ASTVผู้จัดการรายวัน-“เด็กเพื่อไทย”ซัดหมดยุคบ้าน111ไปนานแล้ว โอ่! คนใหม่ก็มีดี ด้านคนบ้าน 111 จ่อสมัครสมาชิกพรรค 31 พ.ค.นี้ ฝันจดทะเบียน “ไทยรักไทย” ใหม่ เปิดตัว “ก๊ก 111” จ่อรัฐมนตรี 7คน ส่วน มัชฌิมา-เพื่อแผ่นดิน เสียบอยู่ที่พรรคตัดสิน “อดิศร” ขู่พวกแปรพักตร์กลับมาเจอตีน
วานนี้ (16 พ.ค.) เวลา 09.30 น.ที่ห้องประชุมชั้น 10A ของที่ทำการ พรรคเพื่อไทย มีการประชุมร่วมกันของสมาชิกบ้านเลขที่ 111 อย่างคับคั่งกว่า 50 คน อาทิ นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา นายโภคิน พลกุล นายพงศ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล นายวราเทพ รัตนากร นายอดิศร เพียงเกษ นายวีระกานต์ มุสิกพงษ์ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช และนายภูมิธรรม เวชยชัย เพื่อร่วมกันหารือถึงการจัดกิจกรรมหลังพ้นโทษถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมือง 5 ปี ในวันที่ 30 พ.ค.นี้
โดยได้ข้อยุติว่า ทุกคนที่มาร่วมประชุม จะต้องติดสติกเกอร์สีแดงข้อความว่า “visitor” ที่หน้าอกทุกคน และที่บริเวณหน้าห้องประชุมยังมีการนำป้ายข้อความต้อนรับว่า “Welcome to my home สมาชิก 111 ไทยรักไทย” ที่เขียนด้วยตัวอักษรสีฟ้าบนฉากหลัง ซึ่งเป็นรูปนกกำลังโผบินผ่านท้องทะเล มาไว้ที่หน้าห้องประชุมด้วย
ทั้งนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ไม่ได้มาประชุม แต่ปรากฏว่า นางพวงเพ็ชร ชุณละเอียด คนสนิทคุณหญิงสุดารัตน์ มาแทน ขณะที่นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ ก็ไม่ได้เดินทางมาเช่นกัน โดยทั้ง 2 ติดภารกิจต่างประเทศ เช่นเดียวกับนายสาโรช หงษ์ชูเวท คนสนิท พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นสายตรงของบ้านจันทร์ส่องหล้า ก็ไปร่วมสังเกตการณ์
นอกจากที่นายจาตุรนต์ ในฐานะประธานมูลนิธิบ้านเลขที่ 111 จะเป็นประธานในที่ประชุมแล้วยังมีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะอดีตหัวหน้าพรรคพลังประชาชนที่ถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมืองในนามสมาชิกบ้านเลขที่ 109 ได้เข้าร่วมประชุมด้วย
**เปิดตัว “ก๊ก 111” จ่อรัฐมนตรี7คน
ภายหลังการประชุม นายจาตุรนต์ ได้แถลงข่าวว่า การหารือครั้งนี้ ประเด็นที่พูดถึงมีแค่เรื่องกิจกรรมที่จะทำในระหว่างก่อนวันพ้นโทษ ซึ่งทุกคนเห็นตรงกันว่าควรจะได้จัดเสวนาสื่อสารในเรื่องที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการยุบพรรคไทยรักไทยและการตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคทั้ง 111 คนให้สังคมได้รับทราบ โดยจะจัดขึ้นในวันที่ 30 พ.ค. ในโอกาสครบรอบ 5 ปี วันยุบพรรคไทยรักไทย
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้เห็นชอบการตั้งกรรมการ 1 ชุดประกอบด้วย 7 คน ได้แก่ นายโภคิน พลกุล นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช นายภูมิธรรม เวชยชัย นายวราเทพ รัตนากร นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล และตนเอง จะทำหน้าที่ในการประสานงานเตรียมการการจัดกิจกรรมต่างๆ โดยวันที่ 31 พ.ค. วันแรกที่จะมีสิทธิเป็นพลเมืองชั้น 1 สมาชิกบ้านเลขที่ 111 จำนวนหนึ่งจะเดินทางมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยพร้อมกัน จากนั้นจะเดินทางไปร่วมกิจกรรมรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 3 ที่ จ.เชียงใหม่ ยืนยันว่าไม่มีการพูดคุยถึงเรื่องที่เกี่ยวกับรัฐบาลและเรื่องของตำแหน่งแต่อย่างใดทั้งสิ้น
