ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ควันหลงการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ผู้สมัครผู้ว่ากรุงเทพมหานคร (กทม.)พรรคเพื่อไทย รวมถึงในที่ประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทย เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการยกหัวข้อข่าว กรณี “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย แกนนำกลุ่มกรุงเทพ และยังเป็น สมาชิกบ้านเลขที่ 111
ประกาศไม่รับตำแหน่งรัฐมนตรีในการปรับ “ครม.ยิ่งลักษณ์ 3” มาพูดคุยกัน
หลังจาก“คุณหญิงสุดารัตน์”เปิดบ้านพักที่บ้านย่านลาดปลาเค้า แจกรายละเอียดยิบ!
บอกว่า ปัจจุบันในฐานะ “ประธานคณะดำเนินโครงการบูรณะปฏิสังขรณ์สถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า ณ.ลุมพิพีสถาน ประเทศเนปาล”
ยืนยันว่า “จะไม่ขอรับตำแหน่งใด ๆ ใน ครม. และสมัครใจที่จะขอเว้นวรรคทางการเมืองต่อไปชั่วคราว เพราะปี 2555 ตั้งใจว่าจะขอทำงานบูรณะปฏิสังขรณ์สะพานบุญลุมพินีสถาน ประเทศเนปาล เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาและถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ซึ่งเป็นสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้าให้แล้วเสร็จ”
เธอบอกว่า หากมารับหน้าที่ทางการเมืองอาจทำให้งานบุญดังกล่าวถูกบิดเบือน ใส่ร้าย ป้ายสี จากฝ่ายตรงข้ามทำให้งานไม่สำเร็จ
แต่เรื่องการเมือง “คงไม่ทิ้ง เพราะอยู่ในเส้นเลือดแล้ว”
พร้อมเตรียมเปิดหนังสือ ที่อาจใช้ชื่อ “5 ปีที่หายไป” หลังปฏิวัติ 9 กันยายน 2549 โดยจะปูดเบื้องหลังของผู้ถูกปฏิวัติ ว่าเป็นอย่างไร โดยหวังเปิดตัวประมาณวันที่ 2 มิถุนายนนี้
ส่วนที่ไม่คิดรับตำแหน่ง ทางการเมืองนั้น อ้างว่า ไม่มีโอกาสร่วมในการเลือกตั้งช่วยพรรคเพื่อไทยครั้งที่ผ่านมา จึงไม่ควรเอาเปรียบเพื่อนฟ้องน้องพี่ภายในพรรคเพื่อไทยโดยเข้าไปรับตำแหน่งใด ๆ
ส่วนประเด็นสำคัญ “คุณหญิงสุดารัตน์”ปฏิเสธที่จะลงสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. แต่พร้อมจะสนับสนุนหาคนที่มีความรู้ความสามารถมาลงสมัคร โดยอ้างว่า เนื่องจากตนอายุมากแล้ว อยากเปิดโอกาสให้คนใหม่บ้าง
ประเด็นนี้ ทำให้ทั้งแกนนำในพรรคเพื่อไทย หรือ แกนนำคนเสื้อแดง ออกมาให้ความเห็นว่า ถือว่าเป็นความคิดของผู้ใหญ่คนหนึ่งที่มีสปิริต แต่ก็น่าเสียดายความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ ที่ไม่ลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. แต่ “หญิงหน่อย”จะเป็นแม่ยกแทน
แกนนำเสื้อแดงประเมินว่า ปัจจุบัน กทม.มีปัญหามากมายและการทำงานของ กทม.ที่ผ่านมา ดูเหมือนเป็นเรื่องของผักชีโรยหน้า ทำงานหวังเรื่องเรื่องการหาเสียง และมีผลประโยชน์ทับซ้อนมากกว่า
โดยเฉพาะ “พิพัฒน์ชัย ไพบูลย์” โฆษกกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรองประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ออกมาสนับสนุนให้ “คุณหญิงสุดารัตน์” ลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.
