ก่อนอื่นผมต้องแสดงความเสียใจกับครอบครัวของคุณอำพลที่เสียชีวิตที่โรงพยาบาลกลาง เพราะโรคมะเร็งก่อนที่จะได้รับการพระราชทานอภัยโทษตามความต้องการของตัวเอง
ย้ำว่าคุณอำพลเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งนะครับ ความจริงพ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์สายตรงของทักษิณ น่าจะออกมาแถลงให้กระจ่างนะครับว่า ได้ดูแลคุณอำพลและคนเสื้อแดงดีขนาดไหน และคุณอำพลได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีตามหลักมนุษยธรรมหรือไม่อย่างไร โรงพยาบาลของกรมราชทัณฑ์มีมาตรฐานที่ครบถ้วนสมบูรณ์ตามมาตรฐานในวงการแพทย์หรือไม่ และจริงๆ แล้วก็นำตัวคุณอำพลมารักษาตัวที่โรงพยาบาลกลางก่อนจะเสียชีวิต 3-4 วันใช่หรือไม่
ถ้าอธิบดีกรมราชทัณฑ์ไม่ต้องการให้ใครเอาเรื่องนี้มาทำร้ายสังคมและประเทศชาติ
ความจริงผมทราบข่าวว่าคุณอำพลและคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งจะยื่นขอพระราชทานอภัยโทษมาหลายวันแล้ว
เพราะทราบจากการติดตามข่าวทางโซเชียลมีเดียของคนเสื้อแดงเสมอมาว่า คุณอำพลหรือที่คนเสื้อแดงพยายามเรียกว่า “อากง” นั้น มีความปรารถนาที่จะใช้แนวตามนี้ แม้คนจำนวนหนึ่งพยายามเรียกร้องให้คุณอำพลต่อสู้และบางคนแสดงความไม่พอใจเมื่อทราบข่าวว่า คนเสื้อแดงที่ถูกดำเนินคดีจำนวนหนึ่งเลือกที่จะขอพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งธรรมเนียมปฏิบัติที่เกิดขึ้นมาโดยตลอดก็คือ ผู้ที่ขอยื่นพระราชทานอภัยโทษจะได้รับการอภัยทุกคนและทุกครั้ง
ถ้าใครติดตามเฟซบุ๊กของสมศักดิ์ เจียมฯ ก็จะรู้นะครับว่า สมศักดิ์ เจียมฯแสดงอาการโกรธเคืองอย่างไรเมื่อทราบว่าคนเสื้อแดงที่ติดคุกเพราะมาตรา 112 เลือกที่จะต่อสู้ตามแนวทางนี้
ผมมั่นใจยิ่งขึ้นว่า คุณอำพลจะยื่นแนวทางนี้อีกครั้งก็จากจดหมายฉบับสุดท้ายที่คุณอำพลเขียนถึงคุณอานนท์ นำภา ทนายความบางตอนว่า
“ผมเองสบายดีครับโดยเฉพาะช่วงนี้ ที่รู้ข่าวว่าคุณอานนท์จะทำเรื่องขออภัยโทษรายบุคคลให้พร้อมๆ กับเพื่อนครอบครัว 112 ทั้ง 11 คน ผมดีใจและมีความหวังมากๆ ที่จะได้รับอิสรภาพในเร็วๆ นี้ พร้อมๆ กับเพื่อนๆ ที่ร่วมอดทนต่อสู้กันมาและผมเชื่อว่าทางออกทางนี้ดีที่สุด เพราะคดีอย่างผมยังไงก็ไม่มีทางที่จะนิรโทษกรรมกับเขาหรอก ทุกวันนี้ผมก็ออกกำลังกายตอนเช้าๆ ทุกวัน บางวันผมก็ทำคนเดียว แต่บางวันผมก็ทำกับคุณหนุ่ม เรื่องความเป็นอยู่พวกเราก็กินด้วยกันที่แดน 8 พวกเราเกาะกลุ่มกันดีครับ”
จดหมายฉบับนี้มันบอกเล่าอะไรมากกว่าแนวทางที่คุณอำพลเลือกจะขอพระราชทานอภัยโทษ แต่มันลบข้อครหาที่คนเสื้อแดงบางคนพยายามแสร้งปล่อยข่าวว่า คุณอำพลเขียนหนังสือไม่เป็นจะส่งข้อความ SMS ได้อย่างไร พร้อมทั้งลบข้อครหาที่บางคนพยายามสร้างว่าคุณอำพลไม่ได้เป็นคนเสื้อแดงแต่ถูกกลั่นแกล้งด้วย
