ASTVผู้จัดการรายวัน - นางณิชชา จิรเมธธนกิจ ผู้จัดการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTT) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 1/2555 เป็นไตรมาสที่มีผลประกอบการดี เนื่องจากราคาน้ำมันโลกปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ธุรกิจการกลั่นมีค่าการกลั่น (GRM) ดีขึ้นมากจากเดือนธ.ค.2554 ที่ค่าการกลั่นอยู่ที่ 2 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่ไตรมาสนี้ค่าการกลั่นอยู่ที่ 6-7 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ธุรกิจปิโตรเคมีพบว่ามาร์จินพาราไซลีนดีกว่าไตรมาสก่อน จากความต้องการใช้ของโรงงานผลิตพีทีเอ แต่มาร์จินโอเลฟินส์ไม่ค่อยดีนัก จากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ 120 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล หากราคาน้ำมันดิบยังยืนอยู่ระดับนี้ไปจนถึงสิ้นเดือนมี.ค. จะทำให้กลุ่มโรงกลั่นมีกำไรจากสต็อกน้ำมันจากปลายปีที่แล้วราคาน้ำมันดิบอยู่ที่ 102 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นทุก 1 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลจะทำให้กลุ่มปตท.มีกำไรประมาณ 15 ล้านเหรียญสหรัฐ
โดยปีนี้ปตท.คาดว่ามีรายได้เติบโตขึ้นประมาณ 5-7% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 2.4 ล้านล้านบาท เนื่องจากรับรู้รายได้บริษัทปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท.สผ.) ที่ตั้งเป้าหมายการขายปิโตรเลียมปีนี้โตขึ้น 7%จาก 2.65 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบเป็น 2.85 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน และความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติของไทยในปีนี้เป็น 4.7
พันล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เติบโต 7%
ส่วนการรับรู้รายได้จากธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นน้ำมันนั้นคงขึ้นกับราคาผลิตภัณฑ์เป็นสำคัญ เนื่องจากไม่มีโครงการใหม่ๆเข้ามาผลักดันให้รายได้เติบโตมากเหมือนในอดีตที่รับรู้รายได้จากโรงอีเทนแครกเกอร์ล้านตันและโรงงานดาวน์สตรีมเต็มปี
นางณิชชา กล่าวถึงกรณีปตท.สผ.ได้ทำคำซื้อหุ้น บริษัท Cove Energy Plc. ที่ราคา 220 เพนซ์ ต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่าทั้งหมด 1,119.6 ล้านปอนด์สเตอลิงนั้น หากดีลดังกล่าวประสบความสำเร็จเชื่อว่าปตท.สผ.ไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุนจดทะเบียนแต่อย่างใด เพราะปตท.สผ.มีกระแสเงินสดในมือสูงมาก แต่หากมีดีลซื้อกิจการอีกหลายโครงการทำให้ต้องใช้เงินมาก ก็มีโอกาสที่จะเพิ่มทุนจดทะเบียน ซึ่งปตท.ในฐานะบริษัทแม่ ก็พร้อมที่จะซื้อหุ้นเพิ่มทุนเพื่อรักษาสัดส่วนการถือหุ้นเอาไว้ เนื่องจากธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมเป็นธุรกิจหลักของบริษัทที่มีสัดส่วนกำไรคิดเป็น 29% ของกำไรสุทธิรวม 1.05 แสนล้านบาท
สำหรับกรณีที่กระทรวงพลังงานมีแผนจะให้ผู้ค้าน้ำมันมาตรา 7 เพิ่มสำรองน้ำมันตามกฎหมายจาก 5%เป็น 8%นั้น จะทำให้ปตท.ต้องใช้เงินทุนหมุนเวียนในการสต็อกน้ำมันเพิ่มขึ้นประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท แม้ว่าจะเป็นการช่วยเพิ่มความมั่นคงด้านพลังงานในช่วงสถานการณ์ความตึงเครียดในช่องแคบฮอร์มุซ
โดยปีนี้ปตท.คาดว่ามีรายได้เติบโตขึ้นประมาณ 5-7% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 2.4 ล้านล้านบาท เนื่องจากรับรู้รายได้บริษัทปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท.สผ.) ที่ตั้งเป้าหมายการขายปิโตรเลียมปีนี้โตขึ้น 7%จาก 2.65 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบเป็น 2.85 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน และความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติของไทยในปีนี้เป็น 4.7
พันล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เติบโต 7%
ส่วนการรับรู้รายได้จากธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นน้ำมันนั้นคงขึ้นกับราคาผลิตภัณฑ์เป็นสำคัญ เนื่องจากไม่มีโครงการใหม่ๆเข้ามาผลักดันให้รายได้เติบโตมากเหมือนในอดีตที่รับรู้รายได้จากโรงอีเทนแครกเกอร์ล้านตันและโรงงานดาวน์สตรีมเต็มปี
นางณิชชา กล่าวถึงกรณีปตท.สผ.ได้ทำคำซื้อหุ้น บริษัท Cove Energy Plc. ที่ราคา 220 เพนซ์ ต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่าทั้งหมด 1,119.6 ล้านปอนด์สเตอลิงนั้น หากดีลดังกล่าวประสบความสำเร็จเชื่อว่าปตท.สผ.ไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุนจดทะเบียนแต่อย่างใด เพราะปตท.สผ.มีกระแสเงินสดในมือสูงมาก แต่หากมีดีลซื้อกิจการอีกหลายโครงการทำให้ต้องใช้เงินมาก ก็มีโอกาสที่จะเพิ่มทุนจดทะเบียน ซึ่งปตท.ในฐานะบริษัทแม่ ก็พร้อมที่จะซื้อหุ้นเพิ่มทุนเพื่อรักษาสัดส่วนการถือหุ้นเอาไว้ เนื่องจากธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมเป็นธุรกิจหลักของบริษัทที่มีสัดส่วนกำไรคิดเป็น 29% ของกำไรสุทธิรวม 1.05 แสนล้านบาท
สำหรับกรณีที่กระทรวงพลังงานมีแผนจะให้ผู้ค้าน้ำมันมาตรา 7 เพิ่มสำรองน้ำมันตามกฎหมายจาก 5%เป็น 8%นั้น จะทำให้ปตท.ต้องใช้เงินทุนหมุนเวียนในการสต็อกน้ำมันเพิ่มขึ้นประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท แม้ว่าจะเป็นการช่วยเพิ่มความมั่นคงด้านพลังงานในช่วงสถานการณ์ความตึงเครียดในช่องแคบฮอร์มุซ