เมื่อถามว่า จะรณรงค์ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตราที่เกี่ยวข้องกับการยุบพรรคหรือไม่ นายจาตุรนต์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของอนาคตที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ส่วนที่มีข่าวว่าสายของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มมัชฌิมา จะกลับมาร่วมงานนั้น ไม่ได้มีการพูดคุยกันในเรื่องนี้ รวมถึงไม่มีการพูดถึงบ้านเลขที่ 111 ที่แยกตัวไปร่วมงานกับพรรคการเมืองอื่นด้วย
ถามว่ามีแนวโน้มในการรื้อฟื้นพรรคไทยรักไทยขึ้นมาอีกครั้งหรือไม่ นายจาตุรนต์ กล่าวว่า กำลังดูอยู่ แต่ขณะนี้หากดูข้อกฎหมาย ยังทำไม่ได้
ด้านนายวีระกร คำประกอบ กล่าวช่วงหนึ่งว่า เดี๋ยวจะมีการเปิดรายการในสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเชียอัพเดท ดังนั้น หากบ้านเลขที่ 111 คนใดสนใจหรือต้องการที่จะแสดงความเห็นก็ให้มาลงชื่อได้
สำหรับนายเอกภาพ พลซื่อ สมาชิกบ้านเลขที่ 111 ซึ่งใกล้ชิดกับนายพินิจ จารุสมบัติ และนายปรีชา เลาหะพงศ์ชนะ แกนนำพรรคชาติพัฒนา กล่าวภายหลังร่วมประชุมว่า ที่มาร่วมประชุมครั้งนี้ มาในนามส่วนตัว ส่วนแนวทางการเมืองของพรรคชาติพัฒนาในอนาคตจะมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้น คงต้องรอความชัดเจนหลังวันที่ 30 พ.ค. แต่เชื่อว่าจะเป็นแนวโน้มที่ดี และเท่าที่ทราบทั้ง 2 พรรคก็มีสายสัมพันธ์อันดี ทั้งนายพินิจ นายปรีชา และนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรคชาติพัฒนา ก็ไม่เคยมีปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองกับพรรคเพื่อไทยมาก่อน
ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ คุณเงิน ที่เคยร่วมงานพรรคเพื่อแผ่นดิน ก็มาประชุมด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสมาชิก 111 กำหนดกิจกรรม ในวันที่ 30 พ.ค. เวลา 10.00 น.จะมีการทำบุญตัดบาตรที่มูลนิธิ 111 ไทยรักไทย ย่านนางเลิ้ง จากนั้นเวลา 11.00 น. กิจกรรมปล่อยนกพิราบ 111 ตัว เวลา 17.30 น. จะมีงานเลี้ยงร่วมรับประทานอาหารที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ และเวลา 20.00 น.พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจะวีดีโอลิงค์มาภายในงาน
**มฌ.-พผ. เสียบอยู่ที่พรรคตัดสิน
นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล เลขาธิการมูลนิธิบ้านเลขที่ 111 กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวว่า สมาชิกพรรคเพื่อไทยต่อต้านการกลับเข้ามาร่วมงานทางการเมืองของสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ที่ไปเป็นแกนนำพรรคการเมืองอื่น อาทิ กลุ่มมัชฌิมา และกลุ่มเพื่อแผ่นดิน หลังปลดล็อกทางการเมือง ว่า ยังไม่ได้มีการประสานงานหรือพูดคุยกับกลุ่มดังกล่าว