ได้ฟังแกนนำเสื้อแดงแต่ละคนขึ้นพูดแล้วก็รู้ว่าพวกเขาไม่รู้เรื่องการเมืองเลย ได้แต่ด่าฝ่ายตรงข้ามว่าเลวอย่างนั้นๆ แต่พวกเสื้อแดงเองก็หลงผิดงมงายในเรื่องประชาธิปไตย ซึ่งพวกเขาเป็นผลผลิตของระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญอันเป็นทายาทของคณะราษฎรปีกปรีดี พนมยงค์ นี่เอง
แท้จริงการเมืองไทย ยังคงรักษาระบอบเผด็จการ (Dictatorship Regime) คือ ระบอบที่ไม่มีหลักการปกครอง (Principle of Government) แต่ใช้วิธีการปกครอง (Methods of government) คือ กฎหมายรัฐธรรมนูญมาปกครอง ส่วนรูปการปกครอง (Form of Government) คือ ระบบรัฐสภา (Parliamentary System) ขึ้นสู่อำนาจโดยการเลือกตั้งจึงเรียกว่า ระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญระบบรัฐสภาอันเป็นเหตุของเผด็จการรัฐสภา มายาวนาน 80 ปี
ส่วนการใช้วิธีการรัฐประหารขึ้นสู่อำนาจเรียกว่า เผด็จการรัฐประหาร หากใช้ระบบรัฐสภาก็เรียกว่า เผด็จการรัฐประหารระบบรัฐสภา
ขอให้ท่านเข้าใจอย่างถูกต้องว่า ระบอบเผด็จการทุกชนิด จะไม่มีหลักการปกครองหรือไม่มีระบอบ มีแต่รัฐธรรมนูญ หรือกล่าวได้ว่า ปิดหลักการ แต่เปิดวิธีการปกครอง คือ รัฐธรรมนูญ รูปการปกครอง การเลือกตั้ง ฯลฯ พวกเขาซ่อนเร้นระบอบฯ แต่เปิดวิธีการปฏิบัติ นี่คือการหลอกลวงอย่างร้ายกาจของผู้ปกครองหรือเป็นความหลงผิดอย่างใหญ่หลวง
ระบอบการเมืองใดๆ ไม่มีหลักการปกครองโดยธรรมจะนำความพินาศมาให้ประชาชนอย่างไม่รู้จบสิ้น
การเมืองชนิดนี้ อุปมา ดาวเคราะห์ ปราศจากดวงอาทิตย์ จึงดำรงอยู่ไม่ได้หรือดุจดัง ชิ้นส่วนรถยนต์วางเรี่ยราด หาความเป็นรถยนต์ไม่ได้
ในสถานการณ์ปัจจุบัน พรรคการเมืองภายใต้แนวคิดเผด็จการรัฐธรรมนูญโดยรัฐธรรมนูญ แตกออกเป็น 2 ฝ่าย
ฝ่ายทักษิณ ยิ่งลักษณ์ พรรคเพื่อไทย เสื้อแดง ยึดรัฐธรรมนูญฉบับปี 40 โดยมีพรรคคอมมิวนิสต์เข้ามาอิงแอบทำแนวร่วม (United Front) มีจุดหมายเปลี่ยนประเทศไทยเป็นสาธารณรัฐ ยุทธวิธีคือ ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และยึดกองทัพ ฯลฯ หากฝ่ายนี้ชนะวันใดก็เกิดสงครามกลางเมืองขึ้นวันนั้น
อีกฝ่ายหนึ่ง ยึดรัฐธรรมนูญ ฉบับ 50 โดยมีพรรคการเมืองเข้าไปอิงแอบกองทัพ ฝ่ายคอมมิวนิสต์ก็เข้าไปทำแนวร่วม (United Front) เช่นเดียวกันแต่น้อยกว่า ฝ่ายนี้พยายามต่อต้านการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แต่ก็คงทำไม่สำเร็จ เพราะฝ่ายนี้ก็เป็นเผด็จการรัฐธรรมนูญฝ่ายขวา
สภาพการณ์ดังกล่าว ย่อมเป็นเหตุให้การปกครองของรัฐบาลไหนๆ ก็ตามยุ่งเหยิง แผ่ความขัดแย้ง ขยายความแตกแยก เพิ่มคอร์รัปชัน และทำลายสังคมทุกระดับชั้น แผ่กระจายการทำลายออกไปสู่ทุกส่วนที่เกี่ยวพันสัมพันธ์กันทั้งหมดทั่วทั้งประเทศ
