ASTVผู้จัดการรายวัน-"พาณิชย์"เผยบริษัทตั้งใหม่เดือนเม.ย.ลดลงครั้งแรกรอบ 4 เดือน "ศิริวัฒน์"ยันไม่เป็นสัญญาณเศรษฐกิจไม่ดี แค่มีวันทำการน้อย ส่วนบริษัทเจ๊งเพิ่มขึ้น 41% ด้านบีโอไอเผยต่างชาติยื่นขอลงทุน 4 เดือน 407 โครงการ มูลค่า 1.55 แสนล้านบาท
นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทนิติบุคคลใหม่ในเดือนเม.ย.2555 มีจำนวน 4,041 ราย แบ่งเป็นจัดตั้งในกรุงเทพฯ 1,540 ราย ส่วนภูมิภาค 2,501 ราย เมื่อเทียบกับเดือนเม.ย.2554 ลดลง 1,057 รายหรือลดลง 20% และเมื่อเทียบกับเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาลดลง 1,390ราย หรือ 25% ถือเป็นการจดทะเบียนตั้งใหม่ที่ต่ำสุดในรอบ 4 เดือน แต่ไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจไม่ดี แต่เป็นเพราะเดือนเม.ย. มีวันหยุดมาก ทำให้มีการจดทะเบียนลดลง ส่วนการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทนิติบุคคลในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2555 (ม.ค.-เม.ย.) มีจำนวน 20,306 ราย ลดลง 932 รายหรือลดลง 4%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2554 ซึ่งมีจำนวน 21,238 ราย
สำหรับนิติบุคคลที่จดทะเบียนเลิกทั่วประเทศ มีจำนวน 797 ราย แบ่งเป็นกรุงเทพ จำนวน 202 ราย ภูมิภาค 595 ราย เมื่อเทียบกับเดือนเม.ย.2554 เพิ่มขึ้น 235 ราย หรือเพิ่มขึ้น 41% และเมื่อเทียบกับเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาลดลง 126 รายหรือลดลง 13% ทำให้การจดทะเบียนช่วง 4 เดือน มีจำนวน 3,584 ราย เพิ่มขึ้น 468 ราย เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2554 ที่มีจำนวน 3,116 ราย
นางหิรัญญา สุจินัย ที่ปรึกษาด้านการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวถึงภาพรวมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ช่วง 4 เดือนของปี 2555 (ม.ค.-เม.ย.) ว่า ต่างชาติให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนทั้งจำนวนโครงการและมูลค่าเงินลงทุน โดยมีการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนทั้งสิ้น 407 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 155,489 ล้านบาท โครงการปรับเพิ่มขึ้น 21% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มี 336 โครงการ ในขณะที่เงินลงทุนปรับเพิ่มขึ้น 44% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีมูลค่าการลงทุนอยู่ที่ 108,027 ล้านบาท
โดยอุตสาหกรรมที่ได้รับความสนใจสูงสุด อยู่ในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า รองมาเป็นผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักร และอุปกรณ์ขนส่ง กิจการเคมีภัณฑ์ กระดาษ และพลาสติก กิจการบริการและสาธารณูโภค เกษตรกรรมและผลิตผลทางการเกษตร ส่วนประเทศที่เข้ามาลงทุนสูงสุด ได้แก่ ญี่ปุ่น รองลงมา คือ มาเลเซีย สหรัฐฯ เนเธอร์แลนด์ และฮ่องกง
นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทนิติบุคคลใหม่ในเดือนเม.ย.2555 มีจำนวน 4,041 ราย แบ่งเป็นจัดตั้งในกรุงเทพฯ 1,540 ราย ส่วนภูมิภาค 2,501 ราย เมื่อเทียบกับเดือนเม.ย.2554 ลดลง 1,057 รายหรือลดลง 20% และเมื่อเทียบกับเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาลดลง 1,390ราย หรือ 25% ถือเป็นการจดทะเบียนตั้งใหม่ที่ต่ำสุดในรอบ 4 เดือน แต่ไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจไม่ดี แต่เป็นเพราะเดือนเม.ย. มีวันหยุดมาก ทำให้มีการจดทะเบียนลดลง ส่วนการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทนิติบุคคลในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2555 (ม.ค.-เม.ย.) มีจำนวน 20,306 ราย ลดลง 932 รายหรือลดลง 4%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2554 ซึ่งมีจำนวน 21,238 ราย
สำหรับนิติบุคคลที่จดทะเบียนเลิกทั่วประเทศ มีจำนวน 797 ราย แบ่งเป็นกรุงเทพ จำนวน 202 ราย ภูมิภาค 595 ราย เมื่อเทียบกับเดือนเม.ย.2554 เพิ่มขึ้น 235 ราย หรือเพิ่มขึ้น 41% และเมื่อเทียบกับเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาลดลง 126 รายหรือลดลง 13% ทำให้การจดทะเบียนช่วง 4 เดือน มีจำนวน 3,584 ราย เพิ่มขึ้น 468 ราย เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2554 ที่มีจำนวน 3,116 ราย
นางหิรัญญา สุจินัย ที่ปรึกษาด้านการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวถึงภาพรวมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ช่วง 4 เดือนของปี 2555 (ม.ค.-เม.ย.) ว่า ต่างชาติให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนทั้งจำนวนโครงการและมูลค่าเงินลงทุน โดยมีการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนทั้งสิ้น 407 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 155,489 ล้านบาท โครงการปรับเพิ่มขึ้น 21% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มี 336 โครงการ ในขณะที่เงินลงทุนปรับเพิ่มขึ้น 44% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีมูลค่าการลงทุนอยู่ที่ 108,027 ล้านบาท
โดยอุตสาหกรรมที่ได้รับความสนใจสูงสุด อยู่ในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า รองมาเป็นผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักร และอุปกรณ์ขนส่ง กิจการเคมีภัณฑ์ กระดาษ และพลาสติก กิจการบริการและสาธารณูโภค เกษตรกรรมและผลิตผลทางการเกษตร ส่วนประเทศที่เข้ามาลงทุนสูงสุด ได้แก่ ญี่ปุ่น รองลงมา คือ มาเลเซีย สหรัฐฯ เนเธอร์แลนด์ และฮ่องกง
