xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ศาลฉะเชิงเทรายกฟ้อง“หมิ่นทักษิณ” ชัยชนะอีกยกของพันธมิตรฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อ่านแถลงการณ์ฉบับที่ 2/2551 ที่บ้านพระอาทิตย์ เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2551 ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นำไปฟ้องแกนนำพันธมิตรฯ ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ถึง 5 ศาล และล่าสุดศาลจังหวัดฉะเชิงเทราได้พิพากษายกฟ้องแล้ว
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-การฟ้องต่อศาลด้วยข้อหาหมิ่นประมาท เป็นอีกวิธีการหนึ่งของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่จะปิดปากฝ่ายตรงข้ามไม่ให้วิพากษ์วิจารณ์ตนเอง ด้วยเหตุนี้ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ภาคประชาชนที่ออกมาเคลื่อนไหวขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณตั้งแต่ปี 2549 จึงถูก พ.ต.ท.ทักษิณฟ้องด้วยข้อหาหมิ่นประมาทหลายสิบคดี ในขณะที่ตัว พ.ต.ท.ทักษิณเองยังหลบหนีอยู่ต่างประเทศ และวิพากษ์วิจารณ์ระบบศาลของประเทศไทยว่าไม่ให้ความยุติธรรม

อย่างไรก็ตาม เมื่อกระบวนการยุติธรรมได้ดำเนินไป ความจริงก็เริ่มปรากฏขึ้นมาเรื่อยๆ ว่า สิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณยัดเยียดว่าฝ่ายตรงข้ามหมิ่นประมาทตนเองนั้น ไม่ได้เข้าข่ายเป็นการหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญาแต่อย่างใด หลายคดีจึงถูกยกฟ้องไปแล้ว

รวมทั้งกรณีล่าสุด เมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา ที่ศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้มีคำพิพากษายกฟ้องคดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ฟ้องแกนนำพันธมิตรฯ และบริษัทไทยเดย์ ดอทคอม จำกัด กรณีที่พันธมิตรฯ ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2/2551 ก่อนการชุมนุม 193 วัน

คดีดังกล่าว มีจำเลยรวม 7 คน ประกอบด้วย นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายพิภพ ธงไชย นายสมศักดิ์ โกสัยสุข พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสุริยะใส กตะศิลา และ บริษัทไทยเดย์ ด็อท คอม จำกัด ตามคดีหมายเลขดำที่ 1852/2551 โดย พ.ต.ท.ทักษิณยื่นฟ้อง เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.2551

คดีนี้โจทก์คือ พ.ต.ท.ทักษิณ มอบหมายให้นายพิชา ป้อมค่าย เป็นผู้ฟ้องร้องดำเนินคดีแทน บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งเจ็ดร่วมกันหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา โดยเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2551 จำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 ร่วมกันออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2/2551 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เรื่อง กลียุคมาแล้ว มุ่งหมายใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สามให้เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชังจากประชาชนทั่วไป

ในคำบรรยายฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณอ้างว่า ข้อความในแถลงการณ์ตอนที่ระบุถึงการโยกย้ายข้าราชการอย่างอุกอาจสำคัญๆ นั้น จำเลยมีเจตนาต้องการให้ประชาชนเข้าใจว่าโจทก์ใช้อำนาจบริหารเด็ดขาดเพียงคนเดียว เลวทราม ต่ำช้า ทำลายระบบคุณธรรม สร้างความแตกแยกเกิดขึ้นอย่างรุนแรง

ข้อความที่ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้ให้สัมภาษณ์สื่อสารมวลชนต่างประเทศเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมและมีเป้าหมายกลับมาเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างชัดเจน เป็นการใส่ความโจทก์ว่า ทำลายความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเป็นองค์กรที่ใช้อำนาจทางกฎหมาย ซึ่งเป็นความเท็จ เนื่องจากโจทก์ก็ไม่เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อสารมวลชนต่างประเทศทำลายความน่าเชื่อถือกระบวนการยุติธรรมตามที่จำเลยใส่ความ

ข้อความที่ระบุว่า พันธมิตรฯ ไม่เคยเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยุติบทบาททางการเมือง แต่เรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยไม่แทรกแซงและบิดเบือนดังที่กำลังพยายามกระทำอยู่ในปัจจุบัน ข้อความนี้จำเลยมีเจตนาให้ประชาชนเข้าใจว่า โจทก์แทรกแซงและบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมซึ่งเป็นความเท็จ
ข้อความที่ระบุว่า เป้าหมายของระบอบทักษิณที่ทำให้เกิดกลียุคต่อชาติบ้านเมือง จำเลยต้องการให้ประชาชนเข้าใจว่า เป้าหมายของโจทก์คือ ทำให้ชาติบ้านเมืองเกิดความวุ่นวายแตกแยก ซึ่งเป็นความเท็จทั้งสิ้น

ข้อความที่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณยังคงเป็นปัญหาร้ายแรงของแผ่นดินอยู่เช่นเดิม เป็นข้อความที่ไม่เป็นความจริงเนื่องด้วยโจทก์ตั้งใจทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง และผลงานโจทก์เป็นที่ยอมรับของประชาชนทำให้สมาชิกพรรคไทยรักไทยได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 377 คน จากจำนวนทั้งหมด 500 คน

นอกจากนี้ จำเลยที่ 2 (นายสมเกียรติ) ยังได้แถลงถึงการออกคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการของรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช โดยที่ยังไม่ทันบริหารงานเลย แสดงให้เห็นการลุแก่อำนาจ การบ้าอำนาจของหุ่นเชิดและระบอบทักษิณ ซึ่งจำเลยที่ 2 มีเจตนาใส่ความให้โจทก์ให้ประชาชนเข้าใจว่าโจทก์เป็นคนไม่ดี ทำลายระบบคุณธรรม คุณงามความดี สร้างความแตกแยกในหมู่ข้าราชการทุกภาคส่วน

