นายเปล่งศักดิ์ ประกาศเภสัช นายกสมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจเกษตรไทย เปิดเผยว่า ในวันที่ 30 มี.ค.นี้ สมาคมฯ จะเข้าพบนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อเข้าเยี่ยมคารวะและหารือถึงสถานการณ์การค้าปุ๋ยในปัจจุบันนี้ และขอรับทราบนโยบายจากรัฐบาลในการดูแลอุตสาหกรรมปุ๋ยทั้งระบบ
หลังจากที่แนวโน้มต้นทุนการผลิตปุ๋ยเคมีได้ปรับขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ต้นทุนการผลิตปุ๋ยของผู้ประกอบการเพิ่มขึ้นมากกว่า 10% แล้ว
ทั้งนี้ สมาคมฯ จะขอให้กระทรวงพาณิชย์ทบทวนราคาเพดานปุ๋ยเคมีเพิ่มขึ้นตามต้นทุนที่แท้จริงในช่วงครึ่งปีหลัง เพราะในช่วงครึ่งปีแรก ผู้ประกอบการยังสามารถแบกรับภาระต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้นได้ เนื่องจากยังมีสต๊อกปุ๋ยที่นำเข้ามาตั้งแต่ปีที่แล้วเหลืออยู่ โดยสามารถใช้ได้ถึงฤดูกาลเพาะปลูกข้าวนาปรังปี 2555 เท่านั้น แต่หากไม่ให้ปรับขึ้นราคา
ก็อาจจะกระทบต่อความต้องการใช้เพาะปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2555/56 หรือตั้งแต่เดือนต.ค.เป็นต้นไปได้ เพราะผู้ผลิตอาจจะชะลอการนำเข้าแม่ปุ๋ยมาผลิต
สำหรับราคาแม่ปุ๋ยได้ปรับขึ้นมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว
โดยราคานำเข้าแม่ปุ๋ยยูเรีย ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตปุ๋ยภายในประเทศ เดือนม.ค. ราคานำเข้าอยู่ที่ 420 เหรียญสหรัฐ/ตัน เดือนก.พ. ราคานำเข้าขึ้นมาอยู่ที่ 432 เหรียญสหรัฐ/ตัน และล่าสุดกลางเดือนมี.ค. ราคานำเข้าขึ้นมาอยู่ที่ 543 เหรียญสหรัฐ/ตัน ซึ่งราคาดังกล่าวยังไม่รวมต้นทุนค่าขนส่งและค่าบริหารจัดการ
และทำให้ราคาปุ๋ยยูเรียในประเทศปรับขึ้นโดยเดือนมี.ค.อยู่ที่ 1.43 หมื่นบาท/ตัน สูงกว่าราคาช่วงปีที่แล้วอยู่ที่ 1.31 หมื่นบาท/ตัน
นอกจากนี้ อุตสาหกรรมปุ๋ยเคมียังได้รับผลกระทบ จากการปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำ 300 บาท/วัน ของรัฐบาล ที่จะเริ่มในวันที่ 1 เม.ย.นี้ เพราะอุตสาหกรรมปุ๋ยต้องใช้แรงงานจำนวนมากในการขนถ่ายสินค้าปุ๋ยลงจากท่าเรือ และขนส่งปุ๋ยเพื่อมาผลิต ยังไม่รวมผลกระทบจากราคาน้ำมันดีเซล และก๊าซเอ็นจีวีที่จะปรับขึ้น เพราะเป็นต้นทุนด้านค่าขนส่ง
“อยากให้รัฐบาลให้ความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการบ้าง เพราะที่ผ่านมา ผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิกสมาคมฯยอมให้ความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์มาตลอด”นายเปล่งศักดิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า สำหรับปัญหาการปรับขึ้นราคาปุ๋ยเคมีในขณะนี้ เนื่องจากมีผู้ผลิตปุ๋ยเคมีที่อยู่นอกสมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจเกษตรไทยที่มีอยู่ประมาณ 30% ของผู้ผลิตปุ๋ยทั้งระบบ ได้มีการแอบปรับขึ้นราคาจำหน่ายปลายทาง ทำให้ปุ๋ยเคมีจากผู้ผลิตที่ไม่ได้เป็นสมาชิกสมาคมฯ ราคาเพิ่มขึ้น ส่วนผู้ผลิตที่อยู่ในสมาคมฯ
ไม่มีการปรับขึ้นราคา เพราะการปรับขึ้นราคาต้องได้รับการอนุมัติจากกระทรวงพาณิชย์ก่อน เนื่องจากปุ๋ยเคมีเป็นสินค้าควบคุม
