ธปท.ประเมินทิศทางธุรกิจไทยแห่ลงทุนนอกปี 55 กระหึ่ม ทั้งย้ายฐานการผลิต และลงทุนเก็งกำไร หลังไตรมาสแรกเงินออกไปลงทุนโดยตรง ลงทุนในหลักทรัพย์ และเงินที่ไหลไปฝากไว้ในต่างประเทศของคนไทยพุ่งถึง 2.99 แสนล้านบาท เชื่อปีนี้เงินคนไทยไหลออกทำลายสถิติปีก่อนที่ 4.8 แสนล้านบาท โดยครึ่งปีหลัง ธปท.เตรียมผ่อนคลายกฎเข้มเปิดเสรีเงินทุนช่วยกระตุ้นยอดอีกทางหนึ่ง
รายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แจ้งว่า ทิศทางนักลงทุนไทยออกไปลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา พบว่า ช่วงไตรมาสแรกของปี 55 ปีนี้ มีภาคธุรกิจไทยไปลงทุนในต่างประเทศโดยตรงทั้งสิ้น 2,708 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทย 81,240 ล้านบาท (30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า 28,290 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นการย้ายฐานการผลิตสินค้าไปยังประเทศที่ค่าจ้างแรงงาน และต้นทุนการผลิตต่ำกว่า
ช่วง 2 เดือนแรกปีนี้ พบว่า ธุรกิจการผลิตสินค้า มีจำนวนออกไปลงทุนโดยตรงในต่างประเทศสูงที่สุด นำโดย ธุรกิจการผลิตอาหารไปลงทุนในต่างประเทศทั้งสิ้น 14,887.12 ล้านบาท รองลงมาเป็นธุรกิจด้านกิจกรรมทางการเงิน และการประกันภัยไปลงทุนในต่างประเทศ 14,736.22 ล้านบาท ตามมาด้วยธุรกิจเหมืองแร่และเหมืองหิน ไปลงทุนโดยตรงในต่างประเทศทั้งสิ้น 5,790.94 ล้านบาท นอกจากนั้น ยังมีธุรกิจอื่นๆ ที่ไปลงทุนในต่างประเทศ อาทิ ธุรกิจผลิตอุปกรณ์ไฟฟฟ้า การขายส่งขายปลีกและการซ่อมยานยนต์ และมอเตอร์ไซด์ การผลิตเคมีภัณฑ์ การก่อสร้าง ที่พักแรม และบริการด้านอาหาร เป็นต้น
สำหรับกลุ่มประเทศที่ภาคธุรกิจไทยไปลงทุนมากที่สุด ใน 2 เดือนแรกของปีนี้ อันดับแรกคือ สหภาพยุโรป 18,646.55 ล้านบาท รองลงมาเป็นกลุ่มอาเซียน 10 ประเทศ 14,842.52 ล้านบาท โดยในกลุ่มนี้ พม่าเป็นประเทศที่ธุรกิจไทยไปลงทุนมากที่สุด 6,564.92 ล้านบาท อันดับที่ 3 เป็นออสเตรเลีย เงินลงทุนโดยตรง 5,297.13 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาสนี้มีเงินลงทุนจากไทยไปจีนไม่มากประมาณ 800 ล้านบาท
ส่วนการลงทุนในหลักทรัพย์ในต่างประเทศ ในไตรมาสแรก ยอดการลงทุนของคนไทยที่ไปลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศก็เพิ่มขึ้น เช่นกัน โดยไตรมาสแรกของปีนี้ มีการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศของคนไทยทั้งสิ้น 4,515 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทยทั้งสิ้น 135,450 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า 114,120 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ 4,651 ล้านเหรียญฯ หรือ 139,530 ล้านบาท ขณะที่การลงทุนในตราสารทุนติดลบ 136 ล้านเหรียญฯ หรือ 4,080 ล้านบาท
ด้านการลงทุนในเงินสด และการฝากเงินในต่างประเทศ ในไตรมาสแรกของปีนี้ มียอดการลงทุนในเงินสด และการฝากเงินของคนไทยไว้ในต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างน่าสังเกตุเช่นกัน โดยมียอดการลงทุนในเงินสดและเงินฝากทั้งสิ้น 2,752 ล้านเหรียญฯ หรือ 82,560 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 36,390 ล้านบาท ทั้งนี้ เมื่อรวมการนำเงินออกไปลงทุนในต่างประเทศ ทั้งการลงทุนโดยตรง การลงทุในหลักทรัพย์ และการลงทุนในเงินสด และการฝากเงินไว้ที่ต่างประเทศแล้ว พบว่าในไตรมาสแรกภาคธุรกิจและนักลงทุนไทยออกไปลงทุนในต่างประเทศสูงถึง 9,775 ล้านเหรียญฯ หรือ 299,250 ล้านบาท
ทั้งนี้ ธปท.ระบุว่า แนวโน้มการลงทุนในในต่างประเทศของภาคธุรกิจ และนักลงทุนไทยในปี 2555 นี้น่าจะสูงกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งมียอดการลงทุนโดยตรง ยอดลงทุนในหลักทรัพย์ และการลงทุนในงเงินสดและเงินฝากในต่างประเทศท รวมกันทั้งสิ้น 16,273 ล้านเหรียญฯ หรือ 488,190 ล้านบาท นอกจากนั้น ในช่วงครึ่งหลังของปี ธปท.จะมีการผ่อนคลายกฎเกณฑ์คุณสมบัติผู้นำเงินออกนอกประเทศและวงเงินการนำเงินออกนอกประเทศเพื่อลงทุน ให้สะดวกและง่ายมากขึ้น ตามแผนการเปิดเสรีเงินทุนเคลื่อนย้ายของธปท.คาดว่าจะเป็นแรงจูงใจให้ภาคธุรกิจนำเงินออกไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้นด้วย
รายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แจ้งว่า ทิศทางนักลงทุนไทยออกไปลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา พบว่า ช่วงไตรมาสแรกของปี 55 ปีนี้ มีภาคธุรกิจไทยไปลงทุนในต่างประเทศโดยตรงทั้งสิ้น 2,708 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทย 81,240 ล้านบาท (30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า 28,290 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นการย้ายฐานการผลิตสินค้าไปยังประเทศที่ค่าจ้างแรงงาน และต้นทุนการผลิตต่ำกว่า
ช่วง 2 เดือนแรกปีนี้ พบว่า ธุรกิจการผลิตสินค้า มีจำนวนออกไปลงทุนโดยตรงในต่างประเทศสูงที่สุด นำโดย ธุรกิจการผลิตอาหารไปลงทุนในต่างประเทศทั้งสิ้น 14,887.12 ล้านบาท รองลงมาเป็นธุรกิจด้านกิจกรรมทางการเงิน และการประกันภัยไปลงทุนในต่างประเทศ 14,736.22 ล้านบาท ตามมาด้วยธุรกิจเหมืองแร่และเหมืองหิน ไปลงทุนโดยตรงในต่างประเทศทั้งสิ้น 5,790.94 ล้านบาท นอกจากนั้น ยังมีธุรกิจอื่นๆ ที่ไปลงทุนในต่างประเทศ อาทิ ธุรกิจผลิตอุปกรณ์ไฟฟฟ้า การขายส่งขายปลีกและการซ่อมยานยนต์ และมอเตอร์ไซด์ การผลิตเคมีภัณฑ์ การก่อสร้าง ที่พักแรม และบริการด้านอาหาร เป็นต้น
สำหรับกลุ่มประเทศที่ภาคธุรกิจไทยไปลงทุนมากที่สุด ใน 2 เดือนแรกของปีนี้ อันดับแรกคือ สหภาพยุโรป 18,646.55 ล้านบาท รองลงมาเป็นกลุ่มอาเซียน 10 ประเทศ 14,842.52 ล้านบาท โดยในกลุ่มนี้ พม่าเป็นประเทศที่ธุรกิจไทยไปลงทุนมากที่สุด 6,564.92 ล้านบาท อันดับที่ 3 เป็นออสเตรเลีย เงินลงทุนโดยตรง 5,297.13 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาสนี้มีเงินลงทุนจากไทยไปจีนไม่มากประมาณ 800 ล้านบาท
ส่วนการลงทุนในหลักทรัพย์ในต่างประเทศ ในไตรมาสแรก ยอดการลงทุนของคนไทยที่ไปลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศก็เพิ่มขึ้น เช่นกัน โดยไตรมาสแรกของปีนี้ มีการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศของคนไทยทั้งสิ้น 4,515 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทยทั้งสิ้น 135,450 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า 114,120 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ 4,651 ล้านเหรียญฯ หรือ 139,530 ล้านบาท ขณะที่การลงทุนในตราสารทุนติดลบ 136 ล้านเหรียญฯ หรือ 4,080 ล้านบาท
ด้านการลงทุนในเงินสด และการฝากเงินในต่างประเทศ ในไตรมาสแรกของปีนี้ มียอดการลงทุนในเงินสด และการฝากเงินของคนไทยไว้ในต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างน่าสังเกตุเช่นกัน โดยมียอดการลงทุนในเงินสดและเงินฝากทั้งสิ้น 2,752 ล้านเหรียญฯ หรือ 82,560 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 36,390 ล้านบาท ทั้งนี้ เมื่อรวมการนำเงินออกไปลงทุนในต่างประเทศ ทั้งการลงทุนโดยตรง การลงทุในหลักทรัพย์ และการลงทุนในเงินสด และการฝากเงินไว้ที่ต่างประเทศแล้ว พบว่าในไตรมาสแรกภาคธุรกิจและนักลงทุนไทยออกไปลงทุนในต่างประเทศสูงถึง 9,775 ล้านเหรียญฯ หรือ 299,250 ล้านบาท
ทั้งนี้ ธปท.ระบุว่า แนวโน้มการลงทุนในในต่างประเทศของภาคธุรกิจ และนักลงทุนไทยในปี 2555 นี้น่าจะสูงกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งมียอดการลงทุนโดยตรง ยอดลงทุนในหลักทรัพย์ และการลงทุนในงเงินสดและเงินฝากในต่างประเทศท รวมกันทั้งสิ้น 16,273 ล้านเหรียญฯ หรือ 488,190 ล้านบาท นอกจากนั้น ในช่วงครึ่งหลังของปี ธปท.จะมีการผ่อนคลายกฎเกณฑ์คุณสมบัติผู้นำเงินออกนอกประเทศและวงเงินการนำเงินออกนอกประเทศเพื่อลงทุน ให้สะดวกและง่ายมากขึ้น ตามแผนการเปิดเสรีเงินทุนเคลื่อนย้ายของธปท.คาดว่าจะเป็นแรงจูงใจให้ภาคธุรกิจนำเงินออกไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้นด้วย
