ASTVผู้จัดการรายวัน- “ดุสิตโพล” เผยประชาชนรู้สึกเบื่อหน่ายนักการเมืองทะเลาะเบาะแว้ง เกือบ 50 % วิตกกังวลค่าครองชีพได้รับความเดือดร้อน 58 % และไม่พึงพอใจรัฐบาลต่อการแก้ปัญหาการควบคุมราคาสินค้าสูงเป็นอันดับหนึ่ง ด้านพาณิชย์นัด 200 ผู้ผลิต ถกตรึงสินค้า 15พ.ค.นี้ บี้ห้างห้ามคิดค่าต๋งอุปโภคบริโภค ด้าน ปชป.อัดใช้ รมต.สร้างภาพแก้ของแพงไม่ได้
วานนี้ (13 พ.ค.) สวนดุสิตโพล เผยผลสำรวจแบบสอบถามในหัวข้อประชาชนมอง “การเมือง เศรษฐกิจ สังคมไทย” แย่และยุ่งเหยิง เนื่องจากสภาพการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมในปัจจุบันมีปัญหาต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะการเมืองที่มีการถกเถียง ทั้งกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ด้านเศรษฐกิจ กรณีข้าวของแพง และด้านสังคมที่ประชาชนไม่ค่อยมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนที่มีผลกระทบโดยตรงและเพื่อเป็นแนวทางป้องกันและแก้ไข
สวนดุสิตโพล จึงได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 2,358 คน ระหว่างวันที่ 5-12 พ.ค.55
โดยความคิดเห็นของประชาชนต่อภาพรวมของ “การเมืองไทย” ณ วันนี้ รู้สึกเบื่อหน่ายอย่างมาก มีแต่ความวุ่นวาย ทะเลาะเบาะแว้ง สาดโคลนเข้าหากัน / เกิดการแตกแยก ขาดความสามัคคี โดยเฉพาะการอภิปรายเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ 49.64 % เห็นแก่อำนาจ และผลประโยชน์ ไม่นึกถึงส่วนรวม ทำเพื่อประโยชน์ของตนเอง / ทุจริตคอร์รัปชัน 22.99 % แบ่งเป็น 2 ขั้วอย่างชัดเจน / มีเพียงพรรคการเมือง 2 พรรคใหญ่ ที่สลับกันเข้ามาเป็นรัฐบาล 11.31 % การเมืองไทยไม่พัฒนา ย่ำอยู่กับที่ ไม่มีความเป็นประชาธิปไตย/เล่นเกมการเมืองมากเกินไป 10.22 % พฤติกรรมของนักการเมืองที่ไม่เหมาะสม/ขาดจิตสำนึกและคุณธรรมจริยธรรมของนักการเมือง 5.84 %
สำหรับความคิดเห็นของประชาชนต่อภาพรวมของ “เศรษฐกิจไทย” ณ วันนี้ ข้าวของแพง ค่าครองชีพสูง ส่งผลต่อความเป็นอยู่ของประชาชนให้ได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก 58.64 % เศรษฐกิจตกต่ำ รายได้ไม่พอกับรายจ่าย/รัฐบาลยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ 22.84 % มีความเหลื่อมล้ำทางสังคม/คนรวยก็อยู่รอด คนจนก็เกือบตาย 8.02 % เป็นไปตามสภาวะเศรษฐกิจโลก ทุกที่ได้รับผลกระทบ/เศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงกำลังฟื้นฟู 7.41 % รัฐบาลให้ความสำคัญและเร่งแก้ปัญหาอย่างเต็มที่/ทุกภาคส่วนให้ความร่วมมือและช่วยเหลือกัน 3.09 %
ส่วนภาพรวมของ “สังคมไทย” ณ วันนี้ สภาพสังคมย่ำแย่ เสื่อมโทรม/มีแต่คนเห็นแก่ตัว เอาตัวรอดกันมากขึ้น คนไทยมีความสุขน้อยลง 37.54 % เป็นสังคมที่แตกแยก ขาดความสามัคคี /แบ่งฝักแบ่งฝ่าย 31.38 % ความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน/ ข่าวอาชญากรรมมีมากขึ้น/ยาเสพติดแพร่ระบาด/โจร ขโมยชุกชุม 13.54 % คนไทยมีค่านิยมฟุ้งเฟ้อ/ไม่สนใจวัฒนธรรม ประเพณีไทย / วัยรุ่นมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม / มีข่าวลามกอนาจารมากขึ้นในสังคมไทย 12.62 % คนไทยขาดระเบียบวินัย ไม่เคารพและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด 4.92 %