เมื่อระบอบมิจฉาทิฐิ ย่อมเป็นเหตุให้รัฐบาลปกครองอย่างยุ่งเหยิง เมื่อรัฐบาลยุ่งเหยิง ย่อมเป็นเหตุให้การบริหารกระทรวงยุ่งเหยิง กรมยุ่งเหยิง จังหวัดยุ่งเหยิง อำเภอยุ่งเหยิง ตำบล หมู่บ้าน วัด โรงเรียน ครอบครัวยุ่งเหยิงล้มละลาย กระทั่งถึงบุคคล เช่นแกนนำเสื้อแดงที่มีแต่ความเห็นผิด
สภาพที่เป็นจริง 70 % ครอบครัวไทยแตกแยกล้มเหลว ทุกองค์กรแตกแยกแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ฯลฯ
ถามว่า กลุ่มทักษิณแดง มีปัญญาในการคิดแก้เหตุวิกฤตชาติไหม ตอบว่าไม่มีแต่ความโง่เขลาและรุนแรง กลุ่มนี้เห็นแต่ประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง และจะนำพาประเทศชาติไปสู่สาธารณรัฐและทำไปเพื่อความสะใจเกลียดชัง
ขอย้ำว่าคณะผู้ปกครองไทยทั้งฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ และฝ่ายทักษิณ ยิ่งลักษณ์ พรรคเพื่อไทยแกนนำเสื้อแดงได้หลงผิดอย่างใหญ่หลวง 6 ประการคือ
1) เข้าใจผิดในการจัดความสัมพันธ์ระหว่างระบอบกับรัฐธรรมนูญหรือหลักการปกครองกับรัฐธรรมนูญ พบว่ารัฐธรรมนูญของไทยทั้ง 18 ฉบับ ไม่มีหลักการปกครองโดยธรรมหรือตัวที่บ่งชี้ให้รู้ว่าเป็นระบอบอะไร มีแต่ด้านวิธีการปกครอง คือรัฐธรรมนูญ ได้แก่ หมวดและมาตราต่างๆ เพียงด้านเดียว
“ดวงอาทิตย์ย่อมเป็นศูนย์กลางและมาก่อนดาวเคราะห์ ฉันใด หลักการปกครองโดยธรรมย่อมเป็นศูนย์กลางและมาก่อนวิธีการปกครอง คือ รัฐธรรมนูญ หมวดและมาตราต่างๆ ฉันนั้น”
2) ความเข้าใจผิดว่าการยกร่างรัฐธรรมนูญ คือ การสร้างระบอบประชาธิปไตย อันเป็นความเห็นผิดร้ายแรงของผู้ปกครองไทยมากถึง 18 คณะที่กระทำผิดต่อชาติของตน ความถูกต้องคือรัฐธรรมนูญเป็นเพียงกฎหมายหลัก (Principle of Law) หน้าที่ของกฎหมายคือรักษาคุ้มครองและสะท้อนความเป็นระบอบนั้นๆ การเอากฎหมายไปสร้างระบอบร้อยครั้ง พันฉบับ นอกจากจะไม่ได้ระบอบที่แท้จริงแล้ว จะมีแต่ความล้มเหลวซ้ำซากและหายนะเรื่อยไป อย่างไม่รู้จบสิ้น
3) เข้าใจผิดว่ารัฐธรรมนูญคือระบอบประชาธิปไตย ความเข้าใจที่ถูกต้องคือ“รัฐธรรมนูญไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย” เพราะระบอบใดๆ ก็มีรัฐธรรมนูญกันทั้งนั้น ที่ถูกต้องคือ ก่อนอื่นต้องสถาปนาระบอบหรือหลักการปกครองขึ้นมาก่อนโดยพระเจ้าแผ่นดิน จากนั้นจึงแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สอดคล้องกับหลักการปกครอง และเป็นการแก้ไขเหตุวิกฤตชาติให้ตกไปด้วย ฝ่ายเสื้อแดงเรียกร้องประชาธิปไตยแต่ดันไปคว้าเอารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ นี่แหละแท้จริง “เสื้อแดงคือมวลชนเผด็จการรัฐธรรมนูญ”
4) เข้าใจผิดว่ารูปการปกครอง (Form of Government) เป็นระบอบประชาธิปไตย คือเข้าใจผิดว่าระบบรัฐสภา (Parliamentary System) เป็นระบอบประชาธิปไตย อันที่จริงรูปการปกครองมีไว้เพื่อจัดความสัมพันธ์องค์กรแห่งอำนาจอธิปไตยระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร และฝ่ายตุลาการ ว่าจะถ่วงดุลอำนาจกันอย่างไร ซึ่งไม่เกี่ยวว่าจะเป็นระบอบอะไรก็ได้