ผมไม่ได้กล่าวหาว่าคุณอำพลจะผิดหรือถูกนะครับ เพียงแต่ศาลชั้นต้นตัดสินแล้วว่ามีความผิด ยังมีอีกสองศาลถ้าจะต่อสู้ก็คือศาลอุทธรณ์และฎีกา
เอาเถอะครับ ผมไม่พูดถึงคุณอำพล เพราะคุณอำพลได้เสียชีวิตไปแล้ว วันที่คุณอำพลเสียชีวิตผมได้โพสต์ข้อความหนึ่งในเฟซบุ๊กเพื่อเตือนสติตัวเองและพวกเรากันเองว่า
“ความตายย่อมนำความเศร้าเสียใจมายังคนที่รักและญาติมิตร ในฐานะชาวพุทธจงอโหสิต่อกัน และแสดงให้เห็นถึงการให้อภัยในฐานะอารยชนที่เหนือกว่าอีกฝ่าย เพราะความตายไม่อาจเป็นภยันตรายต่อใครได้อีก ขณะเดียวกันถ้าจะชิงชังก็โปรดชิงชังและประณามคนที่นำความตายมาเป็นเครื่องมือก็พอ--ขอจงไปสู่สุคติ”
ทั้งนี้เพราะบางคนย้ำว่า ตอนที่น้องโบว์เสียชีวิตนั้น คนเสื้อแดงจำนวนมากย่ำยีน้องโบว์ด้วยถ้อยคำที่รุนแรงมาก พากันสะใจใช้ถ้อยคำหยาบคายและบิดเบือนต่างๆ นานา แต่ผมคิดว่า ถ้าเราเห็นว่าการกระทำเช่นนั้นไม่ถูกต้องเราก็ไม่ควรกระทำ
วันนี้สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อาจารย์ธรรมศาสตร์ก็ยังพยายามขุดศพน้องโบว์มาเป็นเครื่องมือเพื่อตอบสนองตัณหาของตัวเอง
ผมเองก็ประหลาดใจนะครับ คนเสื้อแดงวันนี้โกรธแค้นที่อำนาจรัฐใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุมของพวกตัวเอง แต่กลับเห็นด้วยที่อำนาจรัฐที่ตัวเองสนับสนุนใช้ความรุนแรงต่อพันธมิตรฯ
หรือเห็นว่าไม่ควรบังคับใช้มาตรา 112 หรือควรบังคับใช้อย่างเป็นธรรม แต่กลับตั้งคำถามว่า ทำไมคุณสนธิ ลิ้มทองกุล จึงไม่ถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 กรณีนำคำของดา ตอร์ปิโด มาเผยแพร่ ประเด็นแรกต้องบอกก่อนนะครับว่า คุณสนธิถูกดำเนินคดีอยู่ในชั้นอัยการ ข้อครหาดังกล่าวจึงไม่เป็นความจริง แต่ผมถามว่า ถ้าเราเรียกร้องให้บังคับใช้กฎหมายมาตรานี้อย่างเป็นธรรม คนที่ออกมาเรียกร้องว่ามีคนละเมิดกฎหมายสมควรถูกดำเนินคดีหรือไม่
ครับ ผมตั้งใจจะพูดถึงขบวนการที่หากินกับคนตาย ผมเห็นว่ามีความพยายามที่จะใช้คุณอำพลเป็นเครื่องมือในการล้มล้างมาตรา 112 มาตั้งแต่ต้น
แน่นอนว่า มาตรานี้มีคนเสนอหลายทางทั้งให้ลดโทษให้น้อยลง ยกเลิกไปเลย หรือมีคณะกลั่นกรองการบังคับใช้มาตรานี้ หรือกระทั่งต้องให้ผู้ได้รับการคุ้มครองตามมาตรานี้คือ พระมหากษัตริย์ และรัชทายาทต้องแจ้งความดำเนินคดีด้วยตัวเองโดยมีเลขาธิการสำนักพระราชวังเป็นผู้รับมอบอำนาจ
คนที่เสนอมีทั้งฝ่ายที่จงรักภักดี ทั้งฝ่ายที่เห็นว่ากฎหมายรุนแรงไปด้วยเจตนาที่บริสุทธิ์ และแน่นอนพวกที่เคลื่อนไหวรุนแรงสุดก็คือพวกไม่เอาเจ้า