ทั้งนี้ สิ่งที่ประชาชน “พึงพอใจรัฐบาล” คือ นโยบายขึ้นเงินเดือน / ขึ้นค่าแรง 300 บาท 37.78 % การปราบปรามยาเสพติด ทลายแหล่งอบายมุข 34.07 % โครงการประชานิยมต่างๆ เช่น รถเมล์ฟรี รถไฟฟรี รถคันแรก 11.11 % การสนับสนุนทางการศึกษา แจกแทบเล็ตให้เด็ก ป.1 9.26 % แนวทางสร้างความปรองดอง 7.78 %
สิ่งที่ประชาชน “ไม่พึงพอใจรัฐบาล” คือ การควบคุมราคาสินค้า การแก้ปัญหาของแพง 59.08 % การทุจริตคอร์รัปชัน / เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว 19.80 % การบริหารบ้านเมืองโดยเฉพาะเรื่องน้ำท่วมที่ต้องแก้ปัญหาระยะยาว 8.58 % การประพฤติตัวที่ไม่เหมาะสมของนักการเมือง/การทะเลาะเบาะแว้ง ขาดคุณธรรมจริยธรรม 6.93 % การทำตามนโยบายต่างๆ ยังชักช้าอยู่และไม่ครบถ้วน 5.61 %
สิ่งที่ประชาชน “พึงพอใจฝ่ายค้าน” คือ การทำหน้าที่ของฝ่ายค้านในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล 51.09 % การควบคุมดูแลสมาชิกภายในพรรคและฝ่ายค้าน 26.28 % การปฏิบัติงานของผู้นำฝ่ายค้านและ ส.ส.ฝ่ายค้านบางคน 13.14 % การอภิปรายในสภากรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญ 9.49 %
สิ่งที่ประชาชน “ไม่พึงพอใจฝ่ายค้าน” คือ เล่นเกมการเมืองและจ้องจับผิดมากเกินไป / ค้านทุกเรื่อง 58.05 % ยังไม่มีผลงานที่โดดเด่นหรือเป็นที่ถูกใจของประชาชน 17.24 % การแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของ ส.ส.ฝ่ายค้านบางคน 12.64 % การทำงานของพรรคร่วมฝ่ายค้านยังไม่เป็นระบบเท่าที่ควร 12.07 %
***นัด200ผู้ผลิตถกตรึงสินค้า
นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ในวันที่ 15 พ.ค. กรมฯ จะเชิญผู้ประกอบการสินค้าทั้งกลุ่ม 200 กว่าราย มารับทราบนโยบายในการขอความร่วมมือตรึงราคาสินค้าเป็นระยะเวลา 4 เดือน ซึ่งจะมีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ เป็นประธาน เชื่อว่าผู้ประกอบการจะให้ความร่วมมือ เพราะผู้ผลิตรายใหญ่ยืนยันแล้วว่าสามารถตรึงราคาได้ถึงไตรมาส 2-3 และจากที่รัฐบาลมีนโยบายการดูแลต้นทุนสินค้า ทั้งเรื่องราคาพลังงาน มาตรการช่วยเหลือค่าแรงงานขั้นต่ำ อาจทำให้ผู้ผลิตสามารถตรึงราคาสิ้นได้ถึงสิ้นปีด้วยซ้ำ
สำหรับปัญหาห้างค้าปลีกสมัยใหม่ (โมเดิร์นเทรด) บางราย อ้างต้นทุนการปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำ 300 บาท/วัน โดยขปรับขึ้นค่าธรรมเนียมกับผู้ผลิตสินค้า (ซัปพลายเออร์) นั้น กรมฯ จะเข้าไปดูแลโดยจะนำปัญหาดังกล่าวเข้าหารือในที่ประชุมคณะอนุกรรมการกำกับดูแลอาหารปรุงสำเร็จ เพราะสินค้าที่ซัปพลายเออร์ส่งจำหน่ายภายในห้างค้าปลีก เช่น เครื่องประกอบอาหาร ถือเป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนอาหารปรุงสำเร็จ
