xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.บี้อัยการส่งฟ้อง"แม้ว" ทำ"กรุงไทย"เสียหาย9พันล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (17 พ.ค.) นายแทนคุณ จิตอิสระ โฆษกผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และน.ส. มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยทีมกฎหมายพรรค ยื่นหนังสือถึงอัยการสูงสุด เพื่อขอให้เร่งรัดดำเนินการฟ้องร้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และผู้ต้องหาอื่น 31 ราย ในคดีกระทำความผิดเข้าข่ายเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นหน้าที่โดยมิชอบ จนทำให้เกิดความเสียหายแก่ธนาคารกรุงไทย จากการปล่อยสินเชื่อวงเงิน 9 พันล้านบาท โดยสาระในหนังสือมีใจความว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ได้ทำสำนวนแล้วเสร็จ และมีความเห็นสั่งฟ้องตั้งแต่วันที่ 16 มิ.ย 51 แต่ขณะนั้นอัยการสูงสุดอ้างว่า สำนวนยังไม่สมบูรณ์ และ คตส. พ้นวาระแล้ว เรื่องจึงอยู่ที่การพิจารณาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยมีการแต่งตั้งคณะกรรมการร่วม ระหว่างอัยการ และป.ป.ช. จนแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 13 ก.พ.52 และส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดพิจารณา เพื่อฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่ผ่านมากว่า 3 ปีแล้ว กลับยังไม่มีความชัดเจนว่า อัยการสูงสุดมีคำสั่งอย่างไร จึงขอให้เร่งรัดดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย เพื่อนำคดีเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลฎีกา แผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงทางการเมืองต่อไป
ทั้งนี้ นายแทนคุณ กล่าวว่า เหตุผลที่ต้องมายื่นหนังสือดังกล่าว เพราะคดีนี้มีความล่าช้ามาก และอยู่ในความสนใจของประชาชน สร้างความเสียหายต่อรัฐและประเทศชาติ ทำให้เกิดความกังวลว่า ในยุคที่มีการเปลี่ยนผ่านอำนาจมาเป็นรัฐบาลชุดนี้ อาจมีการแทรกแซงกระบวนการยุติกรรมตั้งต้นจนทำให้การตรวจสอบ ทำงานได้ไม่เต็มที่ เห็นได้จากหลายคดีที่มีความเปลี่ยนแปลงไป จึงรู้สึกกังวลว่า จะมีความพยายามล้างความผิด จึงต้องติดตามมาที่อัยการสูงสุด และคิดว่าทางอัยการควรจะให้คำตอบได้ภายใน 30 วันว่าทิศทางในการสั่งคดีจะเป็นอย่างไรเนื่องจากได้สอบถามไปทางป.ป.ช. ก็ยืนยันว่าคดีมีความชัดเจนแต่ติดอยู่ที่อัยการสูงสุด ซึ่งเป็นขั้นตอนตามกฏหมาย หากอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องคดี ป.ป.ช. ก็คงจะพิจารณาตามกฏหมายว่า จะฟ้องเองหรือไม
นายแทนคุณ กล่าวว่าอยากให้สังคมช่วยกันติดตามอย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้มีการเบี่ยงเบนคดีจากกลไกรัฐ และผู้มีอำนาจเพื่อให้ทุกคดีที่มีการชี้มูลความผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม นำไปสู่การตัดสินที่เป็นบรรทัดฐานให้คนไทยได้ยอมรับว่า คดีที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองจากการทุจริตคอร์รัปชันจะถูกลงโทษ
ดังนั้นคนที่มีหน้าที่ต้องช่วยกันทำงานอย่างตรงไปตรงมา แม้ว่าก่อนหน้านี้ อัยการสูงสุดจะเคยมีคำสั่งไม่ยื่นคำฟ้องต่อศาลฏีกาในคดีคุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์ เลี่ยงภาษีจนทำให้คดียุติไปก็ตาม แต่ในดคีนี้มีพยานหลักฐานชัดเจน และป.ป.ช.ก็มีอำนาจตามกฎหมายที่จะฟ้องเองได้
" หากอัยการสูงสุดมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ต้องมีคำธิบายต่อสังคมได้ว่า ไม่ฟ้องเพราะอะไร และอยากเตือนว่าประชาชนมีความตื่นตัวในเรื่องเหล่านี้ จึงหวังว่าอัยการสูงสุด จะดำเนินคดี เพราะมีการทุจริตเกิดขึ้นจริง เพราะหากคดีเปลี่ยนแปลงได้ตามอำนาจทางการเมืองจนมีการเปลี่ยนแปลงกระบวนการยุติธรรมถ่วงดุลอำนาจฝ่ายบริหารไม่ได้ ก็ถือเป็นหายนะของประเทศ และเป็นฟางเส้นสุดท้าย ที่จะทำให้เกิดปัญหาตามมา" นายแทนคุณ กล่าว
นายเทนคุณ กล่าวด้วยว่า อยากให้ผู้ที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมทุกฝ่ายเล็งเห็นประโยชน์ส่วนใหญ่ของประเทศชาติ ทำงานอย่างตรงไปตรงมา โปร่งใส ตรวจสอบได้ เพราะความยุติธรรมที่ล่าช้าคือ ความไม่ยุติธรรม และขณะนี้ก็เริ่มมีการตั้งข้อสังเกตว่า กำลังมีการเข้าเกียร์ว่าง เพราะรอการแก้รัฐธรรมนูญ และการนิรโทษกรรม หรือไม่ ซึ่งหากเป็นจริง ก็จะทำให้สังคมเกิดความสิ้นหวังเพราะที่ผ่านมาการทุจริตคอร์รัปชัน แทบจะเอานักการเมืองรายใหญ่มาลงโทษไม่ได้เลย
ด้านน.ส.มัลลิกา กล่าวว่า จะติดตามตรวจสอบคดีที่ยังค้างใน ดีเอสไอ ด้วย ทั้งกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้การเท็จในคดีหุ้นชินฯ และคดีก่อการร้าย ส่วนคดีนี้นอกจากผู้กระทำความผิดจะเป็นพ.ต.ท.ทักษิณแล้ว ตามหลักฐานที่ คตส. สอบสวนยังพบว่านายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ฐานรับของโจร เพราะมีการโอนเงินผ่านเข้าบัญชี 17 ล้านบาท ซึ่งมีพยานหลักฐานชัดเจนว่า ใครเป็นคนโทรศัพท์สั่งกลางที่ประชุม ใครคือเจ้านายโดยคำพูดของ ประธานบอร์ด และใครได้รับเงินปากถุง 17 ล้านบาท ซึ่งในสำนวนของคตส. มีชื่อของนายพานทอง แท้รับของโจร เกี่ยวข้องกับบริษัทฮาวคัม โดยมีการโอนเงินผ่านบัญชีเป็นหลักฐานมัดอย่างชัดเจน จึงหวังว่าทางอัยการสูงสุดจะดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา
กำลังโหลดความคิดเห็น