วานนี้(14พ.ค.55) มีการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับที่ ...)พ.ศ. โดยมีการพิจารณา ประเด็นที่มีสมาชิกรัฐสภาได้สงวนคำแปรญัตติในส่วนของการเพิ่มอนุมตรา ในส่วนของมาตรา 291 เพิ่มเติมจากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ของกรรมาธิการฯ ตั้งแต่อนุมาตราที่ 18 ถึง อนุมาตราที่ 26
น.พ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ได้หารือถึงกรณีที่กรรมาธิการเสียงข้างน้อยสงวนคำแปรญัตติโดยขอเพิ่มมาตรา 291/18 ถึง 291/26 จากร่างของกรรมาธิการฯที่มีมาตราย่อยเพียง 291/17 เท่านั้น จึงเสนอให้ที่ประชุมลงมติในส่วนที่กรรมาธิการฯเสียงข้างน้อยเสนอเพียง 1 ครั้งหลังจากที่กรรมาธิการฯเสียงข้างน้อยได้อภิปรายแล้วเสร็จ แต่นายธนา ชีรวินิจ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ทักท้วง ว่า การลงมติที่น.พ.ชลน่านเสนอจะทำให้การประชุมเป็นไปด้วยความรวดเร็วแต่จะเกิดปัญหาความไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญขึ้น เพราะในมาตรา 291 ของรัฐธรรมนูญปี50 ระบุชัดเจนว่าการพิจารณาวาระที่ 2 จะต้องพิจารณาเรียงลำดับตามมาตรา ดังนั้นที่ประชุมควรที่จะปฏิบัติตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้อย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามหลังจากถกเถียงกันนานกว่า 30 นาทีในที่สุดน.พ.ชลน่าน ได้เห็นตามที่นายธนาเสนอ ทำให้การประชุมกลับเข้าสู่วาระการพิจารณาในมาตรา 291/18
ทั้งนี้สมาชิกที่สงวนคำแปรญัตติหลายคน เสนอให้บัญญัติ ว่า มาตรา 291/18 การจัดทำร่างรธน.ของส.ส.ร.ต้องไม่มีผลกระทบต่อองค์การอิสระและองค์กรตามรธน.ตามที่ได้บัญญัติไว้ในรธน.2550
นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ที่เสนอให้มีการบัญญัติเนื้อความในมาตรา 291/18 ว่า การจัดทำร่างรธน.ฉบับใหม่ของส.ส.ร. ต้องไม่จัดทำในลักษณะให้มีผลย้อนหลังไปลบล้างข้อกล่าวหาหรือลบล้างความผิดใดๆ ซึ่งองค์กรตุลาการหรือองค์กรที่มีอำนาจตามกฎหมายได้ลงมติแล้วว่าบุคคลหรือคณะบุคคลนั้นมีความผิดตามการสืบสวนสอบสวนทุกๆข้อกล่าวหาหรือกล่าวโทษหรือได้มีการตัดสินคดีไปแล้ว
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ และน.ส.ชะวรลัทธิ์ ชินธรรมมิตร ส.ส.ราชบุรี พรรคภูมิใจไทย เสนอให้เพิ่มความว่า การจัดทำร่างรธน.ฉบับใหม่ของส.ส.ร.ต้องไม่เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมในส่วนของหมวด 1 และหมวด 2 ของรัฐธรรมนูญ 2550
ด้านนายสามารถ แก้วมีชัย ประธานกรรมาธิการฯ ชี้แจงว่าประเด็นที่อภิปรายเป็นสาระที่เคยได้หารือกันมาแล้ว ตั้งแต่มาตรา 291/11 สำหรับประเด็นที่ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ไม่ได้มีข้อห้ามให้ ส.ส.ร.ไปดำรงตำแหน่งทางการเมืองภายหลังจากที่ยกร่างรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จนั้น ถือเป็นความรับผิดชอบของส.ส.ร.ที่จะเป็นผู้เขียนไว้เอง หากกรรมาธิการฯ ไปเขียนระบุไว้น่าจะไม่ชอบ ทั้งนี้กรรมาธิการไม่เห็นด้วยกับคำแปรญัตติมาตรา 291/18 ที่สมาชิกได้เสนอเพิ่มเติม และเห็นว่าควรมีถึงเพียง มตรา 291/ 17 จากนั้นที่ประชุม ได้ลงมติเห็นชอบกับร่างของกรรมาธิการเสียงข้างมากฯ ด้วยเสียง 448 ต่อ 99 เสียง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การพิจารณาเป็นไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากนายบุญยอด ในฐานะกมธ.เสียงข้างน้อยที่ได้สงวนความเห็นไว้ไม่ขออภิปรายในมาตรา 291/19 และมาตรา 291/20 ต่อ เนื่องจากแม้ว่าจะอภิปรายอย่างไรผลการลงมติก็จะเป็นไปตามร่างของกรรมาธิการฯอยู่ดี ซึ่งก็ปรากฏว่าที่ประชุมเสียงส่วนใหญ่มีมติยืนตามร่างของกรรมาธิการเสียงข้างมากทุกมาตรา ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมแต่อย่างใด