โดยต้องนำเข้าหารือในที่ประชุมของสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ว่าหากถึงตอนนั้นแล้วจะสามารถร่วมงานทางการเมืองกันได้แค่ไหน เพราะถือว่าคนเหล่านั้นเป็นผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกันมา อย่างไรก็ตาม หากสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ที่ไปสนับสนุนพรรคการเมืองอื่นต้องการกลับเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย เรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับทางพรรคที่จะตัดสินใจรับหรือไม่ ส่วนตัวคงตอบแทนไม่ได้
ส่วนกระแสข่าวที่ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่พอใจที่สมาชิกบ้านเลขที่ 111 กดดันให้มีการปรับคณะรัฐมนตรีภายหลังจากการปลดล็อกทางการเมือง 30 พ.ค. นายวิชิต กล่าวว่า ที่ผ่านมา ไม่มีใครไปกดดันอย่างแน่นอน พรรคพวกที่พูดคุยกัน50-60 คน ก็ไม่ได้มีใครไปต่อรองขอตำแหน่ง แต่ละคนเพียงคิดว่าจะเข้ามาช่วยเติมเต็มในสิ่งที่พรรคขาดไปให้สมบูรณ์ขึ้น และในฐานะที่ประชาชนให้ความเชื่อถือ ก็หวังทำหน้าที่ที่เป็นประโยชน์ต่อชาติมากที่สุด โดยไม่หวังตำแหน่งอะไร
ด้านนายสุธรรม แสงประทุม สมาชิกบ้านเลขที่ 111 กล่าวยืนยันว่า หลังจากวันที่ 30พ.ค.นี้แล้ว ส่วนที่ยังยืนหยัดอยู่กับพรรคก็จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมขับเคลื่อนพรรคเพื่อไทย ส่วนที่ทางพรรคมีการปรับโครงสร้างแบ่งเขตรับผิดชอบ 19 โซนนั้นคงไม่ได้เป็นการบล็อกบ้านเลขที่ 111 แต่อย่างใด เพราะที่ผ่านมา ก็ถูกบล็อกมานานแล้ว คนกันเองคงไม่มีใครมาสกัดกั้นอีก
**อดิศร” ขู่พวกแปรพักตร์กลับมาเจอตีน
นายอดิศร เพียงเกียษ สมาชิกบ้านเลขที่ 111 เปิดเผยภายหลังร่วมประชุมที่พรรคเพื่อไทยว่า เมื่อพ้นโทษทางการเมือง ตนจะกลับมาเล่นการเมืองแน่นอน แต่ว่าใครจะไปอยู่ตรงไหนอย่างไร ไม่ควรให้ความสำคัญมาก เพราะขณะนี้ ต้องมาช่วยกันไม่ให้เกิดการรัฐประหาร หรือเกิดการยุบพรรค และตัดสิทธิ์คนอื่นๆ อีก ซึ่งตนก็ทำหน้าที่ตรงนี้อยู่ คือ ออกหน้าจอพูดจาต่อต้านเรื่องเหล่านี้มาโดยตลอด
“ตอนนี้สมาชิก 111 ก็ไม่ใช่ว่าจะมี 111 คนแล้ว ตั้งแต่รัฐประหารก็มี 111 บวกกับ 111 ลบ พวก 111 บวกก็คือคนที่อยู่กับเรา ส่วน 111 ลบ ก็คือพวกที่ไปจูบปากรัฐประหาร กอดคอนายอภิสิทธิ์ พวกนี้บอกเลยว่าอย่ากลับมา ถ้ากลับมาเจอตีนแน่” นายอดิศร กล่าว
**เหลิมไม่เชื่อตั้งกลุ่มต่อรองตำแหน่ง
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องขอแสดงความยินดีกับสมาชิก111 ที่กลับมาทำงานการเมืองอีกครั้ง ส่วนจะมามีภารกิจอะไร ตนไม่ทราบ เพราะไม่ใช่ผู้บริหารพรรค ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าถ้าสมาชิก 111 กลับมาจะได้เห็นการปรับ ครม. ตนก็ไม่ทราบ แต่ยืนยันว่าไม่มีใครมากดดันเรื่องนี้ และเชื่อว่า สมาชิก 111 คงไม่ทำ ซึ่งการปรับครม. ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ตนขอต้อนรับคนเหล่านี้ด้วยความจริงใจ เพราะบุคคลเหล่านี้มีคุณภาพทั้งนั้น เคยดำรงตำแหน่งสำคัญทางการเมือง เชื่อว่าจะไม่เกิดปัญหาการทำงานร่วมกันกับสมาชิกของพรรค ตนพูดมาตลอดว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีความขัดแย้งและไม่มีกลุ่ม