“จะเสนอให้คณะอนุกรรมการฯ กำหนดมาตรการให้ห้างค้าปลีกห้ามใช้ข้ออ้างเรื่องการปรับขึ้นค่าแรง ปรับค่าธรรมเนียม (ค่าฟี) กับผู้ผลิตสินค้า เพราะหากต้นทุนจากค่าแรงงานเพิ่มขึ้นก็ควรจะไปปรับกับสินค้าอื่นแทน โดยเฉพาะสินค้าฟุ่มเฟือย แต่ไม่ใช่กับสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวัน”นางวัชรีกล่าว
***อัดใช้ รมต.สร้างภาพแก้แพงไม่ได้
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาราคาสินค้าอย่างจริงจังว่า ขณะนี้เกิดปัญหาสินค้าราคาแพง แต่คณะรัฐมนตรีกลับพากันแข่งขันกันคิดโครงการต่าง ๆ และใช้งบประมาณในการประชาสัมพันธ์ให้กับตัวเอง และจากการที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งให้ 11 รัฐมนตรี ลงพื้นที่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผลปรากฎว่าบรรดารัฐมนตรีกลับพากันบอกว่าของไม่แพง พอมาถึงสัปดาห์นี้ นายกฯได้สั่งให้ 6 รัฐมนตรีลงพื้นที่อีก จึงอยากให้มารายงานว่าได้ข้อมูลอะไรจากการลงพื้นที่ เพื่อมาช่วยประชาชน เพราะตนเกรงว่าจะเป็น 6 รัฐมนตรี เดินตลกในตลาดมากกว่า
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี พรรคเพื่อไทย ออกมากล่าวหาว่า พรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้จุดกระแสเรื่องของแพง เพื่อโค่นล้มรัฐบาล ว่า ไม่เป็นความจริง เพราะราคาสินค้าที่แพงขึ้นในขณะนี้ ไม่มีใครเป็นผู้สร้างกระแส แต่เป็นความรู้สึกของประชาชน ที่สามารถสัมผัส และรับรู้ด้วยตัวเองว่าของแพงจริงหรือไม่ ถ้ารัฐบาลจะสร้างภาพแก้ไขปัญหาของแพง โดยวิธีการส่ง 11 รัฐมนตรีลงพื้นที่ตรวจตลาด และวันนี้ได้ส่งรัฐมนตรีอีก 6 คน ลงพื้นที่ ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาของแพงได้ ต่อให้ครม.ทั้งคณะ 36 คน หรือ ส.ส.พรรคเพื่อ 265 คน ลงพื้นที่พร้อมกันๆ ก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้น เพราะการแก้ไขปัญหาของแพง อยู่ที่นโยบายรัฐบาล และความรู้ความสามารถของผู้รับผิดชอบ ถ้าหากว่าคนเหล่านี้มีความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหา ข้าวของจะแพงเหมือนเดิม ถ้ารัฐบาลนี้จะล้มลงก็ไม่เกี่ยวกับพรรคประชาธิปัตย์ แต่เป็นเพราะตัวของรัฐบาลเองที่ล้มเหลวในแก้ไขปัญหาประเทศชาติ จนทำให้ประชาชนทั้งประเทศ ลุกขึ้นมาต่อต้านขับไล่ออกจากตำแหน่ง
***"สุกุมล" สำรวจไข่ชลบุรียันไม่แพง
นางสุกุมล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า ตนเป็นหนึ่งในรัฐมนตรีที่น.ส.ยิงลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ลงพื้นที่สำรวจสินค้า โดยเฉพาะราคาไขไก่ ในจังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ผลิตไข่ไก่รายใหญ่ของประเทศ พบว่า ไข่ไก่ที่ประชาชนนิยมบริโภคมากที่สุด คือ ไข่ไก่เบอร์ 2 ซึ่งราคาไข่ไก่หน้าแผงขายในตลาด เบอร์ 2 ขายแผงละ 90 บาทเฉลี่ยใบละ 3.75 บาท เบอร์ 1 แผงละ 97 บาท เฉลี่ยใบละ 4.04 บาท ส่วนไข่ไก่เบอร์ 0 แผงละ 102 บาท เฉลี่ยใบละ 4.25 บาท ขณะที่ราคาขายหน้าฟาร์มช่วงเดือน พฤษภาคม ไข่ไก่เบอร์ 2 ใบละ 2.90-3 บาท ทั้งนี้เมื่อเปรียบเทียบกับราคาขายหน้าฟาร์มในปี 2554 ไข่ไก่เบอร์ 1 ใบละ 3.30-3.40 บาทต่อฟอง เบอร์ 2 ใบละ 3.20-3.30บาท ถือว่าในช่วงนี้ยังถูกกว่าปีที่แล้ว.