ส่วนมาตรา 5 ที่บัญญัติว่า ในวาระเริ่มแรกเมื่อรัฐธรรมนูญฉบับนี้ใช้บังคับแล้ว ให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตามหมวด 16 การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยรัฐธรรมนูญแห่งนี้ โดยให้ดำเนินการตราพระราชกฤษฏีกาตามมาตรา 291/5 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ภายใน 15วัน นับแต่วันที่รัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับ และให้ดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา 291/5 และมาตรา 291/6 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยรัฐธรรมนูญนี้ ให้แล้วเสร็จภายใน 90วัน นับแต่วันที่รัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับ
น.ส.รสนา โตสิสกุล ส.ว.กทม. เสนอให้บัญญัติเพิ่มเติมในกรณีที่หากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านการทำประชามติจะต้องไม่ให้มีการจัดทำร่างใหม่ และห้ามมีส.ส.ร.ชุดใหม่ ภายใน5 ปี และ หากจะมีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ จะต้องมีการทำประชามติก่อนที่จะมีการยกร่าง เหมือนกับการจัดทำรัฐธรรมนูญปี50 และหากประชาชนมีประชามติเห็นชอบต่างร่างรัฐธรรมนูญให้ดำเนินการต่อไปตามขั้นตอน
นายวิรัช กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้มีการทำประชามติก่อนว่าควรแก้ไขหรือไม่ ถ้าประชาชนไม่ให้มีการแก้ไขก็จบไม่ต้องมีส.ส.ร. และยังเปิดทางให้มีการแก้ไขทุกมาตรา ยกเว้นหมวดพระมหากษัตริย์ เท่ากับเป็นการทำใหม่ทั้งฉบับ ถือว่าขัดกับรัฐธรรมนูญโดยสิ้นเชิง รัฐบาลเสียงข้างมากกำลังทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
ด้านนายสามารถ ชี้แจงว่า กรรมาธิการไม่มีการแก้ไขให้คงตามร่างเดิม ซึ่งแนวการทำรัฐธรรมนูญทั้งฉบับเคยทำมาแล้วในรัฐธรรมนูญฉบับ ปี 34 และ ฉบับปี 39 ที่มีการแก้ ไขมาตรา 211 จนมีส.ส.รเกิดขึ้นมาร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับปี 40 ซึ่งขณะนี้ก็เดินตามแนวนั้น ส่วนที่เสนอให้ทำประชามติก่อนทำร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งสองสภามีมติเห็นชอบร่วมกันแล้วว่าให้มีส.ส.ร ทำทั้งฉบับ และเปิดโอกาสให้ตัวแทนประชาชนได้มาทั้งทั้งทางตรงและทางอ้อม เมื่อทำเสร็จค่อยไปถามประชาชนเพราะตระหนักดีว่ารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันส่วนหนึ่งนำมาซึ่งความขัดแย้งทางสังคม โดยแนวทางการปรองดอง ของสถาบันที่ทำการศึกษาเรื่องนี้ก็เสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนที่ให้ดำเนินการมีสสร.ภายใน90วันนั้น ทางกกต.ยืนยันว่าพร้อมและสามารถดำเนินการได้ จึงขอยืนยันตามร่างของกรรมาธิการ
จากนั้นที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบตามร่างกรรมาธิการด้วยคะแนน 340 ต่อ101เสียง งดออกเสียง5 ไม่ลงคะแนน2
ส่วนมาตรา 6 ที่กรรมาธิการเสียงข้างน้อยและสมาชิกที่สงวนคำแปรญัตติเพิ่มเติม อาทิ นายสุริยา ปันจอร์ ส.ว.สตูล นายเจริญ ภักดีวานิช ส.ว.พัทลุง นายชรินทร์ หาญสืบสาย ส.ว.ตาก ที่สงวนคำแปรญัตติร่วมกัน กำหนดข้อห้ามไม่ให้ ส.ส.ร.ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส.และส.ว. หลังการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่ที่ประชุมมีมติยืนตามร่างเดิมของกรรมาธิการเสียงข้างมากด้วยคะแนน 348 ต่อ 95เสียง งดออกเสียง 9 ทั้งนี้ก่อนการประชุมจะเสร็จสิ้นนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานการประชุมได้แจ้งให้ ส.