ASTVผู้จัดการรายวัน - พรรคเพื่อไทยจัดหนักประชานิยม สั่ง ธ.ก.ส.ยกเว้นเก็บดอกเบี้ยบัตรเครดิตชาวนา พร้อมเพิ่มรายการสินค้ารูดปรื๊ดๆ ภาคการเกษตรอื่น เล็งให้รูดซื้อน้ำมันได้ พร้อมตั้งทีมเจรจากับบริษัทขายปุ๋ย ปั๊มน้ำมัน ขายราคาส่ง
นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง เปิดเผยว่า ได้หารือร่วมกับผู้บริหารธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้มอบหมายให้ ธ.ก.ส.ไปหาแนวทางการใช้บัตรสินเชื่อเกษตรกร หรือบัตรเครดิตชาวนา โดยที่ไม่ต้องเก็บดอกเบี้ยจากลูกค้า จากปัจจุบันที่คิดดอกเบี้ย 7% ต่อปี แต่ให้ใช้วิธีการเจรจากับผู้ผลิตรายใหญ่ เพื่อให้ยืดระยะเวลาการเก็บเงินจากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการจำหน่ายสินค้าของ ธ.ก.ส. ออกไปอีก ซึ่งอาจทำให้ผู้ผลิตรายใหญ่มีกำไรลดลงบ้าง แต่จะได้ปริมาณการขายสินค้าที่มากขึ้น และรัฐบาลไม่ต้องรับภาระจ่ายชดเชยดอกเบี้ยให้ ธ.ก.ส.แต่อย่างใดด้วย
ขณะเดียวกัน ให้ ธ.ก.ส.พิจารณาแนวทางการขยายกลุ่มลูกค้าที่มีสิทธิใช้บัตรสินเชื่อเกษตรกร หรือบัตรเครดิตชาวนา ออกไปให้กว้างขวางมากขึ้น จากเดิมที่กำหนดให้เฉพาะเกษตรกรผู้ปลูกข้าว หรือชาวนาเท่านั้น ที่มี 2 ล้านรายเศษ แต่ตนมีนโยบายที่จะให้ขยายไปยังกลุ่มเกษตรกรชาวไร่ ชาวสวน และชาวประมงด้วย ซึ่งเฉพาะผู้ที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส.นั้นก็มีมากกว่า 4 ล้านราย อนาคตจะขยายรวมไปถึงลูกค้าของธนาคารรัฐอื่นๆ ให้ได้สิทธิใช้บัตรเครดิตดังกล่าวนี้ด้วย
นอกจากนี้ จะให้ขยายประเภทสินค้าให้มากขึ้น จากปัจจุบันที่ใช้บัตรเครดิตรูดซื้อสินค้าได้เฉพาะ เมล็ดพันธุ์พืช ปุ๋ยเคมี และยาฆ่าแมลงเท่านั้น เบื้องต้นทราบว่า ธ.ก.ส.กำลังเจรจากับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัทบางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เพื่อให้ลูกค้าบัตรเครดิตไปใช้รูดซื้อน้ำมันได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ได้กำชับให้ ธ.ก.ส.เร่งไปเจรจาและให้ได้ข้อสรุปภายในเดือน พ.ค. เพื่อที่จะเริ่มดำเนินการได้เมื่อเปิดโครงการอย่างเป็นทางการในเดือนมิ.ย.ต่อไป
นายทนุศักดิ์ กล่าวว่า กระทรวงการคลังได้ตั้งทีมเจรจา ขึ้นมา 1 ชุด โดยมีเจ้าหน้าที่ทั้งจากกระทรวงการคลัง และธ.ก.ส. เพื่อไปเจรจากับภาคเอกชน ทั้งด้านพลังงานเชื้อเพลิง และปุ๋ยเคมี โดยในส่วนของการใช้บัตรเครดิตรูดซื้อน้ำมันได้นั้น ได้ให้นโยบายไป 2 แนวทางคือ ให้รูดซื้อน้ำมันตามราคาหน้าปั๊มปกติ แต่ยืดเวลาการชำระเงินออกไป พร้อมทั้งปลอดดอกเบี้ย หรือให้รูดซื้อน้ำมันราคาต่ำกว่าหน้าปั๊มได้ แต่ให้จ่ายเงินสดตามปกติ