“เชื่อเถอะ เพราะผมมีเพื่อนเป็นผู้แทนมากที่สุด รู้ว่าผู้แทนเขาคิดอะไรกับพรรค และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่มีหรอกใครที่จะไปตั้งกลุ่มต่อรองตำแหน่ง ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็เป็นผู้แทนไปจนตาย และไม่ได้ข่าวว่ามีการกดดันให้มีการปรับ ครม. สื่อเอาไปเขียนกันเอง โดยเฉพาะบางคอลัมน์ที่ไปวิเคราะห์เอง นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ใครก็ไปกดดนไม่ได้ เพราะเป็นตัวของตัวเอง เวลาประชุมครม. ก็ทำการบ้านได้ดี ในทางการเมืองก็ถือว่าเป็นคนที่มั่นใจ ที่พูดไม่ได้ยกยอปอปั้น เพราะกลัวว่าจะถูกปรับออก แต่ไม่อยากให้วิเคาะห์จนสับสน เพราะไม่มีข้อเท็จจริง “ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
สำหรับการปรับโครงสร้างพรรคใหม่เป็น 19 โซน ที่มีการวิเคราะห์ว่าจะเป็นการเปิดช่องให้จับกลุ่มต่อรองทางการเมืองนั้นถึงจะไม่มีการแบ่งโซน ก็ไม่มีการจัยกลุ่มต่อรอง และในพรรคมีกลุ่มเดียว ให้คิดกันเองว่ากลุ่มไหน อย่างตนได้ดูแลฝั่งธน อย่าคิดว่าดีใจ เพราะในกทม.ต้องทำงานหนักถึง 3เท่า ถึงจะตามพรรคประชาธิอปัตย์ทัน แต่เมื่อพรรคมอบหมายก็ตั้งใจทำ ช่วยกันทำงานไป
**“มท.1” เมินเด็จพี่ ผิดฝาคุมภาคใต้
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ไม่พอใจที่พรรคมอบหมายให้นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญูกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีดูแลพื้นที่ภาคใต้ ว่า ต้องถามคนที่ไม่พอใจ จะมาถามตนได้อย่างไร แต่เรื่องนี้ก็แล้วแต่ว่าจะให้ตนทำอะไร เพราะบางครั้งอาจมีคนคิดถึงตน ทั้งนี้ ได้มีการแจ้งเรื่องนี้ให้ตนทราบแล้ว แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับที่ปรึกษา 2คน ของตนและกรรมการบริหารพรรค
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากเกิดปัญหามากขึ้นในพรรคจะทำอย่างไรให้ทุกคนพอใจ นายยงยุทธกล่าวว่า แล้วแต่น้องๆ ตนตามใจน้องๆ ทุกคน
เมื่อถามว่า พรรคแบ่งโครางสร้างพรรคใหม่เป็น 5 ภูมิภาค และ 19 พื้นที่นั้น ได้ทำความเข้าใจกับส.ส.แล้วหรือไม่ นายยงยุทธกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเป็นเเบบนี้ ตนเรียนหลายครั้งแล้วว่าในพรรคมักมีความเห็นแตกต่างอยู่เสมอ เมื่อถึงวันหนึ่งที่ทำความเข้าใจกันแล้วทุกอย่างจะยุติ ไม่มีปัญหา เพราะพรรคเกิดเรื่องแบบนี้หลายครั้งแล้ว และเหตุการณ์ในคราวนี้ก็เช่นกัน
ต่อข้อถามว่า จุดประสงค์ในการปรับโครงสร้างพรรคครั้งนี้ เพื่อประสิทธิภาพพัฒนาพื้นที่หรือเข้าควบคุมฐานเสียง นายยงยุทธตอบว่า ไม่มี การปรับปรุงคือทำให้ดีขึ้นทำงาน มันสรุปได้แค่นี้ ตนขอพูดเฉพาะหลักการดีกว่า หากพูดถึงตัวบุคคลแล้วว่าคนนี้คิดแบบนั้น คนนั้นคิดแบบนี้ ตนคงตอบไม่ได้
**สมคิด” ชี้หมดยุค111ไปนานแล้ว
ที่รัฐสภา นายสมคิด บาลไธสง ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่สมาชิกบ้านเลขที่ 111 จะกลับมาทำงานร่วมกับพรรคเพื่อไทยนั้น เรายินดีต้อนรับ เพียงแต่อย่ามองว่าตัวเองเก่งกว่าคนอื่น อย่ามองว่าคนที่อยู่ในพรรคเพื่อไทยตอนนี้เป็นเด็ก