แต่เพราะมีคนที่จงรักภักดีปะปนอยู่ด้วย ทำให้คนที่ไม่เอาเจ้าใช้เป็นเกราะกำบังตัว และคนเหล่านั้นก็กลายเป็นเครื่องมือของพวกไม่เอาเจ้าที่มีเจตนาที่ลึกเร้นกว่าประเด็นกฎหมายที่รุนแรงไปหรือไม่
ผมมองเห็นการวางแนวทางสู้คดีเพื่อใช้ให้คุณอำพลเป็นแรงกระเพื่อมในการผลักดันการล้มล้างกฎหมายอาญา มาตรา 112
คุณอำพลเป็น “อากง” ของหลานสองสามคนครับ ผมคิดว่า ถ้ารักคุณอำพลนับจากนี้ก็ช่วยกันดูแลลูกหลานและครอบครัวของคุณอำพลเถอะครับ แต่อย่าใช้คุณอำพลมาเป็นเครื่องมือเพื่อเป้าหมายทางการเมืองอีก บาปกรรมมันจะได้ลดน้อยลงไป
ความจริงคุณอำพลอายุ 61-62 ปี สำหรับยุคนี้ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นคนแก่จนอยู่ในวัยชรา คนที่อายุขนาดนี้ส่วนใหญ่นั้นแม้จะเกษียณอายุราชการแล้วก็ยังคงกระฉับกระเฉงกันแทบทุกคน แต่มะเร็งก็เป็นโรคที่มนุษย์ยังไม่อาจต่อสู้ชนะมันได้
แต่คำว่า อากงถูกนำมาใช้เพื่อดราม่าสังคมว่า อำนาจรัฐกำลังแกล้งคนแก่ที่น่าสงสาร นัยของสมศักดิ์ เจียมฯ นั้นด่าทอไปถึงอำนาจที่อยู่เหนือรัฐบาลด้วยซ้ำไป
ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของคุณอำพลอีกครั้งครับ
ความตายของมนุษย์เป็นวัฏสงสารครับ ไม่ว่าทำกรรมดีหรือกรรมชั่วก็หนีไม่พ้น เพียงแต่ถ้าทำกรรมดีตายไปแล้วผู้คนก็สรรเสริญอาลัยส่งผลดีต่อลูกหลานวงศ์ตระกูล ทำกรรมชั่วสังคมก็สาปส่งและเป็นที่อับอายของลูกหลานที่ยังมีชีวิตอยู่
ย้ำว่าคุณอำพลเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งนะครับ ความจริงพ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์สายตรงของทักษิณ น่าจะออกมาแถลงให้กระจ่างนะครับว่า ได้ดูแลคุณอำพลและคนเสื้อแดงดีขนาดไหน และคุณอำพลได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีตามหลักมนุษยธรรมหรือไม่อย่างไร โรงพยาบาลของกรมราชทัณฑ์มีมาตรฐานที่ครบถ้วนสมบูรณ์ตามมาตรฐานในวงการแพทย์หรือไม่ และจริงๆ แล้วก็นำตัวคุณอำพลมารักษาตัวที่โรงพยาบาลกลางก่อนจะเสียชีวิต 3-4 วันใช่หรือไม่
ถ้าอธิบดีกรมราชทัณฑ์ไม่ต้องการให้ใครเอาเรื่องนี้มาทำร้ายสังคมและประเทศชาติ
ความจริงผมทราบข่าวว่าคุณอำพลและคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งจะยื่นขอพระราชทานอภัยโทษมาหลายวันแล้ว
เพราะทราบจากการติดตามข่าวทางโซเชียลมีเดียของคนเสื้อแดงเสมอมาว่า คุณอำพลหรือที่คนเสื้อแดงพยายามเรียกว่า “อากง” นั้น มีความปรารถนาที่จะใช้แนวตามนี้ แม้คนจำนวนหนึ่งพยายามเรียกร้องให้คุณอำพลต่อสู้และบางคนแสดงความไม่พอใจเมื่อทราบข่าวว่า คนเสื้อแดงที่ถูกดำเนินคดีจำนวนหนึ่งเลือกที่จะขอพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งธรรมเนียมปฏิบัติที่เกิดขึ้นมาโดยตลอดก็คือ ผู้ที่ขอยื่นพระราชทานอภัยโทษจะได้รับการอภัยทุกคนและทุกครั้ง