“เห็นว่าน้ำมันเป็นสินค้าที่สำคัญอย่างหนึ่งในการทำการเกษตร ทั้งใส่รถไถนา ปั๊มน้ำ หรือรถขนส่งสินค้าออกจากท้องนาสู่โรงสี เป็นต้น เพียงแต่ระยะแรกมีหลายฝ่ายเป็นห่วง ระแวงกันมากกว่าจะนำน้ำมันไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ จึงยังไม่ได้พิจารณาเรื่องนี้ตั้งแต่แรก ดังนั้นเราต้องกำหนดปริมาณการใช้น้ำมันให้ตรงตามวัตถุประสงค์ โดยพิจารณาจากพื้นที่ทำการเกษตรของผู้ถือบัตรเครดิตแต่ละคนว่ามีพื้นที่เท่าใด จากนั้นก็จะให้วงเงินเติมน้ำมันที่เหมาะสมกับพื้นที่เป็นราย ๆ ไป เป็นต้น ซึ่งธ.ก.ส.ต้องเข้าไปดูรายละเอียดในเรื่องเหล่านี้ รวมถึงต้องมีใบเสร็จในการซื้อ มีการตรวจสต็อกสินค้าด้วย”
สำหรับแนวทางการซื้อปุ๋ยเคมีโดยไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยนั้น ให้ทีมเจรจาไปหารือกับผู้ผลิตปุ๋ยรายใหญ่แต่ละยี่ห้อ เพื่อขอให้ยืดเวลาเก็บเงินจากร้านค้าปลีกต่าง ๆ ออกไป เช่น ปัจจุบันผู้ผลิตส่งขายปุ๋ยให้ร้านค้ายี่ปั๊ว ซาปั๊ว 630 บาท ยี่ปั๊ว ซาปั๊วขายให้เกษตรกร 650 บาท แต่ให้ไปเจรจาว่า ให้ผู้ผลิตส่งในราคาเดิม 630 บาท ร้านค้าขายราคา 630 บาท แต่ร้านค้าจะได้รับระยะเวลาการจ่ายเงินให้ผู้ผลิตออกไปอีก เช่น 60 วันเป็น 90 วัน หรือ 120 วัน เป็นต้น ร้านค้าก็ไม่ต้องไปบวกราคากับผู้ใช้บัตรเครดิตฯ ผู้ผลิตก็ได้ปริมาณการขายที่มาก เพราะหากขยายกลุ่มลูกค้าออกไป เท่ากับจะมีผู้ใช้บัตรกว่า 4-5 ล้านราย
“ธนาคารธ.ก.ส.นี้ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เป็นผู้กำกับดูแล แต่ผมขอเฉพาะในส่วนของโครงการบัตรเครดิตเกษตรกรมาดูแล เพื่อจะได้ช่วยเติมเต็มให้มากขึ้น ในฐานะที่ผมเป็นผู้แทนราษฎร อยู่กับชาวบ้านมาตลอด จึงรู้ว่าความต้องการของชาวบ้านจริง ๆ นั้นคืออะไร”.
นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง เปิดเผยว่า ได้หารือร่วมกับผู้บริหารธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้มอบหมายให้ ธ.ก.ส.ไปหาแนวทางการใช้บัตรสินเชื่อเกษตรกร หรือบัตรเครดิตชาวนา โดยที่ไม่ต้องเก็บดอกเบี้ยจากลูกค้า จากปัจจุบันที่คิดดอกเบี้ย 7% ต่อปี แต่ให้ใช้วิธีการเจรจากับผู้ผลิตรายใหญ่ เพื่อให้ยืดระยะเวลาการเก็บเงินจากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการจำหน่ายสินค้าของ ธ.ก.ส. ออกไปอีก ซึ่งอาจทำให้ผู้ผลิตรายใหญ่มีกำไรลดลงบ้าง แต่จะได้ปริมาณการขายสินค้าที่มากขึ้น และรัฐบาลไม่ต้องรับภาระจ่ายชดเชยดอกเบี้ยให้ ธ.ก.ส.แต่อย่างใดด้วย
ขณะเดียวกัน ให้ ธ.ก.ส.พิจารณาแนวทางการขยายกลุ่มลูกค้าที่มีสิทธิใช้บัตรสินเชื่อเกษตรกร หรือบัตรเครดิตชาวนา ออกไปให้กว้างขวางมากขึ้น จากเดิมที่กำหนดให้เฉพาะเกษตรกรผู้ปลูกข้าว หรือชาวนาเท่านั้น ที่มี 2 ล้านรายเศษ แต่ตนมีนโยบายที่จะให้ขยายไปยังกลุ่มเกษตรกรชาวไร่ ชาวสวน และชาวประมงด้วย ซึ่งเฉพาะผู้ที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส.นั้นก็มีมากกว่า 4 ล้านราย อนาคตจะขยายรวมไปถึงลูกค้าของธนาคารรัฐอื่นๆ ให้ได้สิทธิใช้บัตรเครดิตดังกล่าวนี้ด้วย
