บอร์ด สั่ง ทีพีซี เพิ่มรายละเอียดแผนการตลาด เน้นปฎิบัติได้จริง มั่นใจเสนอ ครม.ทัน พ.ค.นี้ พร้อมสอดเรื่อง ของบ 80 ล้านบาท ยาไส้ บริษัท ก่อนขอชำระทุน 500 ล้านบาทที่เหลือ คุย แผนใหม่ ตั้งเป้ายอดขายปีละ 1,000 ใบ ถึงปี 2559 สู่จุดคุ้มทุน เหลือเงินสดอีกกว่า 3,587 ล้านบาท เลี้ยงตัว เล็งขายบัตรในตลาดเศรษฐีใหม่ย่านอาเซียน
นายสุรพล เศวตเศรนี ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหาร(บอร์ด) บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด หรือ ทีพีซี ผู้บริหารโครงการบัตรไทยแลนด์อีลิท การ์ด เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ด ทีพีซี เห็นชอบในเบื้องต้นของแผนธุรกิจตามที่ ผู้บริหารทีพีซีได้นำเสนอ แต่ตั้งข้อสังเกตให้ ไปจัดทำรายละเอียดมาให้ชัดเจน โดยเฉพาะ
ในเรื่องของวิธีการดำเนินงานของบริษัท ภายหลังเปิดขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อแสดงให้เห็นถึงโอกาสความเป็นไปได้ของธุรกิจนี้ว่าจะดำเนินงานต่อไปได้จริง ซึ่งอาจจะต้องเปรียบเทียบกับบัตรในรูปแบบเดียวกันที่มีอยู่ในตลาด โดยกระบวนการปรับทั้งหมดต้องแล้วเสร็จพร้อมเสนอต่อนายชุมพล ศิลปะอาชา รองนายกรัฐมนตรี ให้ทันภายในเดือน พ.ค.55 เพราะ เงินสดของทีพีซีมีอยู่
ใช้ได้ถึงเดือน มิ.ย.นี้เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในการเสนอ ครม. คราวนี้ ททท. ได้ทำเรื่อง เสนอขอมติครม.จัดสรรงบเร่งด่วนจากงบกลางรายการสำรองฉุกเฉิน จำนวน 80 ล้านบาท เพื่อมาใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจไปจนถึงสิ้นปีนี้ ส่วน วงเงิน 500 ล้านบาท ซึ่งเป็นค่าทุนจนทะเบียนในส่วนที่ยังคงค้างอยู่นั้น ให้รัฐบาลจัดสรรไว้ในงบประมาณประจำปี
สำหรับแผนธุรกิจ ตามที่ ทีพีซีเสนอมา เบื้องต้น จะมีการจัดเซ็กเม้นต์ และ ทาเก็ตกรุ๊ป ของลูกค้าเป้าหมายให้ชัดเจน เพราะจะมีการจัดทำบัตร อย่างน้อย 3 แบบ คือ ซิลเวอร์ ดกลล์ และ แพลตตินั่ม นำเสนอ บริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าในแต่ละกลุ่ม ซึ่งจะแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลักๆ คือ นักท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์ และ นักธุรกิจนักลงทุน แต่
สมาชิกทุกแบบจะได้สืธิประโยชน์ที่เหมือนกัน คือ เรื่องของ วีซ่า 5 ปี การอำนวยความสะดวก ที่สนามบิน(ฟาสต์แทรก) บริการรถรับส่ง การรับบริการ กอล์ฟ และ สปา สำหรับราคาขายบัตรยังไม่ได้สรุปแต่ต้องสอดคล้องกับความเป็นจริง ส่วนอายุบัตร จะอยู่ที่ 15 ปี เสียหาฟีปีละ 1 แสนบาท เปลี่ยนมือได้ แต่หักค่าเสื่อมราคา นอกจากนั้น ยังมีเรื่องของการหารายได้เสริม
จากการให้บริการ แก่นักธุรกิจ วีไอพี และ กรุ๊ปคอปอเรตมิตติ้ง ในการอำนวยความสะดวกที่สนามบิน
นายสุรพล กล่าวว่า แผนธุรกิจ ตามที่ทีพีซี นำเสนอครั้งนี้ ยังระบุว่า เป้าหมายการขายบัตร ตั้งไว้ที่ปีละ 1,000 ใบ แต่สำหรับปีนี้หากดำเนินการได้ตั้งไว้ที่ 300-500 ใบ จนถึงปี 2559 ทีพีซี จะถึงจุดคุ้มทุนและดูแลตัวเองได้ โดยมียอดเงินสดสะสมเพิ่มเป็น 3,587 ล้านบาท ล้างขาดทุนสะสมทางบัญชีได้ทั้งหมด จาก ณ สิ้นปี 2554 ทีพีซี มีตัวเลขขาดทุนสะสมทางบัญชีอยู่ที่ 1,200 ล้านบาท ส่วน
ตลาดเป้าหมาย ที่ จะขายบัตร จะเน้น ประเทศในเอเชีย โดยเฉพาะอาเซียน เช่น จีน อินเดีย อินโดนีเซีย เวียดนาม ซึ่งมีเศรษฐีใหม่ๆเกิดขึ้นมากจากการขยายตัวของเศรษฐกิจ นอกจากนั้นยังมีตลาดแถบตะวันออกกลาง อเมริกาใต้ อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ก่อตั้งอีลิทการ์ด เคยทำยอดขายบัตรสูงสุดได้ 907 ใบ เมื่อปี 2547