“วันนี้มันเป็นคนละยุคกันแล้ว เราอยู่ในยุคสู้กับปืน เสียเลือดเสียเนื้อกันมา แต่พวกคุณอยู่ในยุคน้ำลาย ถ้าพรรคจะพิจารณาใครเป็นรัฐมนตรี ก็อยากให้ดูที่ความสามารถ คนเก่าที่ดีก็มี คนใหม่มีความสามารถจะเข้ามาก็ไม่ปิดกั้น ขอให้ว่าไปกันตามเนื้อผ้า ความเหมาะสม” นายสมคิดกล่าว
วานนี้ (16 พ.ค.) เวลา 09.30 น.ที่ห้องประชุมชั้น 10A ของที่ทำการ พรรคเพื่อไทย มีการประชุมร่วมกันของสมาชิกบ้านเลขที่ 111 อย่างคับคั่งกว่า 50 คน อาทิ นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา นายโภคิน พลกุล นายพงศ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล นายวราเทพ รัตนากร นายอดิศร เพียงเกษ นายวีระกานต์ มุสิกพงษ์ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช และนายภูมิธรรม เวชยชัย เพื่อร่วมกันหารือถึงการจัดกิจกรรมหลังพ้นโทษถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมือง 5 ปี ในวันที่ 30 พ.ค.นี้
โดยได้ข้อยุติว่า ทุกคนที่มาร่วมประชุม จะต้องติดสติกเกอร์สีแดงข้อความว่า “visitor” ที่หน้าอกทุกคน และที่บริเวณหน้าห้องประชุมยังมีการนำป้ายข้อความต้อนรับว่า “Welcome to my home สมาชิก 111 ไทยรักไทย” ที่เขียนด้วยตัวอักษรสีฟ้าบนฉากหลัง ซึ่งเป็นรูปนกกำลังโผบินผ่านท้องทะเล มาไว้ที่หน้าห้องประชุมด้วย
ทั้งนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ไม่ได้มาประชุม แต่ปรากฏว่า นางพวงเพ็ชร ชุณละเอียด คนสนิทคุณหญิงสุดารัตน์ มาแทน ขณะที่นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ ก็ไม่ได้เดินทางมาเช่นกัน โดยทั้ง 2 ติดภารกิจต่างประเทศ เช่นเดียวกับนายสาโรช หงษ์ชูเวท คนสนิท พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นสายตรงของบ้านจันทร์ส่องหล้า ก็ไปร่วมสังเกตการณ์
นอกจากที่นายจาตุรนต์ ในฐานะประธานมูลนิธิบ้านเลขที่ 111 จะเป็นประธานในที่ประชุมแล้วยังมีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะอดีตหัวหน้าพรรคพลังประชาชนที่ถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมืองในนามสมาชิกบ้านเลขที่ 109 ได้เข้าร่วมประชุมด้วย
**เปิดตัว “ก๊ก 111” จ่อรัฐมนตรี7คน
ภายหลังการประชุม นายจาตุรนต์ ได้แถลงข่าวว่า การหารือครั้งนี้ ประเด็นที่พูดถึงมีแค่เรื่องกิจกรรมที่จะทำในระหว่างก่อนวันพ้นโทษ ซึ่งทุกคนเห็นตรงกันว่าควรจะได้จัดเสวนาสื่อสารในเรื่องที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการยุบพรรคไทยรักไทยและการตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคทั้ง 111 คนให้สังคมได้รับทราบ โดยจะจัดขึ้นในวันที่ 30 พ.ค. ในโอกาสครบรอบ 5 ปี วันยุบพรรคไทยรักไทย
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้เห็นชอบการตั้งกรรมการ 1 ชุดประกอบด้วย 7 คน ได้แก่ นายโภคิน พลกุล นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช นายภูมิธรรม เวชยชัย นายวราเทพ รัตนากร นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล และตนเอง จะทำหน้าที่ในการประสานงานเตรียมการการจัดกิจกรรมต่างๆ โดยวันที่ 31 พ.ค. วันแรกที่จะมีสิทธิเป็นพลเมืองชั้น 1 สมาชิกบ้านเลขที่ 111 จำนวนหนึ่งจะเดินทางมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยพร้อมกัน จากนั้นจะเดินทางไปร่วมกิจกรรมรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 3 ที่ จ.เชียงใหม่ ยืนยันว่าไม่มีการพูดคุยถึงเรื่องที่เกี่ยวกับรัฐบาลและเรื่องของตำแหน่งแต่อย่างใดทั้งสิ้น
