GHz โดยจะไม่ทุ่มงบทางการตลาดมาก จะใช้เพียง 2-2.5% ของรายได้รวม และการที่กำไรสะสมเหลือน้อย ทำให้จ่ายปันผลพิเศษอาจจะลำบากแล้ว " นางสาวนัฐยา
ทั้งนี้ จากปัจจุบันที่บริษัทมีข้อจำกัดในการเติบโตของรายได้ หากทางสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ยังไม่มีการเปิดให้ประมูลคลื่นความถี่2.1 GHz แต่บริษัทยังคงสามารถเติบโตได้แต่ไม่มาก ส่วนการขยายโครงข่าย 3G-900 MHz เป็น 3.5 พันสถานี จากปัจจุบัน1.5 พันสถานีขณะที่รายได้ทางด้านเสียงจะไม่เติบโต ส่วนที่โตคือการบริการข้อมูล ทำให้โต 5-6%
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีความมั่นใจประมาณ 50% ว่าทางกสทช.จะมีการเปิดประมูลคลื่นความถี่ 2.1 GHz ในปีนี้ และหากมีการเปิดประมูลจริงบริษัทจะต้องพิจารณาว่าจะใช้เงินลงทุนเท่าใด จากเดิมที่ในปี 53 บริษัทตั้งเป้าใช้งบลงทุน 5 หมื่นล้านบาท
สำหรับผลประกอบการของบริษัทปีนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่มาก และหลังจากนี้อาจจะไม่มีการจ่ายเงินปันผลพิเศษ ซึ่งจะทำให้นักลงทุนลดความสนใจในการลงทุนหุ้นของบริษัทหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับมุมมองการลงทุนของแต่ละบุคคล เพราะหากบริษัทได้ใบอนุญาตคลื่นความถี่2.1 GHz และมีการลงทุนก็จะทำให้ผลประกอบการเติบโตเพิ่มขึ้นและกลับมาจ่ายปันผลพิเศษได้ ถึงตอนนั้นนักลงทุนก็คงจะกลับมามองว่าหุ้นของบริษัทเป็นหุ้นปันผลและเป็นหุ้นที่มีการเติบโตรายได้ดี และบริษัทยังจะเดินสายเดินทางไปนำเสนอข้อมูล
(โรดโชว์ ) ในต่างประเทศเหมือนที่ผ่านมา
" ปีนี้บริษัทจะลงทุนเท่าที่ตอบรับความต้องการตามข้อจำกัดของเราภายใต้ใบอนุญาตปัจจุบันที่จะหมดอายุ และเพื่อเตรียมเงินในการลงทุนคลื่นความถี่2.1 GHz โดยจะไม่ทุ่มงบทางการตลาดมาก จะใช้เพียง 2-2.5% ของรายได้รวม และการที่กำไรสะสมเหลือน้อย ทำให้จ่ายปันผลพิเศษอาจจะลำบากแล้ว " นางสาวนัฐยา