วานนี้ (13 พ.ค.) สวนดุสิตโพล เผยผลสำรวจแบบสอบถามในหัวข้อประชาชนมอง “การเมือง เศรษฐกิจ สังคมไทย” แย่และยุ่งเหยิง เนื่องจากสภาพการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมในปัจจุบันมีปัญหาต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะการเมืองที่มีการถกเถียง ทั้งกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ด้านเศรษฐกิจ กรณีข้าวของแพง และด้านสังคมที่ประชาชนไม่ค่อยมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนที่มีผลกระทบโดยตรงและเพื่อเป็นแนวทางป้องกันและแก้ไข
สวนดุสิตโพล จึงได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 2,358 คน ระหว่างวันที่ 5-12 พ.ค.55
โดยความคิดเห็นของประชาชนต่อภาพรวมของ “การเมืองไทย” ณ วันนี้ รู้สึกเบื่อหน่ายอย่างมาก มีแต่ความวุ่นวาย ทะเลาะเบาะแว้ง สาดโคลนเข้าหากัน / เกิดการแตกแยก ขาดความสามัคคี โดยเฉพาะการอภิปรายเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ 49.64 % เห็นแก่อำนาจ และผลประโยชน์ ไม่นึกถึงส่วนรวม ทำเพื่อประโยชน์ของตนเอง / ทุจริตคอร์รัปชัน 22.99 % แบ่งเป็น 2 ขั้วอย่างชัดเจน / มีเพียงพรรคการเมือง 2 พรรคใหญ่ ที่สลับกันเข้ามาเป็นรัฐบาล 11.31 % การเมืองไทยไม่พัฒนา ย่ำอยู่กับที่ ไม่มีความเป็นประชาธิปไตย/เล่นเกมการเมืองมากเกินไป 10.22 % พฤติกรรมของนักการเมืองที่ไม่เหมาะสม/ขาดจิตสำนึกและคุณธรรมจริยธรรมของนักการเมือง 5.84 %
สำหรับความคิดเห็นของประชาชนต่อภาพรวมของ “เศรษฐกิจไทย” ณ วันนี้ ข้าวของแพง ค่าครองชีพสูง ส่งผลต่อความเป็นอยู่ของประชาชนให้ได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก 58.64 % เศรษฐกิจตกต่ำ รายได้ไม่พอกับรายจ่าย/รัฐบาลยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ 22.84 % มีความเหลื่อมล้ำทางสังคม/คนรวยก็อยู่รอด คนจนก็เกือบตาย 8.02 % เป็นไปตามสภาวะเศรษฐกิจโลก ทุกที่ได้รับผลกระทบ/เศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงกำลังฟื้นฟู 7.41 % รัฐบาลให้ความสำคัญและเร่งแก้ปัญหาอย่างเต็มที่/ทุกภาคส่วนให้ความร่วมมือและช่วยเหลือกัน 3.09 %
ส่วนภาพรวมของ “สังคมไทย” ณ วันนี้ สภาพสังคมย่ำแย่ เสื่อมโทรม/มีแต่คนเห็นแก่ตัว เอาตัวรอดกันมากขึ้น คนไทยมีความสุขน้อยลง 37.54 % เป็นสังคมที่แตกแยก ขาดความสามัคคี /แบ่งฝักแบ่งฝ่าย 31.38 % ความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน/ ข่าวอาชญากรรมมีมากขึ้น/ยาเสพติดแพร่ระบาด/โจร ขโมยชุกชุม 13.54 % คนไทยมีค่านิยมฟุ้งเฟ้อ/ไม่สนใจวัฒนธรรม ประเพณีไทย / วัยรุ่นมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม / มีข่าวลามกอนาจารมากขึ้นในสังคมไทย 12.62 % คนไทยขาดระเบียบวินัย ไม่เคารพและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด 4.92 %