5) เข้าใจผิดว่าการเลือกตั้ง เป็นระบอบประชาธิปไตย การเลือกตั้งเป็นวิธีการอย่างหนึ่งเพื่อเข้าสู่อำนาจทางการเมืองซึ่งเป็นของกลาง หมายความว่าระบอบอะไรๆ ก็นำไปใช้ได้ทั้งสิ้น เช่น ประชาธิปไตย คอมมิวนิสต์เผด็จการ
6) เข้าใจผิดว่าประมุขแห่งชาติเป็นประมุขระบอบ พวกเขาชอบพูด และเขียนกันเหลือเกินว่า “ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” นี่คือความเห็นผิดและเขียนผิด กลายเป็นทำลายพระบรมเดชานุภาพพระมหากษัตริย์ จะโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ก็ตาม การเมืองเลวทำให้ไทยเราตกอยู่ในความหายนะ ผู้คนก็เลยโทษพระมหากษัตริย์เพราะเป็นประมุขระบอบ แต่ความถูกต้องคือพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขประเทศไม่ใช่ประมุขระบอบ และประเทศนั้นอาจจะปกครองด้วยระบอบอะไรก็ได้ เช่น เผด็จการโดยรัฐธรรมนูญ หรือเผด็จการรัฐประหาร ทั้ง 6 ข้อคือความเห็นผิด ทำผิดมายาวนาน 80 ปี
เสื้อแดงที่มีเหตุผลและเป็นคนรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ได้อ่านดังนี้แล้วก็คงไม่ยอมให้ทักษิณ ยิ่งลักษณ์ พรรคเพื่อไทย แกนนำเสื้อแดงหลอกใช้อีกต่อไป
ขณะเดียวกันแกนนำหรือมวลชนประชาธิปไตยที่แท้จริงต้องร่วมกันเสนอหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 ก่อนแก้ไขรัฐธรรมนูญ นี่คือความต่าง
แท้จริงการเมืองไทย ยังคงรักษาระบอบเผด็จการ (Dictatorship Regime) คือ ระบอบที่ไม่มีหลักการปกครอง (Principle of Government) แต่ใช้วิธีการปกครอง (Methods of government) คือ กฎหมายรัฐธรรมนูญมาปกครอง ส่วนรูปการปกครอง (Form of Government) คือ ระบบรัฐสภา (Parliamentary System) ขึ้นสู่อำนาจโดยการเลือกตั้งจึงเรียกว่า ระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญระบบรัฐสภาอันเป็นเหตุของเผด็จการรัฐสภา มายาวนาน 80 ปี
ส่วนการใช้วิธีการรัฐประหารขึ้นสู่อำนาจเรียกว่า เผด็จการรัฐประหาร หากใช้ระบบรัฐสภาก็เรียกว่า เผด็จการรัฐประหารระบบรัฐสภา
ขอให้ท่านเข้าใจอย่างถูกต้องว่า ระบอบเผด็จการทุกชนิด จะไม่มีหลักการปกครองหรือไม่มีระบอบ มีแต่รัฐธรรมนูญ หรือกล่าวได้ว่า ปิดหลักการ แต่เปิดวิธีการปกครอง คือ รัฐธรรมนูญ รูปการปกครอง การเลือกตั้ง ฯลฯ พวกเขาซ่อนเร้นระบอบฯ แต่เปิดวิธีการปฏิบัติ นี่คือการหลอกลวงอย่างร้ายกาจของผู้ปกครองหรือเป็นความหลงผิดอย่างใหญ่หลวง
ระบอบการเมืองใดๆ ไม่มีหลักการปกครองโดยธรรมจะนำความพินาศมาให้ประชาชนอย่างไม่รู้จบสิ้น