ส. ส.ว.สามารถขอรับ ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี2556 ได้ที่เจ้าหน้าที่เพื่อนำไปศึกษาก่อน ขณะที่การลงมติในวาระสาม ตามรัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องเว้นไว้ 15 วัน จึงขอนัดลงมติวาระสามในวันที่ 1 มิ.ย. โดยขอสงวนวันที่30-31 พ.ค. ไว้สำหรับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรตามปกติ แต่นายอุดมเดช รัตนเสถียร ประธานวิปรัฐบาล ท้วงติงว่าวันที่ 30-31 พ.ค.นี้ รัฐบาลจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเวิล์ดอีโคโนมิคฟอรั่ม และวันที่ 1 มิ.ย. วุฒิสภาติดภารกิจ จึงขอให้วิป 3 ฝ่ายได้หารือกันก่อนจะมีการเรียกประชุมเพื่อลงมติในวาระ3 ซึ่งนายสมศักดิ์เห็นด้วยตามข้อเสนอและยังไม่กำหนดวันลงมติ พร้อมกับแจ้งว่าวันที่15 พ.ค.ของดประชุม และขอขอบคุณทุกคนที่ร่วมกันพิจารณามา 15 วัน จากนั้นได้สั่งปิดประชุมเมื่อเวลา 16.40 น.
อีกด้าน นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง ได้กำชับให้ผอ.กต.จว. เตรียมความพร้อมในเรื่องของการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เพราะคาดว่า รัฐสภาน่าจะผ่านร่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 2 และลงมติวาระ 3 ประมาณสิ้นเดือนพ.ค.นี้ และหลังจากทูลเกล้าฯ และประกาศใช้รัฐธรรมนูญ กกต.จะเร่งรัดในเรื่องการออกระเบียบเลือกตั้ง ส.ส.ร. โดยมีเวลา 75 วัน ในการกำหนดให้กกต.จัดการเลือกตั้งส.ส.ร.
ทางสำนักงานกกต.จะหารือไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ว่า หน่วยงานใดจะเป็นผู้เสนอออกพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งส.ส.ร.รวมถึงการกำหนดวันเลือกตั้งส.ส.ร. ส่วนการทำประชามติก็จะเป็นไปตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่า ด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2552นั้น ขณะนี้อยู่ในระหว่างการออกระเบียบเพิ่มเติม.
น.พ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ได้หารือถึงกรณีที่กรรมาธิการเสียงข้างน้อยสงวนคำแปรญัตติโดยขอเพิ่มมาตรา 291/18 ถึง 291/26 จากร่างของกรรมาธิการฯที่มีมาตราย่อยเพียง 291/17 เท่านั้น จึงเสนอให้ที่ประชุมลงมติในส่วนที่กรรมาธิการฯเสียงข้างน้อยเสนอเพียง 1 ครั้งหลังจากที่กรรมาธิการฯเสียงข้างน้อยได้อภิปรายแล้วเสร็จ แต่นายธนา ชีรวินิจ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ทักท้วง ว่า การลงมติที่น.พ.ชลน่านเสนอจะทำให้การประชุมเป็นไปด้วยความรวดเร็วแต่จะเกิดปัญหาความไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญขึ้น เพราะในมาตรา 291 ของรัฐธรรมนูญปี50 ระบุชัดเจนว่าการพิจารณาวาระที่ 2 จะต้องพิจารณาเรียงลำดับตามมาตรา ดังนั้นที่ประชุมควรที่จะปฏิบัติตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้อย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามหลังจากถกเถียงกันนานกว่า 30 นาทีในที่สุดน.พ.ชลน่าน ได้เห็นตามที่นายธนาเสนอ ทำให้การประชุมกลับเข้าสู่วาระการพิจารณาในมาตรา 291/18
ทั้งนี้สมาชิกที่สงวนคำแปรญัตติหลายคน เสนอให้บัญญัติ ว่า มาตรา 291/18 การจัดทำร่างรธน.ของส.ส.ร.ต้องไม่มีผลกระทบต่อองค์การอิสระและองค์กรตามรธน.ตามที่ได้บัญญัติไว้ในรธน.2550
นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ที่เสนอให้มีการบัญญัติเนื้อความในมาตรา 291/18 ว่า การจัดทำร่างรธน.ฉบับใหม่ของส.ส.ร. ต้องไม่จัดทำในลักษณะให้มีผลย้อนหลังไปลบล้างข้อกล่าวหาหรือลบล้างความผิดใดๆ ซึ่งองค์กรตุลาการหรือองค์กรที่มีอำนาจตามกฎหมายได้ลงมติแล้วว่าบุคคลหรือคณะบุคคลนั้นมีความผิดตามการสืบสวนสอบสวนทุกๆข้อกล่าวหาหรือกล่าวโทษหรือได้มีการตัดสินคดีไปแล้ว