ทั้งนี้ สิ่งที่ประชาชน “พึงพอใจรัฐบาล” คือ นโยบายขึ้นเงินเดือน / ขึ้นค่าแรง 300 บาท 37.78 % การปราบปรามยาเสพติด ทลายแหล่งอบายมุข 34.07 % โครงการประชานิยมต่างๆ เช่น รถเมล์ฟรี รถไฟฟรี รถคันแรก 11.11 % การสนับสนุนทางการศึกษา แจกแทบเล็ตให้เด็ก ป.1 9.26 % แนวทางสร้างความปรองดอง 7.78 %
สิ่งที่ประชาชน “ไม่พึงพอใจรัฐบาล” คือ การควบคุมราคาสินค้า การแก้ปัญหาของแพง 59.08 % การทุจริตคอร์รัปชัน / เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว 19.80 % การบริหารบ้านเมืองโดยเฉพาะเรื่องน้ำท่วมที่ต้องแก้ปัญหาระยะยาว 8.58 % การประพฤติตัวที่ไม่เหมาะสมของนักการเมือง/การทะเลาะเบาะแว้ง ขาดคุณธรรมจริยธรรม 6.93 % การทำตามนโยบายต่างๆ ยังชักช้าอยู่และไม่ครบถ้วน 5.61 %
สิ่งที่ประชาชน “พึงพอใจฝ่ายค้าน” คือ การทำหน้าที่ของฝ่ายค้านในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล 51.09 % การควบคุมดูแลสมาชิกภายในพรรคและฝ่ายค้าน 26.28 % การปฏิบัติงานของผู้นำฝ่ายค้านและ ส.ส.ฝ่ายค้านบางคน 13.14 % การอภิปรายในสภากรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญ 9.49 %
สิ่งที่ประชาชน “ไม่พึงพอใจฝ่ายค้าน” คือ เล่นเกมการเมืองและจ้องจับผิดมากเกินไป / ค้านทุกเรื่อง 58.05 % ยังไม่มีผลงานที่โดดเด่นหรือเป็นที่ถูกใจของประชาชน 17.24 % การแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของ ส.ส.ฝ่ายค้านบางคน 12.64 % การทำงานของพรรคร่วมฝ่ายค้านยังไม่เป็นระบบเท่าที่ควร 12.07 %
***นัด200ผู้ผลิตถกตรึงสินค้า
นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ในวันที่ 15 พ.ค. กรมฯ จะเชิญผู้ประกอบการสินค้าทั้งกลุ่ม 200 กว่าราย มารับทราบนโยบายในการขอความร่วมมือตรึงราคาสินค้าเป็นระยะเวลา 4 เดือน ซึ่งจะมีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ เป็นประธาน เชื่อว่าผู้ประกอบการจะให้ความร่วมมือ เพราะผู้ผลิตรายใหญ่ยืนยันแล้วว่าสามารถตรึงราคาได้ถึงไตรมาส 2-3 และจากที่รัฐบาลมีนโยบายการดูแลต้นทุนสินค้า ทั้งเรื่องราคาพลังงาน มาตรการช่วยเหลือค่าแรงงานขั้นต่ำ อาจทำให้ผู้ผลิตสามารถตรึงราคาสิ้นได้ถึงสิ้นปีด้วยซ้ำ
สำหรับปัญหาห้างค้าปลีกสมัยใหม่ (โมเดิร์นเทรด) บางราย อ้างต้นทุนการปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำ 300 บาท/วัน โดยขปรับขึ้นค่าธรรมเนียมกับผู้ผลิตสินค้า (ซัปพลายเออร์) นั้น กรมฯ จะเข้าไปดูแลโดยจะนำปัญหาดังกล่าวเข้าหารือในที่ประชุมคณะอนุกรรมการกำกับดูแลอาหารปรุงสำเร็จ เพราะสินค้าที่ซัปพลายเออร์ส่งจำหน่ายภายในห้างค้าปลีก เช่น เครื่องประกอบอาหาร ถือเป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนอาหารปรุงสำเร็จ
“จะเสนอให้คณะอนุกรรมการฯ กำหนดมาตรการให้ห้างค้าปลีกห้ามใช้ข้ออ้างเรื่องการปรับขึ้นค่าแรง ปรับค่าธรรมเนียม (ค่าฟี) กับผู้ผลิตสินค้า เพราะหากต้นทุนจากค่าแรงงานเพิ่มขึ้นก็ควรจะไปปรับกับสินค้าอื่นแทน โดยเฉพาะสินค้าฟุ่มเฟือย แต่ไม่ใช่กับสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวัน”นางวัชรีกล่าว
