กสิกรฯปรับกลยุทธธุรกิจรายใหญ่ บุกตลาดต่างจังหวัด เริ่มปักธง 9 จังหวัดหัวเมืองใหญ่ ตั้งเป้ามาเก็ตแชร์เป็น 25-30% จาก 12%ภายใน 3 ปี พร้อมเตรียมออกกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 กอง มูลค่า 1 หมื่นล้านปลายไตรมาส3
นายวศิน วณิชย์วรนันต์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)(KBANK) เปิดเผยว่า ธนาคารมีแผนงานที่จะขยายฐานไปยังตลาดต่างจังหวัดอย่างจริงจัง โดยเริ่มจาก 9 จังหวัดหัวเมืองใหญ่ ได้แก่ เชียงใหม่ ขอนแก่น โคราช อุดรธานี ชลบุรี ระยอง ภูเก็ต สุราษฎ์ธานี และสงขลา ซึ่งมีการดำเนินโครงการขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพ ทั้งโครงการด้านที่อยู่อาศัย ศูนย์การค้า โรงงานอุตสาหกรรม ฯลฯ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 5 แสนล้านบาท ทำให้ตลาดมีความน่าสนใจในเชิงธุรกิจอย่างยิ่ง
โดยวางกลยุทธ์ทางธุรกิจตอบรับทุกอุตสาหกรรมหลักด้วยผลิตภัณฑ์ทางการเงินแบบแพ็คเกจครบวงจร ทั้งการให้สินเชื่อก่อนและหลังโครงการแล้วเสร็จ การนำเสนอบริการจัดการทางการเงิน (Cash Management) รวมทั้งการดูแลสินเชื่อให้แก่คู่ค้าของธุรกิจตลอดจนซัพพลายเชน รวมทั้งจัดโครงสร้างทีมงานขายในพื้นที่ใหม่ กระจายตัวอยู่ในศูนย์ธุรกิจ (Business Hub) 5 จุดหลัก เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการทางธุรกิจได้ทันท่วงที โดยตั้งเป้าครองส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มจากปัจจุบันที่ 12% เป็น 25-30% ภายใน 3 ปี
สำหรับในไตรมาสแรกที่ผ่านมา ธนาคารมีการเติบโตของยอดสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่โดยรวมที่ประมาณ 1% จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 8-9% แต่รายได้ของธนาคารเติบโตขึ้น 17% จากปีที่แล้ว โดยเฉพาะการเติบโตของค่าธรรมเนียมถึง 18% ขณะที่ในช่วงไตรมาส 2 สินเชื่อของธนาคารคาดว่าจะเติบโตได้ประมาณ 4% จากช่วงปลายปีก่อน
ทั้งนี้ ในสัปดาห์หน้าธนาคารจะปล่อยกู้ร่วมให้กับบริษัทผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน)(EGCO) ในโครงการโรงไฟฟ้า 22 เมกกะวัตต์ วงเงิน 2.5 พันล้านบาท นอกจากนี้ ในช่วงปลายไตรมาส 3 ธนาคารจะออกกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 กอง เป็นโครงการโรงผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก และโครงการพลังงานทดแทน มูลค่ารวมประมาณ 1 หมื่นล้านบาท
นายวศิน วณิชย์วรนันต์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)(KBANK) เปิดเผยว่า ธนาคารมีแผนงานที่จะขยายฐานไปยังตลาดต่างจังหวัดอย่างจริงจัง โดยเริ่มจาก 9 จังหวัดหัวเมืองใหญ่ ได้แก่ เชียงใหม่ ขอนแก่น โคราช อุดรธานี ชลบุรี ระยอง ภูเก็ต สุราษฎ์ธานี และสงขลา ซึ่งมีการดำเนินโครงการขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพ ทั้งโครงการด้านที่อยู่อาศัย ศูนย์การค้า โรงงานอุตสาหกรรม ฯลฯ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 5 แสนล้านบาท ทำให้ตลาดมีความน่าสนใจในเชิงธุรกิจอย่างยิ่ง
โดยวางกลยุทธ์ทางธุรกิจตอบรับทุกอุตสาหกรรมหลักด้วยผลิตภัณฑ์ทางการเงินแบบแพ็คเกจครบวงจร ทั้งการให้สินเชื่อก่อนและหลังโครงการแล้วเสร็จ การนำเสนอบริการจัดการทางการเงิน (Cash Management) รวมทั้งการดูแลสินเชื่อให้แก่คู่ค้าของธุรกิจตลอดจนซัพพลายเชน รวมทั้งจัดโครงสร้างทีมงานขายในพื้นที่ใหม่ กระจายตัวอยู่ในศูนย์ธุรกิจ (Business Hub) 5 จุดหลัก เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการทางธุรกิจได้ทันท่วงที โดยตั้งเป้าครองส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มจากปัจจุบันที่ 12% เป็น 25-30% ภายใน 3 ปี
สำหรับในไตรมาสแรกที่ผ่านมา ธนาคารมีการเติบโตของยอดสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่โดยรวมที่ประมาณ 1% จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 8-9% แต่รายได้ของธนาคารเติบโตขึ้น 17% จากปีที่แล้ว โดยเฉพาะการเติบโตของค่าธรรมเนียมถึง 18% ขณะที่ในช่วงไตรมาส 2 สินเชื่อของธนาคารคาดว่าจะเติบโตได้ประมาณ 4% จากช่วงปลายปีก่อน
ทั้งนี้ ในสัปดาห์หน้าธนาคารจะปล่อยกู้ร่วมให้กับบริษัทผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน)(EGCO) ในโครงการโรงไฟฟ้า 22 เมกกะวัตต์ วงเงิน 2.5 พันล้านบาท นอกจากนี้ ในช่วงปลายไตรมาส 3 ธนาคารจะออกกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 กอง เป็นโครงการโรงผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก และโครงการพลังงานทดแทน มูลค่ารวมประมาณ 1 หมื่นล้านบาท
