ปชป.เตรียมยื่นหนังสือจี้ อัยการสูงสุด-ป.ป.ช. แจงความคืบหน้าคดีเงินกู้กรุงไทย 9,000 ล้าน เอี่ยว “นช.แม้ว-โอ๊ค” พร้อมเร่งคดี “ดีเอสไอ-สตช.” เอาผิด “ยิ่งลักษณ์” ให้การเท็จคดีซุกหุ้น ขณะเดียวกันยันขยายสัญญาบีทีเอสถูกขั้นตอน
น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงความคืบหน้าของความร่วมมือระหว่าสำนักงานกฎหมาย และสำนักงานโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในการทำหนังสือเพื่อยืนขอคำชีแจ้งต่อทางอัยการสูงสุด และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จำนวน 2 ฉบับ เพื่อขอความคืบหน้าในการสืบสวนสอบสวนกรณีที่ทางคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ได้มีการสืบสวนในเรื่องคดีเงินกู้ 9,000 ล้านบาท จากธนาคารกรุงไทย ที่มีชื่อของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายเป็นผู้ถูกกล่าวหาร่วมด้วย พร้อมพวกอีก 37 ราย ซึ่งทั้ง 2 เป็นหนึ่งใน 37 ราย
ส่วนที่มีการชี้มูลไปแล้ว เกี่ยวกับนายพานทองแท้ คือ เป็นผู้ต้องสงสัย และมีหลักฐานพบว่า รับเงินปากถุง 17 ล้านบาท ผ่านบัญชีเป็นข้อมูลสำนวนคดีของทาง คตส. ได้ส่งไปยัง ป.ป.ช. และอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการส่งฟ้อง ซึ่งความคืบหน้าของคดีนี้ซึ่งอยู่กับ 2 หน่วยงาน
น.ส.มัลลิกากล่าวว่า ระยะเวลาผ่านไปแล้วปีกว่า ซึ่งทางคณะทำงาน ปชป.ได้ขอให้ทั้ง 2 หน่วยงาน ออกมาแถลงข่าวความก้าวหน้าทางคดี ให้กับประชาชนได้รับทราบ ปรากฏว่าเรื่องดังกล่าวก็หายเงียบไป และในวันที่ 17 พ.ค.นี้ นี้ทางสำนักงานกฎหมาย และสำนักงานโฆษก ปชป.จะเดินทางไปยืนหนังสือต่อ 2 หน่วยงาน ก็เพื่อให้มีหนังสือชีแจ้งกลับมาเป็นลายลักอักษร และกรณีทั้งหมดนี้เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอกชน 3 บริษัท
น.ส.มัลลิกากล่าวต่อว่า หลังจากนั้นจะมีการนัดหมายยื่นหนังสือเพื่อติดตามอีก 2 คดีต่อ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) คือ การออกหมายเรียก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ พร้อม พวก กรณีให้การเท็จคดีหุ้นชินคอร์ปและยึดทรัพย์พ.ต.ท.ทักษิณ หลังเครือข่าย นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ยื่นเรื่องมากว่าครึ่งปี แต่คดีไม่ไปไหน จะขอทราบความคืบหน้าและเร่งรัดการออกหมายเรียกเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และพวก ที่ร่วมกระทำความผิดด้วยการให้การเท็จในศาล กรณีคดีหุ้นชินคอร์ปและยึดทรัพย์พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งศาลได้มีการตัดสินไปแล้ว
น.ส.มัลลิกาย้งกล่าวถึงการขยายสัญญาโครงการบีทีเอส ของ กทม.ว่า รายละเอียดคงต้องถามผู้ว่ากทม. แต่ท่านและทีมงานได้บอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำถูกต้องตามขั้นตอน แต่ส่วนต่อขยายที่เพิ่มมาจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน อย่างไรก็ตามในเรื่องเทคนิค กทม.อาจจะไม่ชำนาญในเรื่องนี้ แต่รับรองว่าไม่มีกระบวนการใดผิดไปจากระเบียบปฏิบัติ ไม่ผิดขั้นตอนแน่นอน
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้อาจจะนำมาเกี่ยวกับการเมือง เพราะจะมีการแข่งขันผู้ว่าฯ กทม.ในเร็วๆ นี้ ซึ่งวิธีการแบบนี้ถือว่าเป็นการทำงานทางการเมืองที่ให้ข้อมูลไม่ครบ และบิดเบือนข้อมูลจากอีกฝ่าย