***อัดใช้ รมต.สร้างภาพแก้แพงไม่ได้
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาราคาสินค้าอย่างจริงจังว่า ขณะนี้เกิดปัญหาสินค้าราคาแพง แต่คณะรัฐมนตรีกลับพากันแข่งขันกันคิดโครงการต่าง ๆ และใช้งบประมาณในการประชาสัมพันธ์ให้กับตัวเอง และจากการที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งให้ 11 รัฐมนตรี ลงพื้นที่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผลปรากฎว่าบรรดารัฐมนตรีกลับพากันบอกว่าของไม่แพง พอมาถึงสัปดาห์นี้ นายกฯได้สั่งให้ 6 รัฐมนตรีลงพื้นที่อีก จึงอยากให้มารายงานว่าได้ข้อมูลอะไรจากการลงพื้นที่ เพื่อมาช่วยประชาชน เพราะตนเกรงว่าจะเป็น 6 รัฐมนตรี เดินตลกในตลาดมากกว่า
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี พรรคเพื่อไทย ออกมากล่าวหาว่า พรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้จุดกระแสเรื่องของแพง เพื่อโค่นล้มรัฐบาล ว่า ไม่เป็นความจริง เพราะราคาสินค้าที่แพงขึ้นในขณะนี้ ไม่มีใครเป็นผู้สร้างกระแส แต่เป็นความรู้สึกของประชาชน ที่สามารถสัมผัส และรับรู้ด้วยตัวเองว่าของแพงจริงหรือไม่ ถ้ารัฐบาลจะสร้างภาพแก้ไขปัญหาของแพง โดยวิธีการส่ง 11 รัฐมนตรีลงพื้นที่ตรวจตลาด และวันนี้ได้ส่งรัฐมนตรีอีก 6 คน ลงพื้นที่ ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาของแพงได้ ต่อให้ครม.ทั้งคณะ 36 คน หรือ ส.ส.พรรคเพื่อ 265 คน ลงพื้นที่พร้อมกันๆ ก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้น เพราะการแก้ไขปัญหาของแพง อยู่ที่นโยบายรัฐบาล และความรู้ความสามารถของผู้รับผิดชอบ ถ้าหากว่าคนเหล่านี้มีความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหา ข้าวของจะแพงเหมือนเดิม ถ้ารัฐบาลนี้จะล้มลงก็ไม่เกี่ยวกับพรรคประชาธิปัตย์ แต่เป็นเพราะตัวของรัฐบาลเองที่ล้มเหลวในแก้ไขปัญหาประเทศชาติ จนทำให้ประชาชนทั้งประเทศ ลุกขึ้นมาต่อต้านขับไล่ออกจากตำแหน่ง
***"สุกุมล" สำรวจไข่ชลบุรียันไม่แพง
นางสุกุมล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า ตนเป็นหนึ่งในรัฐมนตรีที่น.ส.ยิงลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ลงพื้นที่สำรวจสินค้า โดยเฉพาะราคาไขไก่ ในจังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ผลิตไข่ไก่รายใหญ่ของประเทศ พบว่า ไข่ไก่ที่ประชาชนนิยมบริโภคมากที่สุด คือ ไข่ไก่เบอร์ 2 ซึ่งราคาไข่ไก่หน้าแผงขายในตลาด เบอร์ 2 ขายแผงละ 90 บาทเฉลี่ยใบละ 3.75 บาท เบอร์ 1 แผงละ 97 บาท เฉลี่ยใบละ 4.04 บาท ส่วนไข่ไก่เบอร์ 0 แผงละ 102 บาท เฉลี่ยใบละ 4.25 บาท ขณะที่ราคาขายหน้าฟาร์มช่วงเดือน พฤษภาคม ไข่ไก่เบอร์ 2 ใบละ 2.90-3 บาท ทั้งนี้เมื่อเปรียบเทียบกับราคาขายหน้าฟาร์มในปี 2554 ไข่ไก่เบอร์ 1 ใบละ 3.30-3.40 บาทต่อฟอง เบอร์ 2 ใบละ 3.20-3.30บาท ถือว่าในช่วงนี้ยังถูกกว่าปีที่แล้ว.