xs
xsm
sm
md
lg

“พาณิชย์” เข้มตรวจสอบราคาอาหารจานด่วน เบรกสินค้าอ้างดีเซลแพงขึ้นราคา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยรรยง พวงราช
“ยรรยง” ลงพื้นที่ตรวจสอบราคาอาหารจานด่วน หลังดีเดย์ราคาแนะนำวันนี้เป็นวันแรก เล็งคุมเข้มราคาสินค้า ดักคอผู้ผลิตห้ามนำประเด็นดีเซลทะลุ 31.33 บาท เป็นข้ออ้างขอปรับขึ้นราคา ยอมรับมีผลกระทบค่าขนส่งเพียงเล็กน้อย พร้อมประเมิน ดีเซลขยับขึ้นครั้งนี้ ดันเงินเฟ้อเพิ่มแค่ 0.15% คาดทั้งปีไม่เกิน 4%

นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังการลงพื้นที่ตรวจสอบการจำหน่ายอาหารปรุงสำเร็จ และมอบป้ายร้านอาหารธงฟ้า ที่ศูนย์อาหารกระทรวงพาณิชย์ หลังกระทรวงได้ออกประกาศราคาแนะนำอาหารปรุงสำเร็จหรืออาหารจานเดียวแล้วตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์2555 และมีผลบังคับใช้ในวันนี้ เพื่อเป็นการชะลอการปรับราคาอาหารปรุงสำเร็จ และลดภาระค่าครองชีพประชาชน รวมทั้งสร้างความเป็นธรรมในระบบการค้าอาหารปรุงสำเร็จ หลังจากราคาอาหารปรับราคาสูงขึ้นต่อเนื่องในปี 2554 จนกระทบต่อผู้มีรายได้น้อยและผู้บริโภคที่มีความจำเป็นต้องบริโภคอาหารนอกบ้าน ได้รับความเดือดร้อนจากค่าครองชีพและราคาอาหารแพงขึ้น

สำหรับโครงสร้างต้นทุนอาหารสำเร็จรูปต่อจานหรือชาม กรมการค้าภายในกำหนดเป็นราคาแนะนำ เป็นการคำนวณจากต้นทุนวัตถุดิบปริมาณข้าวสวย 250 กรัม/จาน รวมต้นทุนค่าแรงงานปี 2555 วันละ 300 บาท/150 จานค่าก๊าซบรรจุ 15 กก.ถังละ 300 บาท/300 จานค่าเช่าพื้นที่เดือนละ 8,500 บาท ขายได้ประมาณวันละ 150 จาน ข้าวไข่เจียว คำนวณต้นทุนต่อ 300 จาน พบว่า ข้าวไข่เจียวขายราคา 20 บาท จะมีต้นทุนรวม 13.07 บาท กำไร 6.93 บาท ข้าวกะเพราหมูขาย 25 บาท ต้นทุนรวม 20.53 บาทกำไร 4.47 บาท ข้าวกะเพราหมูบวกไข่ดาวขาย30 บาท ต้นทุนรวม 25.53 บาท กำไร 4.47 บาท ข้าวไข่พะโล้ขาย 25 บาท ต้นทุนรวม20.04 บาท กำไร 4.96 บาท ก๋วยเตี๋ยวขาย25 บาท ต้นทุนรวม 20.65 บาท กำไร 4.35 บาท

ทั้งนี้ ราคาแนะนำจะครอบคลุม 7 รายการหลัก ได้แก่ เมนูข้าวไข่เจียว ร้านธงฟ้าขาย 15 บาท ร้านอาหารทั่วไปและในห้างขาย 20 บาท ข้าวราดแกง หรือกับข้าว 1 อย่าง ร้านธงฟ้าขาย 20-25 บาท ร้านอาหารทั่วไป 25 บาท ร้านในห้างขาย 30 บาท เมนูข้าวราด 2 อย่าง เมนูอาหารตามสั่ง เช่น ข้าวกะเพราหมู/ไก่ ข้าวผัดหมู/ไก่ ผัดซีอิ๊ว ข้าวขาหมู ขนมจีน น้ำยา/แกงไก่เพิ่มอีก 5 บาท ในร้านธงฟ้าและร้านทั่วไปไม่เกิน 30 บาท แต่ในห้างไม่เกิน 35 บาท ไข่ดาว 1 ฟองในร้านธงฟ้าและทั่วไปขายไม่เกิน 5 บาท ในห้างไม่เกิน 6 บาท เมนูก๋วยเตี๋ยวหมู/ไก่/ลูกชิ้นปลา ในร้านอาหารธงฟ้าและร้านอาหารในสำนักงานนอกย่านธุรกิจขาย 25-30 บาท ในห้างและอาคารย่านธุรกิจ เพิ่มอีก 5 บาท หรือขาย 35 บาท

