คกก.ไต่สวนของ กกต.จ่อสรุปรับเงินอีสต์วอเตอร์ไม่ใช่เงินบริจาคอันเป็นเหตุให้ต้องยุบพรรค ปชป. ชี้เจตนารับเพื่อช่วยเหลือน้ำท่วม เงินไม่ได้เข้าพรรค ขณะเดียวกัน วิจารณ์แซด คกก.ไต่สวนรอสรุปพร้อมคำร้อง ปชป.แจกถุงยังชีพพิษณุโลก อาจทำ กกต.เจอคลื่นแทรกจากดีเอสไอถูกกดดัน ซ้ำรอยคดีเงินบริจาคทีพีไอ 258 ล้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (28 มิ.ย.) ได้มีการประชุมคณะกรรมการไต่สวนของ กกต. กรณีนายเรืองไร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา ขอให้นายทะเบียนพรรคการเมืองตรวจสอบพรรคประชาธิปัตย์กรณีการรับบริจาคเงิน 1 ล้านบาทจากบริษัท อีสต์วอเตอร์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการไต่สวนได้มีการพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการสอบสวนทั้งหมดแล้วเห็นว่าข้อมูลที่ได้รับมีความชัดเจนในระดับหนึ่งว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์รับเงินบริจาคช่วยเหลือน้ำท่วม แล้วนำไปให้กับสำนักนายกรัฐมนตรีนั้น ไม่เข้าข่ายเป็นเงินบริจาคตามความหมายของมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.พรรคการเมือง ที่ระบุว่าไว้ในทำนองว่า เป็นการให้เงิน หรือทรัพย์สินแก่พรรคการเมือง เพื่อการดำเนินกิจการของพรรคการเมือง หรือเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งของพรรคการเมือง หรือของผู้สมัครรับเลือกตั้ง แต่ในกรณีนี้ เป็นการให้เพื่อนำไปช่วยเหลือน้ำท่วม อีกทั้งจากหลักฐานเอกสารที่คณะกรรมการไต่สวนได้รับก็พบว่า เงินไม่ได้เข้าพรรค
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการไต่สวนยังจะไม่มีการลงมติในคำร้องนี้ เนื่องจากนายอภิชาต สุขขัคคานนท์ ประธาน กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ได้สั่งให้คณะกรรมการไต่สวนนำเรื่องที่นายเรืองไกร ร้องขอให้นายทะเบียนฯ พิจารณายุบพรรคประชาธิปัตย์จากกรณีนำถุงยังชีพของกระทรวงพลังงานที่มอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกไปแจกกับผู้ประสบภัยน้ำท่วม มารวมพิจารณาด้วยเพราะเห็นว่าผู้ร้องและผู้ถูกร้องเป็นบุคคลเดียวกัน รวมทั้งข้อกล่าวหาก็เป็นเรื่องของการบริจาคที่ก็เกี่ยวข้องกับน้ำท่วมเช่นเดียวกัน ซึ่งก็จะต้องให้โอกาสทั้งผู้ร้องและผู้ถูกร้องชี้แจง และคณะกรรมการไต่สวนต้องฟังคำชี้แจงและแสดงหลักฐานต่าง ๆ ที่คาดว่าคงจะใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง
ทั้งนี้มีรายงานว่า การที่คณะอนุกรรมการยังไม่มีการสรุปเรื่องอีสต์วอเตอร์ โดยจะรอรวมพิจารณากับกรณีที่พิษณุโลก ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่เจ้าหน้าที่กกต.ว่าโดยข้อเท็จจริงแล้วหากกรณีอีสต์วอเตอร์แล้วเสร็จก็น่าจะสรุปนายทะเบียนพรรคการเมืองไปก่อน เพราะหากหยุดเรื่องไว้รอกรณีพิษณุโลก แล้วดีเอสไอ ส่งสำนวนมาให้กกต.พิจารณาอย่างในคดีพรรคประชาธิปัตย์รับเงิน 258 ล้านจากบริษัท ทีพีไอโพลีน จำกัด (มหาชน) โดยชี้ว่าจากการสอบสวนของดีเอสไอพบว่าคดีมีมูลให้ยุบพรรค จะทำให้กกต.ตกอยู่ในฐานะยุ่งยาก และถูกกดดัน หากผลการพิจารณาของคณะกรรมการไต่สวนเสนอว่า การรับเงินบริจาคน้ำท่วมดังกล่าวไม่ถือเป็นการบริจาคตาม พ.ร.บ.พรรคการเมืองที่เป็นเหตุให้ต้องยุบพรรค