ถ้าใครติดตามเฟซบุ๊กของสมศักดิ์ เจียมฯ ก็จะรู้นะครับว่า สมศักดิ์ เจียมฯแสดงอาการโกรธเคืองอย่างไรเมื่อทราบว่าคนเสื้อแดงที่ติดคุกเพราะมาตรา 112 เลือกที่จะต่อสู้ตามแนวทางนี้
ผมมั่นใจยิ่งขึ้นว่า คุณอำพลจะยื่นแนวทางนี้อีกครั้งก็จากจดหมายฉบับสุดท้ายที่คุณอำพลเขียนถึงคุณอานนท์ นำภา ทนายความบางตอนว่า
“ผมเองสบายดีครับโดยเฉพาะช่วงนี้ ที่รู้ข่าวว่าคุณอานนท์จะทำเรื่องขออภัยโทษรายบุคคลให้พร้อมๆ กับเพื่อนครอบครัว 112 ทั้ง 11 คน ผมดีใจและมีความหวังมากๆ ที่จะได้รับอิสรภาพในเร็วๆ นี้ พร้อมๆ กับเพื่อนๆ ที่ร่วมอดทนต่อสู้กันมาและผมเชื่อว่าทางออกทางนี้ดีที่สุด เพราะคดีอย่างผมยังไงก็ไม่มีทางที่จะนิรโทษกรรมกับเขาหรอก ทุกวันนี้ผมก็ออกกำลังกายตอนเช้าๆ ทุกวัน บางวันผมก็ทำคนเดียว แต่บางวันผมก็ทำกับคุณหนุ่ม เรื่องความเป็นอยู่พวกเราก็กินด้วยกันที่แดน 8 พวกเราเกาะกลุ่มกันดีครับ”
จดหมายฉบับนี้มันบอกเล่าอะไรมากกว่าแนวทางที่คุณอำพลเลือกจะขอพระราชทานอภัยโทษ แต่มันลบข้อครหาที่คนเสื้อแดงบางคนพยายามแสร้งปล่อยข่าวว่า คุณอำพลเขียนหนังสือไม่เป็นจะส่งข้อความ SMS ได้อย่างไร พร้อมทั้งลบข้อครหาที่บางคนพยายามสร้างว่าคุณอำพลไม่ได้เป็นคนเสื้อแดงแต่ถูกกลั่นแกล้งด้วย
ผมไม่ได้กล่าวหาว่าคุณอำพลจะผิดหรือถูกนะครับ เพียงแต่ศาลชั้นต้นตัดสินแล้วว่ามีความผิด ยังมีอีกสองศาลถ้าจะต่อสู้ก็คือศาลอุทธรณ์และฎีกา
เอาเถอะครับ ผมไม่พูดถึงคุณอำพล เพราะคุณอำพลได้เสียชีวิตไปแล้ว วันที่คุณอำพลเสียชีวิตผมได้โพสต์ข้อความหนึ่งในเฟซบุ๊กเพื่อเตือนสติตัวเองและพวกเรากันเองว่า
“ความตายย่อมนำความเศร้าเสียใจมายังคนที่รักและญาติมิตร ในฐานะชาวพุทธจงอโหสิต่อกัน และแสดงให้เห็นถึงการให้อภัยในฐานะอารยชนที่เหนือกว่าอีกฝ่าย เพราะความตายไม่อาจเป็นภยันตรายต่อใครได้อีก ขณะเดียวกันถ้าจะชิงชังก็โปรดชิงชังและประณามคนที่นำความตายมาเป็นเครื่องมือก็พอ--ขอจงไปสู่สุคติ”
ทั้งนี้เพราะบางคนย้ำว่า ตอนที่น้องโบว์เสียชีวิตนั้น คนเสื้อแดงจำนวนมากย่ำยีน้องโบว์ด้วยถ้อยคำที่รุนแรงมาก พากันสะใจใช้ถ้อยคำหยาบคายและบิดเบือนต่างๆ นานา แต่ผมคิดว่า ถ้าเราเห็นว่าการกระทำเช่นนั้นไม่ถูกต้องเราก็ไม่ควรกระทำ
วันนี้สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อาจารย์ธรรมศาสตร์ก็ยังพยายามขุดศพน้องโบว์มาเป็นเครื่องมือเพื่อตอบสนองตัณหาของตัวเอง
ผมเองก็ประหลาดใจนะครับ คนเสื้อแดงวันนี้โกรธแค้นที่อำนาจรัฐใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุมของพวกตัวเอง แต่กลับเห็นด้วยที่อำนาจรัฐที่ตัวเองสนับสนุนใช้ความรุนแรงต่อพันธมิตรฯ