เขาอ้างว่า ในห้วงเวลานี้ “มีความเหมาะสม แถมคนกทม.(เสื้อแดง) ก็เสียดายความรู้ความสามารถ
กลับมาที่การประชุมพรรคเพื่อไทยวันนั้น มีการประเมินว่า ที่“คุณหญิงสุดารัตน์”ประกาศไม่ลงแข่งขันผู้ว่ากทม. เพราะอาจจะเกรงเรื่องผลกระทบจากคดีการทุจริตโครงการจัดซื้อคอมพิวเตอร์กระทรวงสาธารณสุขของป.ป.ช.ก็เป็นได้
มีการประเมินต่อไปอีกว่า ทำให้เวลานี้พรรคเพื่อไทยไม่เหลือตัวแคนดิเดตที่สมน้ำสมเนื้อ เพราะที่มี รายชื่อ ออกมาตามหน้าสื่อเวลานี้ส่วนใหญ่ก็เป็นเพียงแค่นักโต้วาทีเท่านั้น
ทั้ง นายพร้อมพงษ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคคนปัจจุบัน นายยุรนันท์ ภมรมนตรี ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ หรือ นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ช่วย รมต.คมนาคม ที่มีชื่อมาก่อนหน้านั้น
ที่ประชุมวันนั้น กลับมีการเสนอชื่อของ “นางปวีณา หงสกุล” อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่ปัจจุบันนั่ง “ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี” ขึ้นมาพิจารณา โดยระบุว่า เพราะนางปวีณา จะพ้นโทษแบนทางการเมืองในวันที่ 30 พ.ค.เช่นกันและที่ผ่านมาก็ไม่มีคดีอะไรติดตัวอีกด้วย
ซึ่งเสียงส่วนใหญ่ในพรรคหรือแม้แต่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี และพ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.นนทบุรี และประธานในที่ประชุมส.ส.พรรคเพื่อไทยเองก็ยังเห็นว่าเหมาะสม
พรรคเพื่อไทย ประเมินว่าช่วงเวลาที่เหมาะสมที่น่าจะมีการเปิดตัวผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ของพรรคอย่างเป็นทางการนั้นน่าจะไม่เกินวันที่ 15 มิ.ย. ที่จะถึงนี้
ขณะที่ “นางปวีณา หงสกุล” ปฏิเสธ อ้างว่ายังไม่มีความคิดจะลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่ากทม. แต่จะกลับไปทำ “โรงเรียนปวีณาหงสกุลการบริบาล”ที่กำลังเดินหน้าอยู่จะเหมาะสมกว่า
“ส่วนตัวก็ต้องขอขอบคุณ แต่คงไม่สามารถรับได้ และเห็นว่า ในพรรคยังมีบุคลากรที่เป็นคนรุ่นใหม่ ที่มีความเหมาะสมจะลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.อีกหลายท่าน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ 111 กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ก็ยอมรับว่ามีความเหมาะสม น่าจะไปเชิญให้ท่านลงสมัครดีกว่า”นางปวีณา ให้ความเห็น
เธอบอกว่า แต่จะไม่ทิ้ง หรือหันหลังให้การเมือง เพราะสมัย สู้กับ “นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน” อดีตผู้ว่าฯ กทม.ในนาม “ไทยรักไทย” ก็ได้คะแนนกว่า 600,000 คะแนน
อีกชื่อที่น่าติดตาม ในวันที่ 15 มิ.ย.นี้ คือ “น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที)
อีกตำแหน่ง เป็น “ส.ส.กทม.เขตสายไหม” เพราะในการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ผู้สมัครผู้ว่ากทม. ทุกครั้งจะมีชื่อ น.อ.อนุดิษฐ์ เป็นเต็ง 1 ที่จะสมัครผู้ว่า กทม.
หลัง “คุณหญิงสุดารัตน์” ประกาศไม่รับตำแหน่งรัฐมนตรีใน ครม. ปู แถมยังไม่อยากสมัครผู้ว่ากทม. “น.อ.อนุดิษฐ์”ที่เป็นน้องรักของ “หญิงหน่อย” จึงเป็นแคนนิเดตแรกมาตลอด และพร้อมจะเป็นแม่ยกให้ แถมนักการเมืองท้องถิ่น “ซีกหญิงหน่อย” ทั้งส.ก. ส.ข. ของเพื่อไทย ก็น่าจะร่วมกันดันให้ถึงดวงดา
แต่ปัญหามาติดที่ “แก๊งบางบอน” ที่ก่อนหน้านั้นมี แผนการเสนอปรับโครงสร้างกรุงเทพมหานคร(กทม.)
เป็นแนวคิดสมัย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็น รมว.มหาดไทยที่อ้างว่า กทม.มีขนาดใหญ่เกินกำลังผู้ว่าฯ เพียงคนเดียวจะสามารถดูแลได้ทั่วถึง ทั้งงบประมาณกว่า 5.3 หมื่นล้านบาทที่ยังไม่รวมงบกลาง ตลอดจนต้องดูแลข้าราชการในสังกัดอีกถึง 9 หมื่นคน
เรื่องนี้ ยังอยู่ในแนวคิดของ ร.ต.อ.เฉลิม ยังไม่ล้มเลิก!! หวังที่จะแยก กทม.เป็นตะวันตก ตะวันออก เหนือ ใต้ ผ่ากทม.ออกเป็น 4 ส่วน ฝั่งพระนคร 3 ธนบุรี 1 ให้มีผู้ว่าฯ 4 คนสังกัดกระทรวงนครหลวง จะได้เหมือนในต่างประเทศ แถมยังกล้าหนุน“นางปวีณา หงสกุล”มาแข่งในสนามผู้ว่า กทม. เหมือนกับเป็นการกดดันกลุ่ม“คุณหญิงสุดารัตน์”ไปในตัว แบบเสือ 2 ตัวอยู่ในกทม.ไม่ได้
อีกด้านหาก“น.อ.อนุดิษฐ์”ถูกปรับออกจากครม. และลงสมัครผู้ว่า กทม. ก็จะต้องลาออกจากตำแหน่ง ส.ส.เขตสายไหมด้วย แถมเขายัง บอกว่า ถ้าเป็น ส.ส.อาจจะไม่ต้องลาออก ซึ่งการลงสมัครในสนามท้องถิ่น
น.อ.อนุดิษฐ์ ยังย้ำว่า ส่วนตัวเป็น ส.ส.อยู่แล้ว การเป็น ส.ส.เขต ไม่เหมือน ส.ส.บัญชีรายชื่อ เพราะฉะนั้นประเด็นดังกล่าว เป็นเรื่องสำคัญสำหรับประกอบการพิจารณา และยังยืนยันว่า ในส่วนของพรรคเพื่อไทย ภาค กทม.ยังไม่ได้มีข้อยุติกับเรื่องดังกล่าว
ดังนั้น 15 มิถุนายน 2555 ถ้าพรรคเพื่อไทย เคาะ! แคนนิเดตผู้สมัครผู้ว่ากทม.จริงก็น่าจับตา