อย่างไรก็ตาม ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า การออกแถลงการณ์ฉบับดังกล่าวเป็นการแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลในขณะนั้น โดยตามแถลงการณ์ที่ว่า มีการดำเนินการโยกย้ายข้าราชการอย่างอุกอาจนั้น ข้อเท็จจริงที่มีอยู่จริงว่า เอกสารหมาย ล.18 ปรากฏรายละเอียดการโยกย้ายข้าราชการของโจทก์ เช่น แต่งตั้ง พล.อ.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ญาติใกล้ชิดให้ขึ้นตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก แต่งตั้ง พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา ซึ่งเป็นสามีของเลขานุการส่วนตัวของภริยาโจทก์ให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพอากาศ แต่งตั้งนายทหารระดับสูงซึ่งเป็นเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 26 ไปดำรงตำแหน่งในองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) คณะกรรมการบอร์ดการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ทอท.) คณะกรรมการบอร์ดการบินไทย และแต่งตั้ง พล.ท.พฤณท์ สุวรรณทัต เป็นคณะกรรมการบอร์ดการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) โดยโจทก์ไม่อาจโต้แย้งความมีอยู่จริงของข้อเท็จจริงส่วนนี้ได้

สำหรับกรณีคำกล่าวว่า โจทก์ให้สัมภาษณ์สื่อสารมวลชนต่างประเทศ เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรม และมีเป้าหมายกลับมาเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างชัดเจน ตลอดจนมีการพาดพิงไปยังสถาบันสำคัญของประเทศว่า เป็นตัวการอยู่เบื้องหลัง ทั้งหมดนี้เป็นข้อพิสูจน์ว่าโจทก์ยังคงอยู่หลังฉากบงการเมืองในพรรคพลังประชาชนต่อไป และเป็นที่ประจักษ์ชัดว่าโจทก์ยังคงเป็นปัญหาร้ายแรงของแผ่นดินอยู่เช่นเดิม ก็ปรากฏข้อเท็จจริงจากทางนำสืบของจำเลยหลายประการที่บ่งชี้ว่า โจทก์ได้กระทำการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนต่างประเทศหลายสำนักกล่าววิพากษ์วิจารณ์ถึงกระบวนการยุติธรรมของประเทศ ซึ่งช่วงดังกล่าวศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาลงโทษโจทก์ และโจทก์ก็หลีกเลี่ยงการรับโทษโดยเดินทางไปต่างประเทศแล้วไม่เดินทางกลับ โดยปรากฏสารความบางส่วนในแถลงการณ์เรื่อง การไม่ไปรายงานตัวต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง เอกสารหมาย ล.17 ซึ่งเป็นเอกสารที่โจทก์จัดทำเสนอต่อศาลฎีกาว่า มีการมุ่งหมายเอาผิดโจทก์และครอบครัว โดยเอาผลลัพธ์ที่อยากได้เป็นตัวตั้ง บังคับใช้กฎหมายไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรมสากล บังคับใช้กฎหมายให้มีผลย้อนหลังทำให้โจทก์และครอบครัวถูกดำเนินการอย่างไม่เป็นธรรมมาอย่างต่อเนื่อง และโจทก์ยังได้ใช้สื่อนวัติกรรมใหม่ๆ ในการแสดงความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าวเข้ามาในราชอาณาจักร

ส่วนข้อความอื่นที่ปรากฏในคำแถลงการณ์ที่จำเลยได้หยิบยกนำมากล่าว ล้วนมีข้อเท็จจริงสนับสนุนให้เห็นว่าโจทก์ได้กระทำการเช่นนั้นจริง พฤติการณ์แห่งคดีจึงฟังได้ว่า การกระทำตามฟ้องของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 เป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริตในฐานะประชาชนย่อมวิพากษ์วิจารณ์ติชมการปฏิบัติหน้าที่และพฤติกรรมต่อเนื่องหลังจากนั้นของโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลสาธารณะได้ จึงเป็นการติชมด้วยความเป็นธรรม ซึ่งบุคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ เพื่อรักษาผลประโยชน์แห่งรัฐ เพื่อความชอบธรรมป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม การกระทำของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 จึงหาเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทไม่ จำเลยที่ 7 ที่โจทก์ฟ้องว่าเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดดังกล่าวจึงไม่มีความผิดเช่นเดียวกัน คดีหาจำต้องวินิจฉัยประเด็นอื่นอีก พิพากษายกฟ้อง

นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความพันธมิตรฯ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้นำเอาแถลงการณ์ฉบับที่ 2/2551 นี้ ไปฟ้องแกนนำพันธมิตรฯ ทั้งหมด 5 ศาลด้วยกันคือ ศาลอาญา ศาลจังหวัดมีนบุรี ศาลจังหวัดชัยภูมิ ศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา และศาลจังหวัดปทุมธานี ซึ่งศาลจังหวัดฉะเชิงเทราถือเป็นศาลแรกที่มีคำพิพากษาออกมา และโจทก์สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วันนับแต่วันที่มีคำพิพากษา

เมื่อศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง พันธมิตรฯ อยากจะฟ้องกลับ แต่ก็จะมีปัญหาเรื่องการส่งหมายศาล เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้อยู่ในประเทศไทย จึงไม่รู้จะส่งหมายศาลอย่างไร

อย่างไรก็ตาม พันธมิตรฯ อาจฟ้องทิ้งไว้ก่อน เพราะหากศาลยกฟ้องทั้ง 5 ศาล พ.ต.ท.ทักษิณจะโดนข้อหาฟ้องเท็จถึง 5 คดี
กำลังโหลดความคิดเห็น