เมื่อถามว่า จะรณรงค์ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตราที่เกี่ยวข้องกับการยุบพรรคหรือไม่ นายจาตุรนต์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของอนาคตที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ส่วนที่มีข่าวว่าสายของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มมัชฌิมา จะกลับมาร่วมงานนั้น ไม่ได้มีการพูดคุยกันในเรื่องนี้ รวมถึงไม่มีการพูดถึงบ้านเลขที่ 111 ที่แยกตัวไปร่วมงานกับพรรคการเมืองอื่นด้วย
ถามว่ามีแนวโน้มในการรื้อฟื้นพรรคไทยรักไทยขึ้นมาอีกครั้งหรือไม่ นายจาตุรนต์ กล่าวว่า กำลังดูอยู่ แต่ขณะนี้หากดูข้อกฎหมาย ยังทำไม่ได้
ด้านนายวีระกร คำประกอบ กล่าวช่วงหนึ่งว่า เดี๋ยวจะมีการเปิดรายการในสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเชียอัพเดท ดังนั้น หากบ้านเลขที่ 111 คนใดสนใจหรือต้องการที่จะแสดงความเห็นก็ให้มาลงชื่อได้
สำหรับนายเอกภาพ พลซื่อ สมาชิกบ้านเลขที่ 111 ซึ่งใกล้ชิดกับนายพินิจ จารุสมบัติ และนายปรีชา เลาหะพงศ์ชนะ แกนนำพรรคชาติพัฒนา กล่าวภายหลังร่วมประชุมว่า ที่มาร่วมประชุมครั้งนี้ มาในนามส่วนตัว ส่วนแนวทางการเมืองของพรรคชาติพัฒนาในอนาคตจะมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้น คงต้องรอความชัดเจนหลังวันที่ 30 พ.ค. แต่เชื่อว่าจะเป็นแนวโน้มที่ดี และเท่าที่ทราบทั้ง 2 พรรคก็มีสายสัมพันธ์อันดี ทั้งนายพินิจ นายปรีชา และนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรคชาติพัฒนา ก็ไม่เคยมีปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองกับพรรคเพื่อไทยมาก่อน
ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ คุณเงิน ที่เคยร่วมงานพรรคเพื่อแผ่นดิน ก็มาประชุมด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสมาชิก 111 กำหนดกิจกรรม ในวันที่ 30 พ.ค. เวลา 10.00 น.จะมีการทำบุญตัดบาตรที่มูลนิธิ 111 ไทยรักไทย ย่านนางเลิ้ง จากนั้นเวลา 11.00 น. กิจกรรมปล่อยนกพิราบ 111 ตัว เวลา 17.30 น. จะมีงานเลี้ยงร่วมรับประทานอาหารที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ และเวลา 20.00 น.พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจะวีดีโอลิงค์มาภายในงาน
**มฌ.-พผ. เสียบอยู่ที่พรรคตัดสิน
นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล เลขาธิการมูลนิธิบ้านเลขที่ 111 กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวว่า สมาชิกพรรคเพื่อไทยต่อต้านการกลับเข้ามาร่วมงานทางการเมืองของสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ที่ไปเป็นแกนนำพรรคการเมืองอื่น อาทิ กลุ่มมัชฌิมา และกลุ่มเพื่อแผ่นดิน หลังปลดล็อกทางการเมือง ว่า ยังไม่ได้มีการประสานงานหรือพูดคุยกับกลุ่มดังกล่าว โดยต้องนำเข้าหารือในที่ประชุมของสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ว่าหากถึงตอนนั้นแล้วจะสามารถร่วมงานทางการเมืองกันได้แค่ไหน เพราะถือว่าคนเหล่านั้นเป็นผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกันมา อย่างไรก็ตาม หากสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ที่ไปสนับสนุนพรรคการเมืองอื่นต้องการกลับเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย เรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับทางพรรคที่จะตัดสินใจรับหรือไม่ ส่วนตัวคงตอบแทนไม่ได้