ขณะเดียวกัน ยังมีการร้องเรียนจากผู้ประกอบการว่า อยากให้รัฐบาลเข้าไปแก้ไขปัญหากรณีที่มีเจ้าหน้าที่รัฐเรียกเก็บค่าอำนวยความสะดวกกับรถบรรทุกปุ๋ย ซึ่งผู้ประกอบการจำเป็นต้องยอมจ่าย เพื่อแลกกับการขนส่งไม่ติดขัด แต่กลับเป็นค่าใช้จ่ายแฝงที่ทำให้สินค้าปุ๋ยมีต้นทุนเพิ่มขึ้น
หลังจากที่แนวโน้มต้นทุนการผลิตปุ๋ยเคมีได้ปรับขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ต้นทุนการผลิตปุ๋ยของผู้ประกอบการเพิ่มขึ้นมากกว่า 10% แล้ว
ทั้งนี้ สมาคมฯ จะขอให้กระทรวงพาณิชย์ทบทวนราคาเพดานปุ๋ยเคมีเพิ่มขึ้นตามต้นทุนที่แท้จริงในช่วงครึ่งปีหลัง เพราะในช่วงครึ่งปีแรก ผู้ประกอบการยังสามารถแบกรับภาระต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้นได้ เนื่องจากยังมีสต๊อกปุ๋ยที่นำเข้ามาตั้งแต่ปีที่แล้วเหลืออยู่ โดยสามารถใช้ได้ถึงฤดูกาลเพาะปลูกข้าวนาปรังปี 2555 เท่านั้น แต่หากไม่ให้ปรับขึ้นราคา
ก็อาจจะกระทบต่อความต้องการใช้เพาะปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2555/56 หรือตั้งแต่เดือนต.ค.เป็นต้นไปได้ เพราะผู้ผลิตอาจจะชะลอการนำเข้าแม่ปุ๋ยมาผลิต
สำหรับราคาแม่ปุ๋ยได้ปรับขึ้นมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว
โดยราคานำเข้าแม่ปุ๋ยยูเรีย ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตปุ๋ยภายในประเทศ เดือนม.ค. ราคานำเข้าอยู่ที่ 420 เหรียญสหรัฐ/ตัน เดือนก.พ. ราคานำเข้าขึ้นมาอยู่ที่ 432 เหรียญสหรัฐ/ตัน และล่าสุดกลางเดือนมี.ค. ราคานำเข้าขึ้นมาอยู่ที่ 543 เหรียญสหรัฐ/ตัน ซึ่งราคาดังกล่าวยังไม่รวมต้นทุนค่าขนส่งและค่าบริหารจัดการ
และทำให้ราคาปุ๋ยยูเรียในประเทศปรับขึ้นโดยเดือนมี.ค.อยู่ที่ 1.43 หมื่นบาท/ตัน สูงกว่าราคาช่วงปีที่แล้วอยู่ที่ 1.31 หมื่นบาท/ตัน
นอกจากนี้ อุตสาหกรรมปุ๋ยเคมียังได้รับผลกระทบ จากการปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำ 300 บาท/วัน ของรัฐบาล ที่จะเริ่มในวันที่ 1 เม.ย.นี้ เพราะอุตสาหกรรมปุ๋ยต้องใช้แรงงานจำนวนมากในการขนถ่ายสินค้าปุ๋ยลงจากท่าเรือ และขนส่งปุ๋ยเพื่อมาผลิต ยังไม่รวมผลกระทบจากราคาน้ำมันดีเซล และก๊าซเอ็นจีวีที่จะปรับขึ้น เพราะเป็นต้นทุนด้านค่าขนส่ง
“อยากให้รัฐบาลให้ความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการบ้าง เพราะที่ผ่านมา ผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิกสมาคมฯยอมให้ความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์มาตลอด”นายเปล่งศักดิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า สำหรับปัญหาการปรับขึ้นราคาปุ๋ยเคมีในขณะนี้ เนื่องจากมีผู้ผลิตปุ๋ยเคมีที่อยู่นอกสมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจเกษตรไทยที่มีอยู่ประมาณ 30% ของผู้ผลิตปุ๋ยทั้งระบบ ได้มีการแอบปรับขึ้นราคาจำหน่ายปลายทาง ทำให้ปุ๋ยเคมีจากผู้ผลิตที่ไม่ได้เป็นสมาชิกสมาคมฯ ราคาเพิ่มขึ้น ส่วนผู้ผลิตที่อยู่ในสมาคมฯ
ไม่มีการปรับขึ้นราคา เพราะการปรับขึ้นราคาต้องได้รับการอนุมัติจากกระทรวงพาณิชย์ก่อน เนื่องจากปุ๋ยเคมีเป็นสินค้าควบคุม
ขณะเดียวกัน ยังมีการร้องเรียนจากผู้ประกอบการว่า อยากให้รัฐบาลเข้าไปแก้ไขปัญหากรณีที่มีเจ้าหน้าที่รัฐเรียกเก็บค่าอำนวยความสะดวกกับรถบรรทุกปุ๋ย ซึ่งผู้ประกอบการจำเป็นต้องยอมจ่าย เพื่อแลกกับการขนส่งไม่ติดขัด แต่กลับเป็นค่าใช้จ่ายแฝงที่ทำให้สินค้าปุ๋ยมีต้นทุนเพิ่มขึ้น