หรือเห็นว่าไม่ควรบังคับใช้มาตรา 112 หรือควรบังคับใช้อย่างเป็นธรรม แต่กลับตั้งคำถามว่า ทำไมคุณสนธิ ลิ้มทองกุล จึงไม่ถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 กรณีนำคำของดา ตอร์ปิโด มาเผยแพร่ ประเด็นแรกต้องบอกก่อนนะครับว่า คุณสนธิถูกดำเนินคดีอยู่ในชั้นอัยการ ข้อครหาดังกล่าวจึงไม่เป็นความจริง แต่ผมถามว่า ถ้าเราเรียกร้องให้บังคับใช้กฎหมายมาตรานี้อย่างเป็นธรรม คนที่ออกมาเรียกร้องว่ามีคนละเมิดกฎหมายสมควรถูกดำเนินคดีหรือไม่
ครับ ผมตั้งใจจะพูดถึงขบวนการที่หากินกับคนตาย ผมเห็นว่ามีความพยายามที่จะใช้คุณอำพลเป็นเครื่องมือในการล้มล้างมาตรา 112 มาตั้งแต่ต้น
แน่นอนว่า มาตรานี้มีคนเสนอหลายทางทั้งให้ลดโทษให้น้อยลง ยกเลิกไปเลย หรือมีคณะกลั่นกรองการบังคับใช้มาตรานี้ หรือกระทั่งต้องให้ผู้ได้รับการคุ้มครองตามมาตรานี้คือ พระมหากษัตริย์ และรัชทายาทต้องแจ้งความดำเนินคดีด้วยตัวเองโดยมีเลขาธิการสำนักพระราชวังเป็นผู้รับมอบอำนาจ
คนที่เสนอมีทั้งฝ่ายที่จงรักภักดี ทั้งฝ่ายที่เห็นว่ากฎหมายรุนแรงไปด้วยเจตนาที่บริสุทธิ์ และแน่นอนพวกที่เคลื่อนไหวรุนแรงสุดก็คือพวกไม่เอาเจ้า
แต่เพราะมีคนที่จงรักภักดีปะปนอยู่ด้วย ทำให้คนที่ไม่เอาเจ้าใช้เป็นเกราะกำบังตัว และคนเหล่านั้นก็กลายเป็นเครื่องมือของพวกไม่เอาเจ้าที่มีเจตนาที่ลึกเร้นกว่าประเด็นกฎหมายที่รุนแรงไปหรือไม่
ผมมองเห็นการวางแนวทางสู้คดีเพื่อใช้ให้คุณอำพลเป็นแรงกระเพื่อมในการผลักดันการล้มล้างกฎหมายอาญา มาตรา 112
คุณอำพลเป็น “อากง” ของหลานสองสามคนครับ ผมคิดว่า ถ้ารักคุณอำพลนับจากนี้ก็ช่วยกันดูแลลูกหลานและครอบครัวของคุณอำพลเถอะครับ แต่อย่าใช้คุณอำพลมาเป็นเครื่องมือเพื่อเป้าหมายทางการเมืองอีก บาปกรรมมันจะได้ลดน้อยลงไป
ความจริงคุณอำพลอายุ 61-62 ปี สำหรับยุคนี้ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นคนแก่จนอยู่ในวัยชรา คนที่อายุขนาดนี้ส่วนใหญ่นั้นแม้จะเกษียณอายุราชการแล้วก็ยังคงกระฉับกระเฉงกันแทบทุกคน แต่มะเร็งก็เป็นโรคที่มนุษย์ยังไม่อาจต่อสู้ชนะมันได้
แต่คำว่า อากงถูกนำมาใช้เพื่อดราม่าสังคมว่า อำนาจรัฐกำลังแกล้งคนแก่ที่น่าสงสาร นัยของสมศักดิ์ เจียมฯ นั้นด่าทอไปถึงอำนาจที่อยู่เหนือรัฐบาลด้วยซ้ำไป
ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของคุณอำพลอีกครั้งครับ
ความตายของมนุษย์เป็นวัฏสงสารครับ ไม่ว่าทำกรรมดีหรือกรรมชั่วก็หนีไม่พ้น เพียงแต่ถ้าทำกรรมดีตายไปแล้วผู้คนก็สรรเสริญอาลัยส่งผลดีต่อลูกหลานวงศ์ตระกูล ทำกรรมชั่วสังคมก็สาปส่งและเป็นที่อับอายของลูกหลานที่ยังมีชีวิตอยู่