ส่วนกระแสข่าวที่ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่พอใจที่สมาชิกบ้านเลขที่ 111 กดดันให้มีการปรับคณะรัฐมนตรีภายหลังจากการปลดล็อกทางการเมือง 30 พ.ค. นายวิชิต กล่าวว่า ที่ผ่านมา ไม่มีใครไปกดดันอย่างแน่นอน พรรคพวกที่พูดคุยกัน50-60 คน ก็ไม่ได้มีใครไปต่อรองขอตำแหน่ง แต่ละคนเพียงคิดว่าจะเข้ามาช่วยเติมเต็มในสิ่งที่พรรคขาดไปให้สมบูรณ์ขึ้น และในฐานะที่ประชาชนให้ความเชื่อถือ ก็หวังทำหน้าที่ที่เป็นประโยชน์ต่อชาติมากที่สุด โดยไม่หวังตำแหน่งอะไร
ด้านนายสุธรรม แสงประทุม สมาชิกบ้านเลขที่ 111 กล่าวยืนยันว่า หลังจากวันที่ 30พ.ค.นี้แล้ว ส่วนที่ยังยืนหยัดอยู่กับพรรคก็จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมขับเคลื่อนพรรคเพื่อไทย ส่วนที่ทางพรรคมีการปรับโครงสร้างแบ่งเขตรับผิดชอบ 19 โซนนั้นคงไม่ได้เป็นการบล็อกบ้านเลขที่ 111 แต่อย่างใด เพราะที่ผ่านมา ก็ถูกบล็อกมานานแล้ว คนกันเองคงไม่มีใครมาสกัดกั้นอีก
**อดิศร” ขู่พวกแปรพักตร์กลับมาเจอตีน
นายอดิศร เพียงเกียษ สมาชิกบ้านเลขที่ 111 เปิดเผยภายหลังร่วมประชุมที่พรรคเพื่อไทยว่า เมื่อพ้นโทษทางการเมือง ตนจะกลับมาเล่นการเมืองแน่นอน แต่ว่าใครจะไปอยู่ตรงไหนอย่างไร ไม่ควรให้ความสำคัญมาก เพราะขณะนี้ ต้องมาช่วยกันไม่ให้เกิดการรัฐประหาร หรือเกิดการยุบพรรค และตัดสิทธิ์คนอื่นๆ อีก ซึ่งตนก็ทำหน้าที่ตรงนี้อยู่ คือ ออกหน้าจอพูดจาต่อต้านเรื่องเหล่านี้มาโดยตลอด
“ตอนนี้สมาชิก 111 ก็ไม่ใช่ว่าจะมี 111 คนแล้ว ตั้งแต่รัฐประหารก็มี 111 บวกกับ 111 ลบ พวก 111 บวกก็คือคนที่อยู่กับเรา ส่วน 111 ลบ ก็คือพวกที่ไปจูบปากรัฐประหาร กอดคอนายอภิสิทธิ์ พวกนี้บอกเลยว่าอย่ากลับมา ถ้ากลับมาเจอตีนแน่” นายอดิศร กล่าว
**เหลิมไม่เชื่อตั้งกลุ่มต่อรองตำแหน่ง
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องขอแสดงความยินดีกับสมาชิก111 ที่กลับมาทำงานการเมืองอีกครั้ง ส่วนจะมามีภารกิจอะไร ตนไม่ทราบ เพราะไม่ใช่ผู้บริหารพรรค ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าถ้าสมาชิก 111 กลับมาจะได้เห็นการปรับ ครม. ตนก็ไม่ทราบ แต่ยืนยันว่าไม่มีใครมากดดันเรื่องนี้ และเชื่อว่า สมาชิก 111 คงไม่ทำ ซึ่งการปรับครม. ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ตนขอต้อนรับคนเหล่านี้ด้วยความจริงใจ เพราะบุคคลเหล่านี้มีคุณภาพทั้งนั้น เคยดำรงตำแหน่งสำคัญทางการเมือง เชื่อว่าจะไม่เกิดปัญหาการทำงานร่วมกันกับสมาชิกของพรรค ตนพูดมาตลอดว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีความขัดแย้งและไม่มีกลุ่ม