นอกจากนี้ กระทรวงได้พิจารณาต้นทุนราคาน้ำมันดีเซลที่มีผลกระทบต่อต้นทุนสินค้า หลังจากราคาน้ำมันดีเซลขยับขึ้นเป็นลิตรละ 31.33 บาทแล้ว พบว่าไม่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้าอย่างมีนัยสำคัญ เพราะราคาน้ำมันขณะนี้สูงขึ้นกว่าค่าเฉลี่ยทั้งปี 54 ที่ลิตรละ 29.99 บาท เพียง 6.42%

“ยอมรับว่า ราคาน้ำมันมีผลต่อต้นทุนค่าขนส่งบ้างเล็กน้อย โดยเฉพาะสินค้าที่มีน้ำหนักและบรรทุกต่อเที่ยวได้น้อย เช่น ปูนซีเมนต์ ผลิตภัณฑ์เหล็ก และปุ๋ยเคมี เป็นต้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ผู้ผลิตจะใช้เป็นเหตุผลในการปรับขึ้นราคาสินค้าได้ เพราะต้องดูต้นทุนด้านอื่นประกอบด้วย ไม่ใช่แค่น้ำมันดีเซลเพียงอย่างเดียว”

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิด และขอความร่วมมือภาคการขนส่งให้ดูแลอัตราค่าขนส่งให้เป็นธรรม ห้ามฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาเด็ดขาด เพราะปัจจุบันนี้ ภาคการขนส่งส่วนใหญ่ไม่ได้เติมน้ำมันดีเซล แต่ได้หันไปใช้ก๊าซธรรมชาติ (เอ็นจีวี) และแม้ภาครัฐจะให้ปรับโครงสร้างราคาพลังงาน แต่ราคาก็ยังต่ำกว่าน้ำมันดีเซลอยู่มาก โดยราคาขณะนี้อยู่ที่ 9.50 บาทต่อกิโลกรัม (กก.)

ส่วนผลกระทบต่อเงินเฟ้อทั้งปี จากการปรับขึ้นราคาของน้ำมันดีเซล ประเมินว่า มีผลกระทบต่อเงินเฟ้อเพียง 0.15% และต่อไปหากน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้น 10% ก็จะมีผลกระทบต่อเงินเฟ้อเพิ่มเป็น 0.25% ดังนั้น เป้าหมายเงินเฟ้อทั้งเมื่อรวมผลกระทบน้ำมันแล้วจะอยู่ในกรอบ 3.3-3.95% เพิ่มจากเดิม 3.3-3.8% แต่หากน้ำมันดีเซลเพิ่ม 10% จะทำให้เงินเฟ้อทั้งปีเพิ่มเป็น 3.3-4.05%

ทางด้านผลกระทบจากการปรับขึ้นราคาแก๊สหุงต้ม (แอลพีจี) และก๊าซเอ็นจีวี ต่อเงินเฟ้อ เบื้องต้นพบว่าการปรับขึ้นแอลพีจี จะมีผลต่อเงินเฟ้อทั้งปีเพียง 0.05% โดยเป็นผลกระทบโดยตรงต่อครัวเรือนจากการเติมใช้ในรถยนต์ 0.02% และผลกระทบโดยอ้อมจากการจ่ายค่าโดยสารรถแท็กซี่ และสามล้อเครื่องรับจ้างอีก 0.03% ภายใต้เงื่อนไขที่รัฐบาลมีแผนปรับราคาแอลพีจีภาคขนส่งทุกเดือน เดือนละ 75 สตางค์ต่อ กก.เป็นเวลา 1 ปี รวม 9 บาทต่อ กก.ทำให้ราคาแอลพีจีภาคขนส่งขึ้นไปอยู่ที่ราคาสูงสุด 17.13 บาทต่อกก. และภาคอุตสาหกรรม จะปรับขึ้นไตรมาสละ 3 บาทต่อ กก.เป็นเวลา 1 ปี รวม 4 ครั้ง 12 บาท ทำให้ราคาสุดท้ายอยู่ที่ 30.13 บาทต่อ กก.

ขณะที่ภาคครัวเรือนที่ใช้ในการหุงต้ม ซึ่งมีน้ำหนักในเงินเฟ้อ 0.38% ไม่ได้รับผลกระทบ เพราะรัฐบาลยังคงตรึงราคาไว้อยู่ โดยยืนราคาที่ 18.13 บาทต่อ กก.ไปจนถึงสิ้นปี 2555 ส่วนราคาก๊าซเอ็นจีวี แม้รัฐบาลจะมีการปรับโครงสร้างราคา และจะปรับขึ้นราคาภาคขนส่งเดือนละ 50 สตางค์ต่อ กก.เป็นเวลาติดต่อกัน 12 เดือน แต่ไม่มีผลต่อเงินเฟ้อ เพราะรัฐบาลได้มีการช่วยบรรเทาผลกระทบ โดยมีโครงการบัตรเครดิตพลังงาน ที่ให้ส่วนลดราคาขายปลีกแก่ผู้ขับขี่รถรับจ้างสาธารณะ กลุ่มแท็กซี่ สามล้อ รถตู้ร่วม และรถเมล์ ขสมก.
กำลังโหลดความคิดเห็น