นอกจากนี้ จะให้ขยายประเภทสินค้าให้มากขึ้น จากปัจจุบันที่ใช้บัตรเครดิตรูดซื้อสินค้าได้เฉพาะ เมล็ดพันธุ์พืช ปุ๋ยเคมี และยาฆ่าแมลงเท่านั้น เบื้องต้นทราบว่า ธ.ก.ส.กำลังเจรจากับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัทบางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เพื่อให้ลูกค้าบัตรเครดิตไปใช้รูดซื้อน้ำมันได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ได้กำชับให้ ธ.ก.ส.เร่งไปเจรจาและให้ได้ข้อสรุปภายในเดือน พ.ค. เพื่อที่จะเริ่มดำเนินการได้เมื่อเปิดโครงการอย่างเป็นทางการในเดือนมิ.ย.ต่อไป
นายทนุศักดิ์ กล่าวว่า กระทรวงการคลังได้ตั้งทีมเจรจา ขึ้นมา 1 ชุด โดยมีเจ้าหน้าที่ทั้งจากกระทรวงการคลัง และธ.ก.ส. เพื่อไปเจรจากับภาคเอกชน ทั้งด้านพลังงานเชื้อเพลิง และปุ๋ยเคมี โดยในส่วนของการใช้บัตรเครดิตรูดซื้อน้ำมันได้นั้น ได้ให้นโยบายไป 2 แนวทางคือ ให้รูดซื้อน้ำมันตามราคาหน้าปั๊มปกติ แต่ยืดเวลาการชำระเงินออกไป พร้อมทั้งปลอดดอกเบี้ย หรือให้รูดซื้อน้ำมันราคาต่ำกว่าหน้าปั๊มได้ แต่ให้จ่ายเงินสดตามปกติ
“เห็นว่าน้ำมันเป็นสินค้าที่สำคัญอย่างหนึ่งในการทำการเกษตร ทั้งใส่รถไถนา ปั๊มน้ำ หรือรถขนส่งสินค้าออกจากท้องนาสู่โรงสี เป็นต้น เพียงแต่ระยะแรกมีหลายฝ่ายเป็นห่วง ระแวงกันมากกว่าจะนำน้ำมันไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ จึงยังไม่ได้พิจารณาเรื่องนี้ตั้งแต่แรก ดังนั้นเราต้องกำหนดปริมาณการใช้น้ำมันให้ตรงตามวัตถุประสงค์ โดยพิจารณาจากพื้นที่ทำการเกษตรของผู้ถือบัตรเครดิตแต่ละคนว่ามีพื้นที่เท่าใด จากนั้นก็จะให้วงเงินเติมน้ำมันที่เหมาะสมกับพื้นที่เป็นราย ๆ ไป เป็นต้น ซึ่งธ.ก.ส.ต้องเข้าไปดูรายละเอียดในเรื่องเหล่านี้ รวมถึงต้องมีใบเสร็จในการซื้อ มีการตรวจสต็อกสินค้าด้วย”
สำหรับแนวทางการซื้อปุ๋ยเคมีโดยไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยนั้น ให้ทีมเจรจาไปหารือกับผู้ผลิตปุ๋ยรายใหญ่แต่ละยี่ห้อ เพื่อขอให้ยืดเวลาเก็บเงินจากร้านค้าปลีกต่าง ๆ ออกไป เช่น ปัจจุบันผู้ผลิตส่งขายปุ๋ยให้ร้านค้ายี่ปั๊ว ซาปั๊ว 630 บาท ยี่ปั๊ว ซาปั๊วขายให้เกษตรกร 650 บาท แต่ให้ไปเจรจาว่า ให้ผู้ผลิตส่งในราคาเดิม 630 บาท ร้านค้าขายราคา 630 บาท แต่ร้านค้าจะได้รับระยะเวลาการจ่ายเงินให้ผู้ผลิตออกไปอีก เช่น 60 วันเป็น 90 วัน หรือ 120 วัน เป็นต้น ร้านค้าก็ไม่ต้องไปบวกราคากับผู้ใช้บัตรเครดิตฯ ผู้ผลิตก็ได้ปริมาณการขายที่มาก เพราะหากขยายกลุ่มลูกค้าออกไป เท่ากับจะมีผู้ใช้บัตรกว่า 4-5 ล้านราย
“ธนาคารธ.ก.ส.นี้ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เป็นผู้กำกับดูแล แต่ผมขอเฉพาะในส่วนของโครงการบัตรเครดิตเกษตรกรมาดูแล เพื่อจะได้ช่วยเติมเต็มให้มากขึ้น ในฐานะที่ผมเป็นผู้แทนราษฎร อยู่กับชาวบ้านมาตลอด จึงรู้ว่าความต้องการของชาวบ้านจริง ๆ นั้นคืออะไร”.