“เชื่อเถอะ เพราะผมมีเพื่อนเป็นผู้แทนมากที่สุด รู้ว่าผู้แทนเขาคิดอะไรกับพรรค และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่มีหรอกใครที่จะไปตั้งกลุ่มต่อรองตำแหน่ง ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็เป็นผู้แทนไปจนตาย และไม่ได้ข่าวว่ามีการกดดันให้มีการปรับ ครม. สื่อเอาไปเขียนกันเอง โดยเฉพาะบางคอลัมน์ที่ไปวิเคราะห์เอง นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ใครก็ไปกดดนไม่ได้ เพราะเป็นตัวของตัวเอง เวลาประชุมครม. ก็ทำการบ้านได้ดี ในทางการเมืองก็ถือว่าเป็นคนที่มั่นใจ ที่พูดไม่ได้ยกยอปอปั้น เพราะกลัวว่าจะถูกปรับออก แต่ไม่อยากให้วิเคาะห์จนสับสน เพราะไม่มีข้อเท็จจริง “ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
สำหรับการปรับโครงสร้างพรรคใหม่เป็น 19 โซน ที่มีการวิเคราะห์ว่าจะเป็นการเปิดช่องให้จับกลุ่มต่อรองทางการเมืองนั้นถึงจะไม่มีการแบ่งโซน ก็ไม่มีการจัยกลุ่มต่อรอง และในพรรคมีกลุ่มเดียว ให้คิดกันเองว่ากลุ่มไหน อย่างตนได้ดูแลฝั่งธน อย่าคิดว่าดีใจ เพราะในกทม.ต้องทำงานหนักถึง 3เท่า ถึงจะตามพรรคประชาธิอปัตย์ทัน แต่เมื่อพรรคมอบหมายก็ตั้งใจทำ ช่วยกันทำงานไป
**“มท.1” เมินเด็จพี่ ผิดฝาคุมภาคใต้
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ไม่พอใจที่พรรคมอบหมายให้นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญูกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีดูแลพื้นที่ภาคใต้ ว่า ต้องถามคนที่ไม่พอใจ จะมาถามตนได้อย่างไร แต่เรื่องนี้ก็แล้วแต่ว่าจะให้ตนทำอะไร เพราะบางครั้งอาจมีคนคิดถึงตน ทั้งนี้ ได้มีการแจ้งเรื่องนี้ให้ตนทราบแล้ว แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับที่ปรึกษา 2คน ของตนและกรรมการบริหารพรรค
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากเกิดปัญหามากขึ้นในพรรคจะทำอย่างไรให้ทุกคนพอใจ นายยงยุทธกล่าวว่า แล้วแต่น้องๆ ตนตามใจน้องๆ ทุกคน
เมื่อถามว่า พรรคแบ่งโครางสร้างพรรคใหม่เป็น 5 ภูมิภาค และ 19 พื้นที่นั้น ได้ทำความเข้าใจกับส.ส.แล้วหรือไม่ นายยงยุทธกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเป็นเเบบนี้ ตนเรียนหลายครั้งแล้วว่าในพรรคมักมีความเห็นแตกต่างอยู่เสมอ เมื่อถึงวันหนึ่งที่ทำความเข้าใจกันแล้วทุกอย่างจะยุติ ไม่มีปัญหา เพราะพรรคเกิดเรื่องแบบนี้หลายครั้งแล้ว และเหตุการณ์ในคราวนี้ก็เช่นกัน
ต่อข้อถามว่า จุดประสงค์ในการปรับโครงสร้างพรรคครั้งนี้ เพื่อประสิทธิภาพพัฒนาพื้นที่หรือเข้าควบคุมฐานเสียง นายยงยุทธตอบว่า ไม่มี การปรับปรุงคือทำให้ดีขึ้นทำงาน มันสรุปได้แค่นี้ ตนขอพูดเฉพาะหลักการดีกว่า หากพูดถึงตัวบุคคลแล้วว่าคนนี้คิดแบบนั้น คนนั้นคิดแบบนี้ ตนคงตอบไม่ได้
**สมคิด” ชี้หมดยุค111ไปนานแล้ว
ที่รัฐสภา นายสมคิด บาลไธสง ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่สมาชิกบ้านเลขที่ 111 จะกลับมาทำงานร่วมกับพรรคเพื่อไทยนั้น เรายินดีต้อนรับ เพียงแต่อย่ามองว่าตัวเองเก่งกว่าคนอื่น อย่ามองว่าคนที่อยู่ในพรรคเพื่อไทยตอนนี้เป็นเด็ก
“วันนี้มันเป็นคนละยุคกันแล้ว เราอยู่ในยุคสู้กับปืน เสียเลือดเสียเนื้อกันมา แต่พวกคุณอยู่ในยุคน้ำลาย ถ้าพรรคจะพิจารณาใครเป็นรัฐมนตรี ก็อยากให้ดูที่ความสามารถ คนเก่าที่ดีก็มี คนใหม่มีความสามารถจะเข้ามาก็ไม่ปิดกั้น ขอให้ว่าไปกันตามเนื้อผ้า ความเหมาะสม” นายสมคิดกล่าว