การเมืองชนิดนี้ อุปมา ดาวเคราะห์ ปราศจากดวงอาทิตย์ จึงดำรงอยู่ไม่ได้หรือดุจดัง ชิ้นส่วนรถยนต์วางเรี่ยราด หาความเป็นรถยนต์ไม่ได้
ในสถานการณ์ปัจจุบัน พรรคการเมืองภายใต้แนวคิดเผด็จการรัฐธรรมนูญโดยรัฐธรรมนูญ แตกออกเป็น 2 ฝ่าย
ฝ่ายทักษิณ ยิ่งลักษณ์ พรรคเพื่อไทย เสื้อแดง ยึดรัฐธรรมนูญฉบับปี 40 โดยมีพรรคคอมมิวนิสต์เข้ามาอิงแอบทำแนวร่วม (United Front) มีจุดหมายเปลี่ยนประเทศไทยเป็นสาธารณรัฐ ยุทธวิธีคือ ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และยึดกองทัพ ฯลฯ หากฝ่ายนี้ชนะวันใดก็เกิดสงครามกลางเมืองขึ้นวันนั้น
อีกฝ่ายหนึ่ง ยึดรัฐธรรมนูญ ฉบับ 50 โดยมีพรรคการเมืองเข้าไปอิงแอบกองทัพ ฝ่ายคอมมิวนิสต์ก็เข้าไปทำแนวร่วม (United Front) เช่นเดียวกันแต่น้อยกว่า ฝ่ายนี้พยายามต่อต้านการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แต่ก็คงทำไม่สำเร็จ เพราะฝ่ายนี้ก็เป็นเผด็จการรัฐธรรมนูญฝ่ายขวา
สภาพการณ์ดังกล่าว ย่อมเป็นเหตุให้การปกครองของรัฐบาลไหนๆ ก็ตามยุ่งเหยิง แผ่ความขัดแย้ง ขยายความแตกแยก เพิ่มคอร์รัปชัน และทำลายสังคมทุกระดับชั้น แผ่กระจายการทำลายออกไปสู่ทุกส่วนที่เกี่ยวพันสัมพันธ์กันทั้งหมดทั่วทั้งประเทศ
เมื่อระบอบมิจฉาทิฐิ ย่อมเป็นเหตุให้รัฐบาลปกครองอย่างยุ่งเหยิง เมื่อรัฐบาลยุ่งเหยิง ย่อมเป็นเหตุให้การบริหารกระทรวงยุ่งเหยิง กรมยุ่งเหยิง จังหวัดยุ่งเหยิง อำเภอยุ่งเหยิง ตำบล หมู่บ้าน วัด โรงเรียน ครอบครัวยุ่งเหยิงล้มละลาย กระทั่งถึงบุคคล เช่นแกนนำเสื้อแดงที่มีแต่ความเห็นผิด
สภาพที่เป็นจริง 70 % ครอบครัวไทยแตกแยกล้มเหลว ทุกองค์กรแตกแยกแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ฯลฯ
ถามว่า กลุ่มทักษิณแดง มีปัญญาในการคิดแก้เหตุวิกฤตชาติไหม ตอบว่าไม่มีแต่ความโง่เขลาและรุนแรง กลุ่มนี้เห็นแต่ประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง และจะนำพาประเทศชาติไปสู่สาธารณรัฐและทำไปเพื่อความสะใจเกลียดชัง
ขอย้ำว่าคณะผู้ปกครองไทยทั้งฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ และฝ่ายทักษิณ ยิ่งลักษณ์ พรรคเพื่อไทยแกนนำเสื้อแดงได้หลงผิดอย่างใหญ่หลวง 6 ประการคือ
1) เข้าใจผิดในการจัดความสัมพันธ์ระหว่างระบอบกับรัฐธรรมนูญหรือหลักการปกครองกับรัฐธรรมนูญ พบว่ารัฐธรรมนูญของไทยทั้ง 18 ฉบับ ไม่มีหลักการปกครองโดยธรรมหรือตัวที่บ่งชี้ให้รู้ว่าเป็นระบอบอะไร มีแต่ด้านวิธีการปกครอง คือรัฐธรรมนูญ ได้แก่ หมวดและมาตราต่างๆ เพียงด้านเดียว
“ดวงอาทิตย์ย่อมเป็นศูนย์กลางและมาก่อนดาวเคราะห์ ฉันใด หลักการปกครองโดยธรรมย่อมเป็นศูนย์กลางและมาก่อนวิธีการปกครอง คือ รัฐธรรมนูญ หมวดและมาตราต่างๆ ฉันนั้น”