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ และน.ส.ชะวรลัทธิ์ ชินธรรมมิตร ส.ส.ราชบุรี พรรคภูมิใจไทย เสนอให้เพิ่มความว่า การจัดทำร่างรธน.ฉบับใหม่ของส.ส.ร.ต้องไม่เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมในส่วนของหมวด 1 และหมวด 2 ของรัฐธรรมนูญ 2550
ด้านนายสามารถ แก้วมีชัย ประธานกรรมาธิการฯ ชี้แจงว่าประเด็นที่อภิปรายเป็นสาระที่เคยได้หารือกันมาแล้ว ตั้งแต่มาตรา 291/11 สำหรับประเด็นที่ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ไม่ได้มีข้อห้ามให้ ส.ส.ร.ไปดำรงตำแหน่งทางการเมืองภายหลังจากที่ยกร่างรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จนั้น ถือเป็นความรับผิดชอบของส.ส.ร.ที่จะเป็นผู้เขียนไว้เอง หากกรรมาธิการฯ ไปเขียนระบุไว้น่าจะไม่ชอบ ทั้งนี้กรรมาธิการไม่เห็นด้วยกับคำแปรญัตติมาตรา 291/18 ที่สมาชิกได้เสนอเพิ่มเติม และเห็นว่าควรมีถึงเพียง มตรา 291/ 17 จากนั้นที่ประชุม ได้ลงมติเห็นชอบกับร่างของกรรมาธิการเสียงข้างมากฯ ด้วยเสียง 448 ต่อ 99 เสียง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การพิจารณาเป็นไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากนายบุญยอด ในฐานะกมธ.เสียงข้างน้อยที่ได้สงวนความเห็นไว้ไม่ขออภิปรายในมาตรา 291/19 และมาตรา 291/20 ต่อ เนื่องจากแม้ว่าจะอภิปรายอย่างไรผลการลงมติก็จะเป็นไปตามร่างของกรรมาธิการฯอยู่ดี ซึ่งก็ปรากฏว่าที่ประชุมเสียงส่วนใหญ่มีมติยืนตามร่างของกรรมาธิการเสียงข้างมากทุกมาตรา ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมแต่อย่างใด
ส่วนมาตรา 5 ที่บัญญัติว่า ในวาระเริ่มแรกเมื่อรัฐธรรมนูญฉบับนี้ใช้บังคับแล้ว ให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตามหมวด 16 การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยรัฐธรรมนูญแห่งนี้ โดยให้ดำเนินการตราพระราชกฤษฏีกาตามมาตรา 291/5 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ภายใน 15วัน นับแต่วันที่รัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับ และให้ดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา 291/5 และมาตรา 291/6 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยรัฐธรรมนูญนี้ ให้แล้วเสร็จภายใน 90วัน นับแต่วันที่รัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับ
น.ส.รสนา โตสิสกุล ส.ว.กทม. เสนอให้บัญญัติเพิ่มเติมในกรณีที่หากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านการทำประชามติจะต้องไม่ให้มีการจัดทำร่างใหม่ และห้ามมีส.ส.ร.ชุดใหม่ ภายใน5 ปี และ หากจะมีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ จะต้องมีการทำประชามติก่อนที่จะมีการยกร่าง เหมือนกับการจัดทำรัฐธรรมนูญปี50 และหากประชาชนมีประชามติเห็นชอบต่างร่างรัฐธรรมนูญให้ดำเนินการต่อไปตามขั้นตอน
นายวิรัช กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้มีการทำประชามติก่อนว่าควรแก้ไขหรือไม่ ถ้าประชาชนไม่ให้มีการแก้ไขก็จบไม่ต้องมีส.ส.ร. และยังเปิดทางให้มีการแก้ไขทุกมาตรา ยกเว้นหมวดพระมหากษัตริย์ เท่ากับเป็นการทำใหม่ทั้งฉบับ ถือว่าขัดกับรัฐธรรมนูญโดยสิ้นเชิง รัฐบาลเสียงข้างมากกำลังทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
