“รบ.ปู” เร่งเครื่อง “บัตรเครดิตชาวนา” เพื่อให้เป็นรูปธรรม คาดได้ข้อสรุปภายใน พ.ค.นี้ “ทนุศักดิ์” เดินหน้าเคลมผู้ค้าปุ๋ย 4 รายใหญ่ เพราะแต่ละปีชาวนา 2.4 ล้านราย กู้เงิน ธ.ก.ส. สูงถึง 4 หมื่นล้าน เพื่อซื้อปุ๋ย ยอมรับต้องเพิ่มออปชันบัตร เพื่อจูงใจชาวนาใช้บริการ แต่ห่วงการใช้เติมน้ำมัน อาจสับสนกับบัตรเครดิตพลังงาน
นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงความคืบหน้านโยบายจัดทำบัตรสินเชื่อเกษตรกร (บัตรเครดิตชาวนา) โดยคาดว่าจะได้สรุปภายในเดือนพฤษภาคม 2555 นี้ ทั้งการนำไปใช้ในการจัดซื้อปัจจัยการผลิต เช่น ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง และเมล็ดพันธุ์พืช เพื่อลดต้นทุนราคาสินค้าให้เท่ากับอัตราดอกเบี้ยที่ชาวนาต้องจ่ายให้แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งจะต้องหารือในส่วนของอัตราดอกเบี้ยให้มีความเหมาะสม
นายทนุศักดิ์ ยอมรับว่า ตอนนี้ รัฐบาลกำลังเร่งเจรจากับผู้ขายปุ๋ยเคมีรายใหญ่ทั้ง 4 ราย เช่น ยี่ห้อหัววัวคันไถ เรือใบไวกิ้ง กระต่าย และมงกุฎ เพื่อให้ลดราคาปุ๋ยให้เกษตรกรใช้บัตรเครดิตชาวนาเป็นกรณีพิเศษ เพราะลูกค้าของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวนกว่า 2.4 ล้านราย ซื้อปุ๋ยเคมีมูลค่ากว่า 40,000 ล้านบาท นับว่ามีมูลค่าสูงมาก
“คาดว่าภายในเดือนนี้จะได้ข้อสรุป จากเดิมกำหนดให้การใช้บัตรเครดิตใช้ซื้อสินค้าได้ 3 ประเภท คือ ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลง และเมล็ดพันธุ์พืช โดยต้องหาทางควบคุมดูแลไม่ให้เปิดปัญหาหนี้เสียจากการใช้บัตรเครดิต”
นอกจากนี้ รัฐบาลยังต้องเร่งหาทางเพิ่มผลประโยชน์จากการใช้บัตรเครดิตเพิ่มขึ้น เพราะไม่อยากให้เปิดโครงการออกมาแล้วไม่ได้รับความสนใจ ต้องหาทางแก้ปัญหาเพิ่มเติม ซึ่งได้เจรจากับกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เมื่อใช้บัตรสินเชื่อการเกษตรซื้อน้ำมันปั๊ม 2 แห่ง ควรมีราคาต่ำกว่าท้องตลาด 5-10 สตางค์ โดยมีทั้งการยื่นแสดงบัตรแต่ซื้อด้วยเงินสด และการใช้บัตรเครดิตเติมน้ำมัน เมื่อทุกอย่างมีความพร้อม จึงเตรียมเชิญนายกรัฐมนตรีเปิดตัวโครงการอย่างเป็นทางการในช่วงต่อไป
“ยอมรับว่า การนำบัตรเครดิตชาวนาไปใช้ในการซื้อน้ำมันนั้น ยังต้องหารือในรายละเอียดร่วมกับผู้ค้าน้ำมัน แต่ส่วนตัวมองว่า บัตรเครดิตชาวนาไม่ควรนำไปรวมกับบัตรเครดิตพลังงาน เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภค 2 กลุ่ม แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม บัตรเครดิตชาวนาจะมุ่งเน้นประสิทธิภาพการใช้จ่ายผ่านบัตรที่ครอบคลุมมากกว่าการเน้นที่ปริมาณออกบัตร”
ทั้งนี้ ผลการสำรวจพบว่า หลังจากที่รัฐบาลได้นำร่องการทดลองใช้บัตรเครดิตเกษตรกรไปแล้วใน 5 จังหวัด ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2555 ที่ผ่านมา พบว่า มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการจำนวน 5,522 ราย เฉลี่ยจังหวัดละ 1,000 ราย คือ เชียงใหม่ อุดรธานี สระบุรี ลพบุรี และพระนครศรีอยุธยา หลังจากนั้น รัฐบาลจะทยอยเพิ่มให้ครบทั้ง 77 จังหวัด ตามเป้าหมาย 1 ล้านราย โดยผ่านร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ จำนวนกว่า 3,000 ราย