2) ความเข้าใจผิดว่าการยกร่างรัฐธรรมนูญ คือ การสร้างระบอบประชาธิปไตย อันเป็นความเห็นผิดร้ายแรงของผู้ปกครองไทยมากถึง 18 คณะที่กระทำผิดต่อชาติของตน ความถูกต้องคือรัฐธรรมนูญเป็นเพียงกฎหมายหลัก (Principle of Law) หน้าที่ของกฎหมายคือรักษาคุ้มครองและสะท้อนความเป็นระบอบนั้นๆ การเอากฎหมายไปสร้างระบอบร้อยครั้ง พันฉบับ นอกจากจะไม่ได้ระบอบที่แท้จริงแล้ว จะมีแต่ความล้มเหลวซ้ำซากและหายนะเรื่อยไป อย่างไม่รู้จบสิ้น
3) เข้าใจผิดว่ารัฐธรรมนูญคือระบอบประชาธิปไตย ความเข้าใจที่ถูกต้องคือ“รัฐธรรมนูญไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย” เพราะระบอบใดๆ ก็มีรัฐธรรมนูญกันทั้งนั้น ที่ถูกต้องคือ ก่อนอื่นต้องสถาปนาระบอบหรือหลักการปกครองขึ้นมาก่อนโดยพระเจ้าแผ่นดิน จากนั้นจึงแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สอดคล้องกับหลักการปกครอง และเป็นการแก้ไขเหตุวิกฤตชาติให้ตกไปด้วย ฝ่ายเสื้อแดงเรียกร้องประชาธิปไตยแต่ดันไปคว้าเอารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ นี่แหละแท้จริง “เสื้อแดงคือมวลชนเผด็จการรัฐธรรมนูญ”
4) เข้าใจผิดว่ารูปการปกครอง (Form of Government) เป็นระบอบประชาธิปไตย คือเข้าใจผิดว่าระบบรัฐสภา (Parliamentary System) เป็นระบอบประชาธิปไตย อันที่จริงรูปการปกครองมีไว้เพื่อจัดความสัมพันธ์องค์กรแห่งอำนาจอธิปไตยระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร และฝ่ายตุลาการ ว่าจะถ่วงดุลอำนาจกันอย่างไร ซึ่งไม่เกี่ยวว่าจะเป็นระบอบอะไรก็ได้
5) เข้าใจผิดว่าการเลือกตั้ง เป็นระบอบประชาธิปไตย การเลือกตั้งเป็นวิธีการอย่างหนึ่งเพื่อเข้าสู่อำนาจทางการเมืองซึ่งเป็นของกลาง หมายความว่าระบอบอะไรๆ ก็นำไปใช้ได้ทั้งสิ้น เช่น ประชาธิปไตย คอมมิวนิสต์เผด็จการ
6) เข้าใจผิดว่าประมุขแห่งชาติเป็นประมุขระบอบ พวกเขาชอบพูด และเขียนกันเหลือเกินว่า “ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” นี่คือความเห็นผิดและเขียนผิด กลายเป็นทำลายพระบรมเดชานุภาพพระมหากษัตริย์ จะโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ก็ตาม การเมืองเลวทำให้ไทยเราตกอยู่ในความหายนะ ผู้คนก็เลยโทษพระมหากษัตริย์เพราะเป็นประมุขระบอบ แต่ความถูกต้องคือพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขประเทศไม่ใช่ประมุขระบอบ และประเทศนั้นอาจจะปกครองด้วยระบอบอะไรก็ได้ เช่น เผด็จการโดยรัฐธรรมนูญ หรือเผด็จการรัฐประหาร ทั้ง 6 ข้อคือความเห็นผิด ทำผิดมายาวนาน 80 ปี
เสื้อแดงที่มีเหตุผลและเป็นคนรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ได้อ่านดังนี้แล้วก็คงไม่ยอมให้ทักษิณ ยิ่งลักษณ์ พรรคเพื่อไทย แกนนำเสื้อแดงหลอกใช้อีกต่อไป
ขณะเดียวกันแกนนำหรือมวลชนประชาธิปไตยที่แท้จริงต้องร่วมกันเสนอหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 ก่อนแก้ไขรัฐธรรมนูญ นี่คือความต่าง