ด้านนายสามารถ ชี้แจงว่า กรรมาธิการไม่มีการแก้ไขให้คงตามร่างเดิม ซึ่งแนวการทำรัฐธรรมนูญทั้งฉบับเคยทำมาแล้วในรัฐธรรมนูญฉบับ ปี 34 และ ฉบับปี 39 ที่มีการแก้ ไขมาตรา 211 จนมีส.ส.รเกิดขึ้นมาร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับปี 40 ซึ่งขณะนี้ก็เดินตามแนวนั้น ส่วนที่เสนอให้ทำประชามติก่อนทำร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งสองสภามีมติเห็นชอบร่วมกันแล้วว่าให้มีส.ส.ร ทำทั้งฉบับ และเปิดโอกาสให้ตัวแทนประชาชนได้มาทั้งทั้งทางตรงและทางอ้อม เมื่อทำเสร็จค่อยไปถามประชาชนเพราะตระหนักดีว่ารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันส่วนหนึ่งนำมาซึ่งความขัดแย้งทางสังคม โดยแนวทางการปรองดอง ของสถาบันที่ทำการศึกษาเรื่องนี้ก็เสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนที่ให้ดำเนินการมีสสร.ภายใน90วันนั้น ทางกกต.ยืนยันว่าพร้อมและสามารถดำเนินการได้ จึงขอยืนยันตามร่างของกรรมาธิการ
จากนั้นที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบตามร่างกรรมาธิการด้วยคะแนน 340 ต่อ101เสียง งดออกเสียง5 ไม่ลงคะแนน2
ส่วนมาตรา 6 ที่กรรมาธิการเสียงข้างน้อยและสมาชิกที่สงวนคำแปรญัตติเพิ่มเติม อาทิ นายสุริยา ปันจอร์ ส.ว.สตูล นายเจริญ ภักดีวานิช ส.ว.พัทลุง นายชรินทร์ หาญสืบสาย ส.ว.ตาก ที่สงวนคำแปรญัตติร่วมกัน กำหนดข้อห้ามไม่ให้ ส.ส.ร.ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส.และส.ว. หลังการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่ที่ประชุมมีมติยืนตามร่างเดิมของกรรมาธิการเสียงข้างมากด้วยคะแนน 348 ต่อ 95เสียง งดออกเสียง 9 ทั้งนี้ก่อนการประชุมจะเสร็จสิ้นนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานการประชุมได้แจ้งให้ ส.ส. ส.ว.สามารถขอรับ ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี2556 ได้ที่เจ้าหน้าที่เพื่อนำไปศึกษาก่อน ขณะที่การลงมติในวาระสาม ตามรัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องเว้นไว้ 15 วัน จึงขอนัดลงมติวาระสามในวันที่ 1 มิ.ย. โดยขอสงวนวันที่30-31 พ.ค. ไว้สำหรับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรตามปกติ แต่นายอุดมเดช รัตนเสถียร ประธานวิปรัฐบาล ท้วงติงว่าวันที่ 30-31 พ.ค.นี้ รัฐบาลจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเวิล์ดอีโคโนมิคฟอรั่ม และวันที่ 1 มิ.ย. วุฒิสภาติดภารกิจ จึงขอให้วิป 3 ฝ่ายได้หารือกันก่อนจะมีการเรียกประชุมเพื่อลงมติในวาระ3 ซึ่งนายสมศักดิ์เห็นด้วยตามข้อเสนอและยังไม่กำหนดวันลงมติ พร้อมกับแจ้งว่าวันที่15 พ.ค.ของดประชุม และขอขอบคุณทุกคนที่ร่วมกันพิจารณามา 15 วัน จากนั้นได้สั่งปิดประชุมเมื่อเวลา 16.40 น.
อีกด้าน นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง ได้กำชับให้ผอ.กต.จว. เตรียมความพร้อมในเรื่องของการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เพราะคาดว่า รัฐสภาน่าจะผ่านร่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 2 และลงมติวาระ 3 ประมาณสิ้นเดือนพ.ค.นี้ และหลังจากทูลเกล้าฯ และประกาศใช้รัฐธรรมนูญ กกต.จะเร่งรัดในเรื่องการออกระเบียบเลือกตั้ง ส.ส.ร. โดยมีเวลา 75 วัน ในการกำหนดให้กกต.จัดการเลือกตั้งส.ส.ร.
ทางสำนักงานกกต.จะหารือไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ว่า หน่วยงานใดจะเป็นผู้เสนอออกพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งส.ส.ร.รวมถึงการกำหนดวันเลือกตั้งส.ส.ร. ส่วนการทำประชามติก็จะเป็นไปตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่า ด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2552นั้น ขณะนี้อยู่ในระหว่างการออกระเบียบเพิ่มเติม.